Jamsai
ทดลองอ่าน เกมล่าเดิมพันรัก บทที่ 6
เธอตื่นขึ้นมาก่อนฟ้าจะสว่าง
ลมฝนเมื่อคืนสลายไปนานแล้ว มีแต่เพียงลมเย็นยามเช้าที่พัดเข้ามาเบาๆ
เสียงหัวใจเต้นสม่ำเสมอของเขายังคงดังอยู่ข้างหู ร่างกายเขาคอยส่งผ่านไออุ่นผ่านเข้ามาที่ผิว สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายเธอ
เธอไม่ได้ขยับ ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอตื่นขึ้นมาแล้ว
เธอไม่เคยรู้เลยว่าร่างกายของคนเราจะอบอุ่นขนาดนี้ ลูบไล้ไปที่ผิวหนังแล้วจะรู้สึกดีอย่างนี้ ไม่เคยรู้เลยว่าการที่ถูกคนกอดไว้แนบอกจะรู้สึกดีแบบนี้
เธอไม่อยากจะตื่น แต่เธอยังจําได้ว่าตัวเธออยู่ที่ไหน
เธอค่อยๆ สูดหายใจเต็มปอดแล้วบังคับให้ตัวเองลืมตาขึ้น
เขากุมมือเธอไว้เบาๆ ภาพนั้นอยู่ตรงหน้า
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถูกคนกุมมือเอาไว้แล้วยังไม่รู้สึกตัว และไม่ได้สติตื่นขึ้นมาอีกด้วย
มือเขาใหญ่มาก ถึงแม้จะหยาบกระด้างไปบ้างแต่ก็หนักแน่นและอบอุ่น
พระจันทร์กำลังจะตกทางทิศตะวันตก แสงจันทร์ส่องมาที่หลังมือของเขาก่อนจะหายไปท่ามกลางแมกไม้
เธอมองเห็นปลายนิ้วของเธอที่โผล่ออกมาจากมือเขา เห็นว่ามันเต็มไปด้วยรอยด้าน มันวางพาดอยู่บนผิวหนังที่อบอุ่นของเขา เธอรู้สึกได้ถึงสัมผัสของเขาจากปลายนิ้ว และเสียงหัวใจเต้นที่แข็งแกร่งและมีพลังของเขา
ทันใดนั้นด้านบนก็มีเสียงดังขึ้น
เธอหันขวับไปมอง เห็นงูตัวหนึ่งแขวนตัวอยู่บนต้นไม้เหนือศีรษะเธอ แลบลิ้นขู่ออกมา
เธอไม่ได้ขยับ ไม่กล้าทำให้เขาตกใจ ได้แต่กลั้นลมหายใจ
เดิมทีเธอคิดว่าจะรอให้มันจากไปเอง แต่งูสีเขียวเข้มตัวนั้นเห็นเธอกับเขาแล้ว มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นและความร้อนของร่างกายที่ปล่อยออกมา มันแลบลิ้น ค่อยๆ เลื้อยลงมา เข้ามาใกล้จนเธอสามารถเห็นเกล็ดและดวงตาสีดำของมันได้
งูตัวนั้นอาจจะมีพิษ แต่แม้จะไม่มีพิษเธอก็ไม่อยากจะถูกมันกัด
ในขณะที่เธอกำลังคิดจะดึงมือออกจากมือของเขาเพื่อจัดการมันนั้น ผู้ชายที่อยู่ใต้ร่างเธอยกมือซ้ายขึ้นมาอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า จับหัวงูด้านหลังไว้ได้ งูตัวนั้นตกใจอ้าปากกว้าง ทำให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมและดุร้าย ดูเหมือนมันกำลังจะพันมือเขา ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาก็จัดการเขวี้ยงมันออกไป งูตัวนั้นม้วนตัวกลางอากาศแล้วตกไปที่พื้น มันรีบเลื้อยหนีเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว หายตัวไปในชั่วพริบตา
ตั้งแต่ต้นจนจบหัวใจเขาไม่ได้เต้นเร็วขึ้นเลย ลมหายใจก็ยังปกติ มือข้างซ้ายที่เพิ่งจับงูตัวนั้นค่อยๆ วางกลับมาที่เอวของเธอ
เธอดันตัวขึ้นจากเขา ลุกขึ้นนั่ง ก้มหน้าลงมองชายผู้ซึ่งตื่นอยู่ตลอดเวลา
เขาเองก็เงยหน้ามองเธอ มือข้างหนึ่งอยู่ที่เอวของเธอ ส่วนมืออีกข้างก็ยังกุมมือเธอไว้อยู่ที่หน้าอก
เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ รับรู้ได้แค่เสียงหัวใจเต้นของเขาที่อยู่ใต้ฝ่ามือเธอ จนกระทั่งตอนนี้มันถึงได้เริ่มเต้นเร็วขึ้น ทำให้มือค่อยๆ ร้อนขึ้น อยู่ๆ หัวใจเธอก็เต้นเร็วไปด้วยอย่างไม่มีเหตุผล
ฟ้าสว่างมากแล้ว
มือของเขาที่กุมมือเธอไว้ร้อนมาก เขามองตาเธอ มองทะลุไปยังอารมณ์ที่เธอไม่อาจอธิบายได้ ทำให้เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
ในขณะนั้นเอง ทุกอย่างที่เป็นตัวเขาก็ชัดเจนขึ้น ความร้อนของร่างกาย กลิ่น เสียงหัวใจเต้น ใบหน้ากว้าง ผิวหยาบกระด้าง แล้วยังดวงตาที่จ้องเธออีกเล่า
ในวินาทีนั้นเธอทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งเธอเห็นว่ามือขวาของตัวเองที่เดิมเคยจับมีดสั้นยกขึ้นมาลูบที่ใบหน้าและริมฝีปากเขา
เขาไม่ขยับ มีเพียงดวงตาดำเข้มคู่นั้นจ้องมองเธออยู่
เธอนิ่งงัน ดึงมือที่อยู่บนตัวและบนหน้าเขากลับมา จากนั้นม้วนตัวลงไปใต้ต้นไม้ แล้วเดินจากไป
ปลายนิ้วยังร้อนจัด ราวกับยังวางอยู่บนใบหน้าเขา ราวกับกำลังสัมผัสริมฝีปากเขา ไอร้อนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนไหลขึ้นมาที่หน้า ย้อมหูทั้งสองให้เป็นสีแดง ทำให้หัวใจเต้นเร็วจนเหมือนกับจะระเบิดออกมา
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอไม่รู้ว่าเมื่อกี้เธอตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
หน้าและหูของเธอแดงจัด เธอซ่อนปลายนิ้วร้อนนั่นด้วยการกำหมัด เดินต่อไป ไม่ยอมหันหลังกลับมา
ปลายขอบฟ้ามีแสงเรืองรอง
แม้ว่าจะอยู่ในป่าดิบชื้น แต่อุณหภูมิตอนเช้าตรู่ที่ลดต่ำลงก็ทำให้รู้สึกสบายตัว
หัวใจดวงหนึ่งยังคงเต้นแรงอยู่ในทรวงอก
เขาลุกขึ้นนั่ง มองตามผู้หญิงคนนั้นที่เดินจากไป ไม่ได้ลุกตามไปในทันที เธอไม่ไปไหนไกล แล้วเขาก็ต้องการเวลาสงบนิ่งสักเล็กน้อย
เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะแสดงอารมณ์แบบนั้นออกมา เขายังสงสัยว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็คงไม่รู้จักตัวเองในแบบนี้
…ประหลาดใจ งุนงง เปราะบาง คาดหวัง
เธอยื่นมือออกมาสัมผัสใบหน้าเขา ริมฝีปากเขา สัมผัสอย่างระมัดระวัง เหมือนกับจะไม่รู้สึกตัว เมื่อเธอได้สติกลับมาก็ดึงมือกลับ เขาถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอไม่รู้สึกตัวจริงๆ ว่ากำลังทำอะไร
เขาในตอนนั้นหัวใจเต้นเร็วขึ้น รู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งตัว
ผู้หญิงคนนั้นความรู้สึกช้า เธอยื่นมือมาสัมผัสเขา เข้ามาใกล้ ไม่มีสติ ปล่อยไปตามธรรมชาติ
เธอเดินไปแล้ว เขาอยากจะตามไปทันทีเพื่อยืนยันทุกอย่าง แต่ก็รู้ว่าถ้าทำอย่างนั้นยิ่งจะทำให้เธอตกใจ ก็เหมือนกับที่เขาตกใจ เพราะเธอทำให้เขาเกิดอารมณ์และความปรารถนา
คิ้วขมวดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขาสูดหายใจลึก ขอบฟ้าอีกด้านสว่างเรืองรองมากขึ้น เขาพยายามสงบใจลงแล้วจึงกระโดดลงมาใต้ต้นไม้ หามุมจัดการธุระส่วนตัวจากนั้นจึงเดินไปหาเธอ
เขาเดินตามร่องรอยของเธอผ่านต้นไม้ไป เริ่มได้ยินเสียงน้ำ แล้วก็ค่อยเห็นผู้หญิงคนนั้น
เธอถอดเสื้อเชิ้ตและยกทรงออก ยืนอยู่กลางลำธารเล็กๆ แสงแดดที่ลอดผ่านต้นไม้ส่องลงมาที่ตัวเธอ
เขายืนนิ่ง ไม่อาจก้าวขาต่อไป
เธอยืนหันหลังให้เขา กำลังก้มหน้าตรวจดูแผลบริเวณเอว
ผมของเธอเปียกชื้น เปียกอีกแล้ว
ก่อนหน้าที่เขาจะหาเธอเจอ เธอกำลังอาบน้ำชำระร่างกาย
แสงแดดส่องสว่างมาที่ร่างกายของเธอ เห็นรอยนูนของกระดูกหัวไหล่รวมทั้งรอยบวมช้ำตรงไหล่ขวา แขนที่กล้ามเนื้อกระชับและดูมีกำลังวังชา แผ่นหลังซีดขาว เส้นโค้งของสะโพกและบั้นท้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในกางเกงแสนจะดึงดูด มองแล้วไม่อยากละสายตา
ร่างกายของเธอก็เหมือนกับมือที่มีรอยแผลเต็มไปหมด ไม่สวยเลยสักนิด แม้ว่าเมื่อคืนเขาจะเห็นแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ได้สว่างขนาดนี้
ท่ามกลางแสงแดดยามเช้า รอยแผลเป็นต่างๆ ชัดเจนมาก ทำให้เขาหัวใจกระตุก
เขารู้อยู่แล้วว่ามือและเท้าของเธอมีแผลเป็น แต่ไม่รู้ว่าบนตัวเธอมีแผลเป็นที่หนักหนากว่า
ลอนดอนเป็นเมืองที่มีอากาศหนาว แม้ว่าจะเป็นฤดูร้อนก็อุณหภูมิอยู่ที่ยี่สิบกว่าองศา ส่วนใหญ่เธอจะสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
แผลเป็นพวกนั้นส่วนใหญ่สีจางลง แต่ก็มันก็ยังน่าตกใจอยู่ดี ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ควรจะมีแผลเป็นมากขนาดนี้ ไม่ควรจะบาดเจ็บมากขนาดนี้
อยู่ๆ ก็เหมือนรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ เธอจึงหันกลับไป คว้ามีดสั้นที่อยู่ตรงเอวขึ้นมาภายในพริบตา เธอดูจะไม่สนใจที่จะปกปิดร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเธอ ดวงตาดำขลับคู่นั้นเยือกเย็นเหมือนก้อนน้ำแข็ง
เธอนิ่งงันเมื่อเห็นเขา ลดมือที่ถือมีดสั้นลง สายตาเย็นชายังคงเหลือร่องรอยอยู่บนใบหน้า อยู่ในดวงตาคู่นั้น
ความโกรธ ความสงสาร ความปรารถนาที่อธิบายไม่ถูกผสมปนเปกันอยู่ในใจ
นักฆ่าแห่งแบล็กแชโดว์
เขารู้เรื่องนี้มาตลอด เขารู้ว่าเธอเป็นอะไร หรือว่าเธอเจออะไรมาบ้าง แต่เมื่อเขาเห็นรอยแผลทั่วตัวเธอ มองเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบของเธอ มองเห็นดวงตาอันเยือกเย็นที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เขาถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเธอถูกทรมานมาอย่างไร
ห้าปีแล้ว เธอยังไม่ลืม
คนพวกนั้นฝึกเธอ ปิดกั้นเธอ ให้เธอกินยา ล้างสมองเธอ พรากแม้แต่ความรู้สึกความนึกคิดอย่างคนธรรมดาไปจากเธอ
สิ่งที่ทำให้เขาโมโหที่สุดก็คือถึงแม้จะรู้แบบนี้แล้ว หลายปีที่ผ่านมาเขาก็ยังโง่ที่ปล่อยให้ตัวเองหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเธอ โง่เง่าที่คิดว่าด้วยฝีมือระดับเธอต้องสามารถปกป้องดูแลตัวเองได้
แต่เธอไม่สามารถ เธอไม่เข้าใจ เธอไม่รู้ว่าจะปกป้องร่างกายได้อย่างไร ยิ่งไม่มีวิธีรักษาจิตใจของตัวเอง
ไม่มีใครเคยสอนเธอ
ไม่มีใครบอกเธอว่าไม่ต้องถือมีดอีก ไม่มีใครบอกเธอว่าเธอสามารถหันหลังให้อดีต ไม่มีใครบอกเธอว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวและดำ ไม่มีใครบอกเธอว่าเธอทำได้ เธอมีค่าที่จะมีชีวิตต่อไป
วันเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นจนจบมันเลือนรางไม่ชัดเจน ทำให้เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกนี้ แต่แล้วในเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันกลับบีบบังคับให้เขาเปิดเผยมันออกมา
เขาเดินขึ้นไปข้างหน้า เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับตัวไปไหน
ตัวเธอยังมีรอยน้ำ เส้นผมก็ยังมีน้ำหยด ริมฝีปากสีชมพูและคางเล็กน่ารักยังคงมีหยดน้ำเกาะอยู่ แล้วมันก็ร่วงหล่น ไหลไปตามร่างกายของเธอ
ร่างกายที่ทั้งงดงามและอัปลักษณ์ ทั้งอ่อนโยนและหยาบกระด้าง
เขาเดินตรงเข้ามาหาเธอ ใกล้จนรู้สึกได้ถึงความร้อนจากตัวเธอ
เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ สูงเพียงปลายคางของเขา เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา
เขาก้มหน้าลง สองตามองมือเธอที่ยังกำมีดสั้น ถึงแม้ว่าเธอจะทิ้งมือลงข้างกายแล้ว แต่ก็ยังคงกำมันไว้แน่น
มีเพียงแค่ดวงตาคู่นั้นกับใบหน้าเล็กที่มีผมหยักศกเปียกล้อมรอบ กำลังแสดงอารมณ์ของการล่อลวงคนขึ้นมาอีกครั้ง
หลงใหล…
เขาค่อยๆ ก้มหน้าลง เธอกลั้นลมหายใจ แต่ก็ไม่ได้หลีกหนีไป
ประหลาดใจ…
ดวงตาที่มองเขาอยู่คู่นั้นหลุบลง บอกถึงความหวั่นไหวอันน้อยนิด อาจเป็นเพราะยังสับสน แล้วยัง…
ปรารถนา…
เขาเข้าไปใกล้ขึ้นอีก ก้มหน้าลงเลียน้ำที่เกาะริมฝีปากเธอ
ดวงตาของเธอสั่นไหว ปากเล็กๆ เผยอขึ้น สูดลมหายใจเข้าไปเบาๆ
เขาล่อลวงเธอ ใช้ริมฝีปากลูบไล้ริมฝีปากเธอ
เธอสูดหายใจเข้า ตัวสั่นนิดๆ ดวงตาดำยิ่งล้ำลึกเพราะความต้องการ มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ ริมฝีปากสีชมพูที่อ่อนนุ่มเปียกชื้นนั้นเผยอออกโดยไม่รู้ตัว
เขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ของเธอ ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ ร่างกายที่สั่นเทา ความร้อนของร่างกายที่ล่อลวงคน
เขาเปิดปากเว้าวอนให้เธอเปิดปากด้วย แล้วยื่นลิ้นเข้าไปหยอกล้อ จนกระทั่งเธอยอมรับเขา ให้เขาครอบครองตามอำเภอใจ
ทันใดนั้นเธอก็ตัวแข็งไปเล็กน้อยเพราะเขาจับมือของเธอที่กำลังกุมมีดสั้นไว้
เขาหยุดจูบ ดวงตาดําเธอขุ่นมัว ใบหน้าเล็กเป็นสีแดงแสดงถึงความปรารถนาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เขาจ้องมองเธอแล้วบีบมือซ้าย บอกความต้องการโดยไร้เสียง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็เห็นว่าเธอค่อยๆ ผ่อนคลายลง
เขาจับมีดสั้นของเธอ แต่ไม่ได้ดึงออกไป เพียงแค่ช่วยเธอเก็บมันกลับไปที่ซองหนังบริเวณเอวเท่านั้น
มองสายตาของเธอที่ไม่ได้เย็นชาอีกต่อไป ใบหน้าก็ไม่ได้ไร้ความรู้สึกแล้ว เขายกมือขึ้นสัมผัสไปที่ริมฝีปากแดงระเรื่ออันอ่อนนุ่มอีกครั้ง แล้วก็อีกครั้ง
“ผมไม่ใช่ศัตรูของคุณ”
เธอถอนหายใจตอบว่า “ฉันรู้ค่ะ”
“คุณไม่ต้องถือมีดใส่ผม”
“ฉันรู้ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา
“คุณไม่ได้ติดหนี้บุญคุณหานอู่ฉีหรือคนของเรดอาย”
เธอหลุบตาลง ตอบด้วยเสียงแหบพร่า “ฉันต้องทำเรื่องที่ถูกต้อง”
“หยิบมีดขึ้นมาแล้วกลับก็ไปในสนามรบไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง”
“ฉันฆ่าคนตาย” เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่ไม่ขุ่นมัว มองเขาแล้วพูดว่า “หลายคน”
“นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณถูกสะกดจิตล้างสมอง ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
เธอจ้องมองเขานิ่ง พูดด้วยเสียงอันเบาว่า “แต่ยังไงซะฉันก็ฆ่าคนตาย คนที่ตายแล้วไม่อาจฟื้นคืนได้ ฉันทำผิด ฉันต้องทำอะไรชดใช้ความผิดที่เคยทำมา”
“แต่ต้องไม่ใช้แบบนี้”
“ฉันรู้จักวิธีนี้เพียงวิธีเดียว” เสียงเบาตอบกลับ
เขามองดวงตาที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดของเธอ ฟังเสียงแหบแห้งที่สารภาพความรู้สึก นอกจากยืนนิ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีก
เธอทุกข์ทรมานมาก ทุกข์ทรมานมาโดยตลอด เขารู้ว่าเธอยังจำเรื่องราวที่ผ่านมาได้ทั้งหมด เรื่องเลวร้ายในวันเก่าๆ
เธอมักจะฝันร้าย ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เธอมักจะตกใจตื่นอยู่เสมอ แม้ว่าจะพยายามกลบเกลื่อนอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่อาจปกปิดมันได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่ดูทีวีตามข้างท้องถนนแล้วเห็นพวกผู้ต้องหา เห็นภาพคนที่โศกเศร้าเพราะสูญเสียญาติ ใบหน้าคนที่มีความทุกข์ เธอมักจะยืนนิ่งดูมันตั้งแต่ต้นจนจบ จากนั้นในยามค่ำคืนก็จะตื่นตกใจเพราะฝันร้ายในเรื่องเก่าๆ
“แบล็กแชโดว์บอกว่าฉันเป็นมีด” เธอพูดด้วยแสงเสียงแหบแห้ง “เป็นมีดที่ดีที่สุดที่เขาเคยใช้มา”
คำพูดนี้ทำให้หัวใจเขากระตุก
เขาเคยเห็นข้อมูลนั้น ข้อมูลจากชายที่ฝึกฝนและใช้ประโยชน์จากเธอได้เหลือทิ้งไว้ เขียนประโยคที่น่าสะอิดสะเอียน
“คุณไม่ใช่มีด” เขามองดูเธอพร้อมกับบอก “คุณคือฮั่วเซียง”
เธอมองเขานิ่งแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ ฉันคือฮั่วเซียง”
“ฮั่วเซียงเป็นสมุนไพรใช้รักษาโรค” เขาใช้คำพูดที่เธอเคยพูดเตือนสติเธอ
เธอใช้เสียงแหบแห้งตอบอีกว่า “โลกใบนี้ป่วย คนพวกนั้น คนที่สร้างเกมนี้ขึ้นมา คนที่มาเป็นนักล่า ล้วนแล้วแต่เป็นเซลล์ที่ผิดปกติ พวกมันคือมะเร็งร้าย เหมือนกับแบล็กแชโดว์”
คำพูดของเธอทำให้เขานิ่งงัน
ดวงตาดำกระจ่างจ้องมองที่เขา พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆว่า “ฉันจะลงมือตัดเนื้อร้ายนี้ด้วยตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ฉันสามารถแก้ไขได้ เป็นเรื่องที่ฉันสามารถชดเชยได้”
นี่ต้องเป็นความคิดของไอ้สารเลวหานอู่ฉีที่กรอกหูเธอแน่ๆ เขาอยากจะจับไหล่ของเธอแล้วเขย่าแรงๆ แต่เขารู้ดีว่าเขาไม่อาจจะเอาความคิดนี้ออกจากหัวเล็กๆ ของเธอได้
เพราะไอ้หัวหน้าโจรแซ่หานแทงตรงลงไปที่จุดตายของเธอ ไอ้สารเลวนั่นถนัดในการชักใยคน หมอนั่นรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้คนอื่นทำตามในสิ่งที่ตนต้องการได้
เธอมีอะไรที่ต้องทำอีกมาก มากกว่าตอนที่เป็นผู้ช่วยเขาที่บ้านเรือนั่น
เมื่อเธอหลุดพ้นจากการควบคุมของเงามืด ความรู้สึกผิดของเธอก็ผุดขึ้นมาทีละเรื่องๆ วันแล้ววันเล่า
ยิ่งมีสติก็ยิ่งดำดิ่ง ดังนั้นความรู้สึกผิดจึงฉุดรั้งเธอลงไป จนกระทั่งเธอจมหายไปทั้งตัว
“นี่เป็นเรื่องที่ฉันจะต้องทำ” เธอบอกพร้อมกับจ้องมองเขา “ฉันติดหนี้อยู่”
มองสีหน้าสงบนิ่งของเธอ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่ว่าตัวเองจะพูดอะไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเธอได้
เธอเชื่อว่าตัวเองมีความผิด เธออยากจะล้างความผิด
เขาดึงมือตัวเองที่อยู่บนแก้มเธอกลับ เม้มปากแน่นด้วยอารมณ์โมโหและหงุดหงิด ในหัวมีแต่เรื่องที่อยากจะสับหานอู่ฉีออกเป็นชิ้นๆ และจัดการให้เธอหมดสติ จะได้แบกผู้หญิงดันทุรังคนนี้ออกไปจากเกมบ้าๆ นี่เสียที
ราวกับเธออ่านความคิดเขาออก เธอเอ่ยต่อว่า
“ฉันรู้ว่าตอนที่คุณอยู่ที่เรดอาย คุณได้อ่านข้อมูลของฉันที่พวกคุณดาวน์โหลดออกมาจากคอมพิวเตอร์ขององค์กรแบล็กแชโดว์ ฉันเชื่อว่าคุณคงรู้ว่าฉันสามารถปกป้องตัวเองได้ เหมือนกับที่คุณเคยพูดไว้ คุณให้ฉันอยู่ที่บ้านเรือ ให้ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณก็เพราะฉันสามารถดูแลตัวเองได้”
เขายิ่งหงุดหงิดขึ้น คิ้วขมวดกันแน่น สองมือกำหมัดแล้วกัดฟันพูด
“ผมเคยคิดว่าคุณทำได้ แต่เห็นอยู่แล้วว่า…”
“ฉันทำได้ ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” เธอพูดขัดขึ้น แล้วพูดต่ออย่างรวดเร็วว่า “คุณก็รู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้าง ข้อมูลพวกนั้นเป็นเรื่องจริง ฉันไม่เคยทำงานผิดพลาดมาก่อน”
เขานิ่งงัน
“ไม่เคยเลย” เธอจ้องเขาอย่างจริงจัง
ดวงตาดำของเธอเย็นชาขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขามองเห็น รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่แทรกตัวออกมา
ขมขื่น โกรธแค้น รู้สึกผิด…
อารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้กัดแทะเธอ กัดแทะจิตวิญญาณของเธอเป็นชิ้นๆ
เขาจึงไม่พูดอะไรต่อ ทำได้เพียงแค่นิ่ง
“นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ฉันไม่ใช่ความรับผิดชอบของคุณ คุณควรจะออกจากที่นี่ไป”
เธอเตือนเขาด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ตอนเจ็ดโมงเช้ากำไลข้อมือนี้จะแสดงเป้าหมายของเกมเลเวลสอง ข้างบนนี้มีกล้องจับภาพขนาดเล็กอยู่ สามารถจับภาพจากข้อมือฉัน ฉันต้องหยุดการส่งสัญญาณรบกวนของถูเจิ้นถึงจะรับข้อมูลได้ ฉันเชื่อว่ากำไลข้อมือนี้มีการติดตั้งระบบตรวจสอบ สามารถส่งภาพและเสียงกลับไปต้นทาง ถ้าคนพวกนั้นรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ พวกมันก็จะรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ผิดปกติ”
ปากเธอพูดในสิ่งที่น่าโมโหออกมา ใบหน้าที่สงบนิ่งของเธอก็ทำให้เขาหงุดหงิด แต่เขากลับไม่อาจโมโหใส่เธอได้
‘นี่เป็นเรื่องที่ฉันสามารถแก้ไขได้ นี่คือสิ่งที่ฉันสามารถชดเชยได้’
เธอพูดไว้
‘นี่เป็นเรื่องที่ฉันต้องทำ’
สงบนิ่งและแน่วแน่
เขาไม่ถกเถียงกับเธอต่อ เพียงแค่หันหลังแล้วจากไป