“เท่าที่ข้าทราบ มีเด็กและสตรีหลายคนถูกจับตัวไป ข้าสงสัยว่าโจรพวกนั้นจะร่วมมือกับพวกหมานทางตอนเหนือ เด็กและสตรีที่ถูกจับตัวไปคงถูกขายไปยังชนเผ่าต่างๆ แล้ว”
“ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี โจรผู้ร้ายเลวทรามพวกนั้นหากข้าจับมันได้จะให้มันขออยู่ก็ไม่รอด ขอตายก็ไม่ม้วย!**” หู่เปินอดตบโต๊ะพลางก่นด่าออกมาไม่ได้
อิงเสวี่ยหรงเอ่ยเสียงเบาอย่างเป็นกังวลว่า “เพียงแต่น่าเสียดาย คนของข้าไม่เพียงพอ หากเรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงพวกหมานทางเหนือ ความสามารถของข้าใช่ว่าจะกระทำการใดได้ ทราบมาว่าประมุขต้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับราชสำนัก จึงมาเพื่อขอคำชี้แนะโดยเฉพาะ”
หู่เปินรีบเอ่ย “แม่นางอิงวางใจ ปราสาทเขาชิงอวี้ของพวกเราไม่ละเลยเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ท่านประมุข ท่านว่าเรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร”
บริวารต่างมองไปทางท่านประมุขเป็นตาเดียว แต่พบว่าท่านประมุขไม่เอ่ยวาจาใดๆ ใบหน้าอึมครึม ทุกคนคิดว่าคงเพราะท่านประมุขได้สดับเรื่องราวนี้แล้วให้รู้สึกเคียดแค้นอย่างลึกซึ้งเช่นกัน
“อืม…ข้าเข้าใจแล้ว…”
ต้วนฉางยวนเพียงเอ่ยประโยคนี้ออกมาเท่านั้น สีหน้าอึมครึมลงทุกขณะ ประหนึ่งว่ากำลังอดกลั้นสิ่งใดอยู่ ส่วนสายตาของเขามิได้มองอิงเสวี่ยหรง แต่จับจ้องจอกสุราในมือเขม็ง
อิงเสวี่ยหรงรู้ดีว่ายามนางแสดงท่าทางกลัดกลุ้มกังวลจะดูน่าเวทนาสงสารเป็นพิเศษ แต่ว่าต้วนฉางยวนกลับไม่มองนางจึงอดรู้สึกเคืองอยู่ในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่แสดงว่าต้วนฉางยวนเป็นบุรุษที่ไม่ถูกล่อหลอกด้วยความงดงามแห่งสตรีได้โดยง่าย ยิ่งทำให้ความอยากเอาชนะของนางลุกโชนขึ้นมา
นางเก็บสายตากลับมา ทำท่ากลัดกลุ้มสุดประมาณ
“โจรกลุ่มนี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ข้าเคยลองส่งคนไปค้นหารังของพวกมัน ทว่าความสามารถไม่ถึง ข้ารู้ซึ้งถึงศักยภาพที่แท้จริงของปราสาทเขาชิงอวี้ หวังว่าปราสาทเขาของท่าน…”
ยังไม่ทันเอ่ยจบต้วนฉางยวนก็ลุกพรวดขึ้นกะทันหัน ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวว่า…
“ขออภัยแม่นางอิงด้วย ข้าน้อยแซ่ต้วนจำต้องขอตัวสักครู่ เอ้อ…มีเรื่องอันใดก็บอกต่อหู่เปิน ปราสาทเขาอันต่ำต้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
พูดจบก็หันมากำชับพวกหวังสยง
“หวังสยง หู่เปิน ดูแลแม่นางอิงให้ดี”
ไม่รอให้ผู้ใดรับคำ เขาก็ก้าวยาวๆ ออกจากห้องพิเศษไป ทิ้งทุกคนให้ทำหน้าเหลอหลาอยู่ในที่นั้น
** ขออยู่ก็ไม่รอด ขอตายก็ไม่ม้วย เป็นสำนวน หมายถึงอยากอยู่ไม่ได้อยู่ อยากตายไม่ได้ตาย ทุกข์ทรมานแสนสาหัส
ติดตามต่อได้ใน “กลรักดอกท้อ” ฉบับเต็ม