นางไร้ที่พึ่ง ไม่อาจวิงวอนร้องขอผู้ใด ท่านพ่อท่านแม่ที่รักเอ็นดูนางที่สุดต่างอยู่บนสวรรค์แล้ว นางหาคนพึ่งพิงไม่ได้ และก็ไม่เชื่อใจใครหน้าไหน จึงเร้นกายตัวเอง หลบๆ ซ่อนๆ มาตลอดทางจนถึงปราสาทเขาชิงอวี้ และเพราะทราบมาว่าวิทยายุทธ์พลังหยางที่ต้วนฉางยวนร่ำเรียนมาอาจถอนพิษราคะให้นางได้ นางก็เฝ้ารอคอยเขา
ผู้คนทั่วหล้ายกย่องเขาว่าเป็นวีรบุรุษผู้กล้า ต่อกรพวกหมาน ปราบโจรผู้ร้ายราบคาบ ยามราษฎรมีทุกข์เขานำทัพอยู่เบื้องหน้า แบกรับหน้าที่โดยไม่ลังเล ดังนั้นนางจึงใฝ่ฝันถึงเขาเหมือนสตรีเยาว์วัยทั่วหล้า
ทว่าบัดนี้นางไร้ซึ่งความคาดหวังใดๆ ต่อเขาอีกต่อไปแล้ว
ช่วงที่สูญเสียความสวยสดงดงาม นางมองหลายเรื่องทะลุปรุโปร่ง ความคิดก็เปลี่ยนแปรไปไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว แม้ไม่ถึงกับชิงชังผู้คน แต่ก็ไม่ถือว่าบุรุษสำคัญอย่างไรต่อไปอีก
นางเอ่ยเย้าเจียงเซ่าเหิงว่า “ช่างน่าเสียดายจริง เจ้าบอกว่าจะตอบแทนบุญคุณ ข้ายังคิดว่าเจ้าจะพลีกายเป็นการตอบแทนเสียอีก”
ใบหน้าของเจียงเซ่าเหิงกระตุกยิก แม้เขาไม่ได้ตอบ แต่จากสีหน้า อวี๋เสี่ยวเถาเดาได้ว่าเขาคงคิดอยากจะเอ่ยว่า ‘ฝันไปเถอะ!’ กระมัง
อวี๋เสี่ยวเถาประคองเขาเข้าห้องและให้นั่งลงบนขอบเตียง กำชับให้เสี่ยวเอ้อร์นำน้ำมาอ่างหนึ่ง รอจนเสี่ยวเอ้อร์จากไปแล้วก็หันมาสั่งการว่า “เจ้าโคจรกำลังภายในปรับสภาพก่อน ประมาณหนึ่งเค่อ* เจ้าก็จะกลับเป็นปกติ”
เจียงเซ่าเหิงชะงักกึกอย่างงงงัน “ไม่ต้องกินยาถอนพิษหรือ”
“ข้าจะเอายาถอนพิษมากมายมาจากที่ไหน ข้าแค่วางยาชาเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าโคจรพลังถอนพิษเองก็ได้แล้ว” นางว่าพลางทำท่าเหมือนเขาเป็นตัวภาระเพิ่มความยุ่งยากให้
“…”
เจียงเซ่าเหิงไร้ซึ่งวาจา รู้สึกว่าเขาถูกสตรีผู้นี้ปั่นหัวอีกแล้ว แต่ไม่โกรธอะไรมาก กลับยิ่งรู้สึกว่าน่าสนใจ เขาเพ่งพิศพิจารณานางอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง
รอจนกระทั่งเสี่ยวเอ้อร์นำน้ำเข้ามา นางมอบเศษเงินเล็กน้อยให้เสี่ยวเอ้อร์ออกไป แล้วหันมาพูดกับเขาว่า “เจ้าโคจรพลังสิ! ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว”
เห็นว่านางจะจากไป เขาจึงรีบถาม “เจ้าจะไปไหน”
มือของอวี๋เสี่ยวเถาทาบอยู่บนบานประตูแล้วหันกลับมาฉีกยิ้มซุกซนเจ้าเล่ห์ “ไปแก้แค้นคนขัดหูขัดตาก่อน”
เมื่อออกจากห้อง ก้าวลงบันได อวี๋เสี่ยวเถาก็มองไปทางห้องพิเศษนั้นปราดหนึ่งแล้วแอบหัวร่ออยู่ในใจ พอดีเห็นเสี่ยวเอ้อร์ส่งถาดอาหารขึ้นมา ไม่ต้องถามก็รู้ว่าส่งไปให้ห้องพิเศษนั้นเป็นแน่ นางชำเลืองมองครู่หนึ่ง จากนั้นก็สะบัดมืออย่างแผ่วเบา แมลงบินตัวจ้อยตัวหนึ่งก็ปีนเข้าไปในกาสุรานั้น
นางเดินเฉียดไหล่ผ่านเสี่ยวเอ้อร์ไป ชำเลืองมองด้วยหางตา เห็นเสี่ยวเอ้อร์ยกถาดอาหารไปทางโต๊ะของต้วนฉางยวน นางยกยิ้มมุมปากแล้วเดินลงบันไดอย่างเริงร่า รอชมเรื่องสนุก
“ขออภัย ขอเบียดด้วยคน! ขอบคุณมาก”
นางเลือกเบียดตัวนั่งร่วมโต๊ะกับผู้อื่น เพิ่งนั่งลงก็มีหญิงนางหนึ่งมาถึงหน้าโต๊ะแล้วทอดสายตาลงมองพลางเรียกนางอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
* เค่อ หน่วยนับเวลาของจีนที่มีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ เทียบเวลาประมาณ 15 นาที