อวี๋เสี่ยวเถาปรายตามองชายผู้เอ่ยวาจาหยาบโลนปราดหนึ่ง ยังคงเม้มปากยิ้มบาง ปล่อยให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะเย้ยตามอำเภอใจและสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้มั่น ไม่นานเจียงเซ่าเหิงก็เดินลงบันไดมาตามคาด แสดงว่ายาชาถูกขจัดออกไปแล้ว นางรีบขึ้นหน้ารับ กระซิบกระซาบข้างหูเขาต่อหน้าทุกคน
“เจ้าบอกว่าจะตอบแทนบุญคุณข้า พูดจริงหรือไม่”
เจียงเซ่าเหิงเห็นใบหน้าจริงจังของนางแล้วมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่เขาเดินลงบันไดมาก็ได้เห็นว่าทุกคนกำลังหัวเราะเย้ยหยันนาง และในบัดนี้ทุกสายตาต่างรวมมาอยู่ที่พวกเขาทั้งคู่ เขารู้แน่แก่ใจจึงตอบกลับไปเสียงเบาว่า “ขอเพียงมิใช่เรื่องผิดมโนธรรม”
“วางใจเถอะ ไม่ได้บอกให้เจ้าสังหารใครและมิใช่ให้พลีกายตอบแทน บัดนี้ข้าอยากให้เจ้าช่วยเล่นละครสักฉาก ให้ข้าได้หน้าต่อหน้าทุกคน ได้หรือไม่”
เจียงเซ่าเหิงคิดแล้วคิดอีกก่อนจะพยักหน้า “ได้”
เมื่อได้รับความเห็นชอบ นางจึงรีบลากแขนเขามายืนอยู่ต่อหน้าทุกคน ชี้ไปยังสตรีที่ตำหนินางก่อนเป็นคนแรก
“พวกเขาปรักปรำข้า หาว่าข้าไม่รู้จักยางอายมาเกาะแกะล่อลวงเจ้า เจ้าบอกความจริงแก่พวกเขาสิว่าเจ้าดึงดันจะตามข้าเอง” เอ่ยมาถึงตรงนี้นางก็บีบน้ำตาออกมาสองหยด แล้วกล่าวอย่างเจ็บช้ำน้ำใจว่า “ข้าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ถูกใส่ความทำให้ความบริสุทธิ์แปดเปื้อนก็เพราะเจ้าแท้ๆ หากเจ้าไม่พูด ข้าก็จะจากไปทันที ชื่อเสียงแปดเปื้อนนี้ข้าขอรับไว้เอง”
สีหน้าของเจียงเซ่าเหิงออกจะตึงเครียด เดิมเขาคิดว่านางจะให้จัดการสั่งสอนพวกสายตาสุนัขดูถูกผู้อื่นเสียอีก คาดไม่ถึงว่าจะให้เขาเอ่ยวาจาน่าขายขี้หน้านี้ต่อหน้าธารกำนัล แต่พอเห็นนางแสร้งร่ำไห้อีกครา จู่ๆ ก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรง
เหตุใดคนที่ช่วยชีวิตเขาต้องเป็นสตรีนางนี้ด้วย อีกทั้งเมื่อครู่เขายังตกปากรับคำว่าจะช่วยอีก บีบคั้นจนไม่มีทางเลือก ได้แต่เล่นละครฉากนี้ด้วยกัน ยิ่งยามที่นางแสร้งร่ำไห้ยังแอบใช้มือหยิกแผ่นหลังของเขา เร่งรัดให้รีบเอ่ย
เจียงเซ่าเหิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่ผิด เป็นข้า…เกาะแกะนางเอง”
วาจานี้เมื่อเอ่ยออกไป บรรดาหญิงสาวในร้านต่างฮือฮา
“คุณชาย เหตุใดท่านจึงยอมพูดปดเพื่อนาง ความลับของท่านอยู่ในเงื้อมมือนางใช่หรือไม่”
“นั่นสิ! คุณชาย ท่านมีเรื่องคับข้องใจอันใดเชิญเอ่ยออกมา อย่าได้ตกหลุมพรางของหญิงหน้าไม่อายผู้นี้อย่างเด็ดขาด”
“ไม่ผิด ขอเพียงท่านเอ่ยปาก พวกเราจะช่วยท่านสั่งสอนหญิงหน้าไม่อายผู้นี้เอง!”
หน้าของเจียงเซ่าเหิงเครียดขรึม เอ่ยเตือนว่า “ใครกล้าแตะต้องนาง ถามดาบของข้าก่อน”
พริบตานั้นกระแสสังหารที่เขาแผ่ซ่านออกมาทำให้แม่นางทุกคนอดถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่ได้ สายตาคมกริบที่เขากวาดตามองไปโดยรอบก็ทำเอาเงียบงันไปทั้งร้าน ทุกคนต่างตื่นตระหนกขวัญผวา สำหรับเจียงเซ่าเหิงแล้ว อวี๋เสี่ยวเถาเป็นผู้มีบุญคุณ เขาปกป้องนางเป็นเรื่องชอบด้วยเหตุและผล ต่างจากบุรุษปกป้องสตรีที่หมายปองลิบลับ ทว่าในสายตาของผู้คนโดยรอบ การกระทำของเขาถูกมองว่าเป็นการพิทักษ์ปกปักและเอาใจใส่คู่รัก
อวี๋เสี่ยวเถาเห็นสีหน้าของทุกคนแล้วก็รีบขดตัวไปหลบข้างหลังเจียงเซ่าเหิงด้วยปฏิกิริยาฉับไว แล้วโผล่หน้ามาเพียงครึ่งเดียว
“ความริษยาของสตรีช่างน่ากลัวนัก…” น้ำเสียงของนางน่าสงสารยิ่ง แต่วาจาที่เอ่ยออกมานั้นเชือดเฉือนผู้คน เจตนาทำให้เหล่าสตรีที่ไม่ยอมแพ้พวกนั้นโมโหจนตาย