“เวลานี้ยังซ่อมแซมอยู่ ประตูเมืองทางด้านตะวันตกและด้านเหนือก็ได้สร้างขึ้นใหม่แล้ว”
“ต้าฟูจงกลับไปทูลไช่โหว ไช่และฉู่เป็นแว่นแคว้นที่เป็นมิตรกัน หากมีความลำบากอะไรก็บอกข้าได้”
กุยสวินดีใจยิ่งนัก กล่าวขอบพระทัยไม่หยุด
เวลาล่วงเลยมามากแล้ว กุยสวินไม่กล้ารบกวนนาน หลังจากสนทนากันพอสมควรแล้วก็ทูลลาและกลับออกไป
มู่ฟูเหรินสั่งให้ซื่อเหรินยกน้ำแกงข้นมา และร่วมกินอาหารว่างมื้อดึกกับฉู่หวัง
เจิ้งจียกอ่างน้ำเข้ามาด้วยตัวเอง ปรนนิบัติฉู่หวังล้างมือบ้วนปากจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
นางนั่งลงข้างกายฉู่หวัง ช่วยเขาพับแขนเสื้อขึ้น แล้วเอามือของเขาแช่ลงไปในน้ำอุ่น ลูบไล้จนทั่ว น้ำอุ่นเป็นน้ำแช่ดอกกล้วยไม้ มีกลิ่นหอมจรุงใจโชยมาอ่อนๆ ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ
ฉู่หวังมองๆ เจิ้งจี นางก้มหน้าคล้ายตั้งอกตั้งใจยิ่ง ขนคิ้ววาดจนเรียวยาว ขับดุนดวงหน้างามเพริศพริ้ง ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกรักและสงสาร
“หลายวันก่อนแม่ไม่ค่อยสบาย เจิ้งจีมาอยู่ปรนนิบัติทั้งวันทั้งคืน ลำบากไม่น้อย” มู่ฟูเหรินที่นั่งอยู่ตำแหน่งสูงกล่าวขึ้น
“อ้อ” ฉู่หวังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ปรนนิบัติฟูเหรินเป็นเรื่องสมควร ไยต้องเอ่ยถึงเรื่องลำบาก” เจิ้งจีรีบกล่าว น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง
มู่ฟูเหรินยิ้มน้อยๆ “มีความชอบเป็นเรื่องจริง เจ้าก็อย่าถ่อมตัวเลย”
ฉู่หวังได้ยินมู่ฟูเหรินกล่าวเช่นนี้ก็มีรับสั่งกับเสี่ยวเฉินฝู “ประทานกำไลหยกหนึ่งคู่ ผ้าไหมสามพับแก่เจิ้งจี”
เสี่ยวเฉินฝูรับพระบัญชา
เจิ้งจีรีบคุกเข่าฟุบร่างลงที่เบื้องหน้า กราบขอบพระทัยฉู่หวังและมู่ฟูเหรินที่ทรงเมตตา
มู่ฟูเหรินมองฉู่หวัง แล้วให้เจิ้งจีกับคนอื่นๆ ล่าถอยออกไป
“ได้ยินว่าต้าหวังจะยกกำลังทหารไปปราบแคว้นยง” นางถามขึ้น
“ไม่ผิด” ฉู่หวังตอบ
“ลิ่งอิ่นรับปากแล้วหรือ”
“ลิ่งอิ่นเท้าเจ็บ ไม่ได้มาราชสำนัก”
“อ้อ” มู่ฟูเหรินมองเขาด้วยแววตาแฝงความหมายลึกล้ำ “ลิ่งอิ่นเท้าเจ็บได้ประจวบเหมาะพอดี”
“ในที่ประชุมขุนนาง คนที่เสนอให้ย้ายเมืองหลวง กว่าครึ่งเป็นคนของสกุลรั่วเอ๋า” ฉู่หวังเอ่ยถึงเรื่องนี้ สีหน้าเคร่งขรึมลง “ราชกิจต่างๆ ในแคว้น ลิ่งอิ่นเป็นผู้ควบคุมบงการ หากลิ่งอิ่นขลาดกลัวไม่กล้าบุกไปข้างหน้า เจอเรื่องก็เอาแต่หลบหลีก เก็บเอาไว้จะมีประโยชน์อันใด หลังจากโต้วกู่อูถูแล้ว สกุลรั่วเอ๋าก็ไม่มีผู้ปรีชาสามารถอีก”
สกุลรั่วเอ๋าสืบเชื้อสายมาจากรั่วเอ๋าผู้นำชาวฉู่ในอดีต แยกออกเป็นสองสาย หนึ่งคือสกุลสายโต้ว อีกหนึ่งคือสกุลสายเฉิง
รั่วเอ๋าเป็นวงศ์สกุลที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดในแคว้นฉู่ รับตำแหน่งลิ่งอิ่นและซือหม่ามาหลายชั่วอายุคน คนในวงศ์สกุลส่วนใหญ่ดำรงตำแหน่งสำคัญ สกุลรั่วเอ๋ายิ่งเติบใหญ่เข้มแข็ง ความสัมพันธ์กับราชวงศ์นับวันก็ยิ่งลึกซึ้ง ในสมัยเฉิงหวัง โต้วกู่อูถูรับตำแหน่งลิ่งอิ่น มีสติปัญญาความสามารถและซื่อสัตย์สุจริต ได้รับความเคารพเลื่อมใสจากเฉิงหวังและราชสำนักประชาชน ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้มีคุณธรรม แต่เฉิงจยาผู้มารับตำแหน่งต่อจากเขา แม้จะมีความสามารถแต่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ รวบอำนาจการบริหารบ้านเมืองไว้เพียงคนเดียว ปีที่ฉู่หวังขึ้นสืบทอดตำแหน่ง เฉิงจยากรีธาทัพไปปราบปรามชนเผ่าซู ให้โต้วเค่อและกงจื่อเซี่ยรั้งอยู่นครอิ่งตูช่วยฉู่หวังบริหารราชการแผ่นดิน โต้วเค่อไม่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญมานาน ในใจมีความคุมแค้นอยู่แล้ว จึงร่วมมือกับกงจื่อเซี่ยจับตัวฉู่หวังเป็นตัวประกันแล้วมุ่งหน้าไปเมืองซางมี่ ดีที่ตอนผ่านเมืองหลูอี้ ต้าฟูหลูจี๋หลีหลอกสังหารคนทั้งสอง จึงรอดพ้นจากอันตรายในครั้งนั้นมาได้