เรื่องนี้ผู้ริเริ่มลงมือล้วนเป็นคนในสกุลรั่วเอ๋า ฉู่หวังเพิ่งขึ้นสืบทอดตำแหน่งก็ต้องมาพบกับการเปลี่ยนแปลง ต้องเผชิญกับความยากลำบากทุกข์ทรมานก็ยิ่งหูตาสว่างมากขึ้น
ลิ่งอิ่นโต้วปันซึ่งเป็นลิ่งอิ่นคนปัจจุบันเป็นบุตรชายของโต้วกู่อูถูขุนนางคนสำคัญในรัชกาลก่อน ซือหม่าโต้วเจียวก็มาจากสกุลรั่วเอ๋า ทำให้ฉู่หวังอดหวาดระแวงไม่ได้
มู่ฟูเหรินดูสีหน้าฉู่หวัง รู้ว่าบุตรชายผู้นี้มีเรื่องบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ จึงไม่พูดอะไรอีก
“สกุลรั่วเอ๋ามีรากฐานแน่นหนาแข็งแรง ถ้าบุ่มบ่ามไปแตะต้อง อาจส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองได้ ต้าหวังไม่อาจใจร้อน”
ฉู่หวังมองมารดาแล้วประสานมือ “ข้าทราบดี”
แม่ลูกสองคนต่างสนทนากันอย่างอบอุ่นมีความสุข
มู่ฟูเหรินดื่มน้ำแกงข้นปลาไปคำหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ “กุยสวินมาในครั้งนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ซูจีธิดาของไช่โหวเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มารดาของนางเป็นหญิงงามที่เลื่องชื่อ ซูจีคล้ายมารดามาก ถึงพร้อมทั้งคุณธรรมและความงาม ไช่โหวอยากจะเกี่ยวดองกับต้าหวังด้วยการแต่งงาน ไม่รู้ต้าหวังคิดเห็นเช่นไร”
ตอนมู่ฟูเหรินให้คนแจ้งข่าวให้ฉู่หวังทราบว่าแคว้นไช่ส่งทูตมา ฉู่หวังก็รู้แล้วว่าต้องมีเรื่องนี้อยู่ด้วยแน่นอน
ฉู่หวังขึ้นสืบทอดตำแหน่งมาได้เกือบสามปี ยังไม่ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรส มู่ฟูเหรินเป็นกังวลในเรื่องนี้มาโดยตลอด นางมาจากแคว้นไช่ก็หวังว่าฉู่หวังจะสมรสกับสตรีแคว้นไช่ นับแต่ไช่โหวขึ้นเป็นเจ้าแคว้น นางก็เอ่ยถึงซูจีผู้นี้เสมอ แสดงเจตนาเป็นนัยครั้งแล้วครั้งเล่า มาบัดนี้ไช่โหวเป็นฝ่ายแสดงเจตจำนงว่าต้องการจะให้สองแคว้นเกี่ยวดองกันด้วยการสมรส มู่ฟูเหรินจึงไม่ปิดบังท่าทีอีก พูดต่อหน้าอย่างเปิดเผย
“ซูจีผู้นี้ เสด็จแม่เคยพบหรือ” ฉู่หวังไม่รีบร้อนแสดงท่าที เอ่ยถามขึ้น
“ซูจีอยู่แคว้นไช่ แม่จะเคยพบได้อย่างไร” มู่ฟูเหรินรู้เจตนาของเขาจึงยิ้มๆ “ทว่าไช่โหวกับฟูเหริน แม่เคยพบแล้ว รูปโฉมความงามของซูจีเป็นที่เล่าลือกันแพร่หลาย ต้าหวังวางใจได้”
“แคว้นไช่ พื้นภูมิสู้แคว้นซ่ง แคว้นเจิ้งไม่ได้ กำลังทหารก็สู้แคว้นจิ้น แคว้นฉินไม่ได้” ฉู่หวังเอ่ยช้าๆ “ข้าแต่งกับสตรีแคว้นไช่ มีประโยชน์อันใดต่อแคว้นฉู่”
มู่ฟูเหรินถูกคำพูดนี้ทำเอาพูดไม่ออก สีหน้าออกจะไม่ชวนมอง
“แคว้นไช่เป็นบ้านเกิดของแม่ ไช่โหวก็เป็นญาติพี่น้องของเจ้า” มู่ฟูเหรินกล่าว “แคว้นไช่แม้จะอ่อนแอ แต่ไม่เหมือนผู้อื่นที่เอาแต่คิดจะแว้งกัดเจ้า ต้าหวังคงยังไม่ลืมว่าแคว้นไช่เคยช่วยคนฉู่รบกับแคว้นเฉินจนพ่ายแพ้ไป”
“จะคิดร้ายต่อกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ ไม่ใช่ความเป็นญาติ” ฉู่หวังเอ่ยเสียงเย็น “ในบรรดาแคว้นต่างๆ ที่เป็นศัตรูกับฉู่ก็ไม่ขาดความเป็นญาติพี่น้องเกี่ยวดองกัน” พูดจบเขาก็เห็นมู่ฟูเหรินทำท่าจะโกรธ จึงผ่อนน้ำเสียงลง “เสด็จแม่ แต่งงานเป็นเรื่องฟ้าลิขิต ข้าได้มอบหมายให้ปู่อิ่น* เสี่ยงทายแล้ว เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปรึกษากันให้ดี”
มู่ฟูเหรินได้ยินคำพูดนี้ ทั้งเห็นเขามีท่าทีเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ก็ไม่อาจกล่าวต่อไปได้อีก
* ปู่อิ่น เป็นตำแหน่งขุนนางผู้ทำหน้าที่เสี่ยงทาย เทียบได้กับโหรหลวง