Essay
I Decided to Live as Myself หนังสือเพื่อการใช้ชีวิตให้มีความสุขและมีความหมาย
คุณเคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหม?
“ฉันยังดีไม่พอรึเปล่า”
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่เก่งเลย”
“คนอื่นจะคิดยังไงกับฉันนะ”
“ไม่กล้าบอกความรู้สึกของตัวเองแม้ว่าจะพบกับความยากลำบาก”
“ทำไมฉันต้องใจดีกับคนที่ไม่ควรใจดีด้วย”
และอื่นๆ อีกมากมาย
ในชีวิตของเราทุกคนล้วนเคยผ่านเรื่องราวมามากมาย ทั้งเรื่องที่ดีใจ เสียใจ ภูมิใจ ไม่มั่นใจในตัวเองหรือแม้แต่สงสัยในตัวเอง ฯลฯ บางเรื่องราวอาจทำให้เราเกิดความรู้สึกสับสนและหวั่นไหวขึ้นในใจ แล้วอะไรคือสาเหตุของความรู้สึกเหล่านั้นกันนะ วันนี้แจ่มใสขอนำหนังสือ I Decided to Live as Myself มาให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ
I Decided to Live as Myself เขียนและวาดภาพประกอบโดย Kim Suhyun แปลโดย พัชรางสุ์
ผู้เขียนมักสงสัยถึง ‘เหตุผล’ และมักจะถามว่าทำไมทุกครั้ง
จนหลายคนคิดว่าฉันเป็นพวกต่อต้าน
แต่ฉันที่ถามก็เพราะสงสัยถึงเหตุผลจริงๆ
พอเติบโตเป็นผู้ใหญ่
อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นกระจอกและไร้ประสิทธิภาพ
ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ ความสามารถหรืออายุ มันไม่มีอะไรชัดเจนเลย
ตอนนั้นเธอคิดว่าคงทำอะไรผิดพลาดไปสักอย่าง
ไม่ตั้งใจเรียนหรือเปล่า
ไม่มีความอดทนต่อการทำงานหรือเปล่า
แต่ไม่ว่าจะนึกยังไง ก็ไม่มีอะไรที่ทำผิดพลาดเลย อาจมีบ้างที่ทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ
แต่ก็ไม่ได้เป็นการความผิดพลาดที่ใหญ่โตจนส่งผลกับชีวิต
เธอจึงรู้สึกว่า
ตัวเองกระจอก ว่างเปล่า และเหมือนขาดอะไรไป
หลังจากได้อ่านหนังสือมากมาย เธอก็ได้ข้อสรุปว่า
'แม้โลกจะทำให้ตัวตนของเธอดูไร้ค่า แต่เธอต้องเคารพตัวเอง
และต้องมีชีวิตในแบบที่ตัวเองเป็น'
เธอจึงเขียนหนังสือเล่มนี้โดยหวังให้ผู้อ่านได้รับการปลอบโยนและความอบอุ่น
และอยากให้หนังสือเล่มนี้เป็นกำลังใจให้กับทุกคน
‘นักอ่านจะได้พบอะไรในหนังสือเล่มนี้’
หนังสือเล่มนี้แบ่งเนื้อหาเป็น 6 ส่วน ได้แก่
1 to do list เพื่อการมีชีวิตที่ให้เกียรติตัวเอง
2 to do list เพื่อการใช้ชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง
3 to do list เพื่อการปล่อยวางจากความกังวล
4 to do list เพื่อการใช้ชีวิตร่วมกัน
5 to do list เพื่อโลกที่ดีขึ้น
6 to do list เพื่อชีวิตที่ดีและชีวิตที่มีความหมาย
to do list เพื่อการมีชีวิตที่ให้เกียรติตัวเอง
หลายคนใช้ชีวิตไปตามสัญชาตญาณโดยไม่ค่อยได้กลับมาทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จนสุดท้ายก็ได้พบว่าตัวเองจมอยู่กับความทุกข์เรียบร้อยแล้ว ในบทนี้ผู้เขียนได้หยิบยกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เราเป็นทุกข์โดยไม่จำเป็น และผู้เขียนยังกระตุ้นเตือนให้เรากลับมาให้เกียรติตัวเอง เพราะหากเห็นคุณค่าในแบบที่ตัวเองเป็น เราก็จะรู้จักรักตัวเอง รู้จักให้เกียรติตัวเอง และจะพบความสุขในแบบของตัวเอง
‘การมองดูชีวิตของคนอื่นแล้วนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตของตัวเอง
เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้ตัวเราเป็นทุกข์’
เราสอดส่องชีวิตของคนอื่นเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็น
แต่เราต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นความทุกข์ของตัวเอง
ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ควรนำความอยากรู้อยากเห็นนั้นมาสำรวจชีวิตของตัวเองมากกว่า
ดังนั้น จงอย่าเป็นผู้ชมในชีวิตของคนอื่น
เพราะสำหรับตัวเราแล้ว ชีวิตของเราสำคัญกว่าชีวิตของพวกเขา
ที่สรุปมาให้ดูเพียงรูปภาพไม่กี่รูป
‘อย่าพยายามทำให้ตัวเองเป็นทุกข์เลย’
to do list เพื่อการใช้ชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง
หากนำชีวิตของตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่เพียงจะก่อให้เกิดความทุกข์ขึ้นในใจ แต่จะทำให้เกิดความสงสัยว่าเรากำลังทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ดังนั้นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตก็คือ ‘การเคารพตัวเอง’
หลักสำคัญของการเคารพตัวเองคือ
การศรัทธาในตัวเองและการคิดว่าตัวเองมีความสุข
แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะยากต่อการศรัทธาตัวเอง
และถ้าใช้ชีวิตไปในทางตรงข้ามกับความเชื่อของตัวเองก็จะยากต่อการเคารพตัวเอง
ดังนั้นถ้าจะเชื่อและเคารพตัวเอง ก็ต้องสร้างโลกของตัวเอง เลือกใช้ชีวิตที่มีพื้นฐานของความเชื่อนั้น
แล้วมีความรับผิดชอบต่อชีวิตนั้น
to do list เพื่อการปล่อยวางจากความกังวล
ชีวิตของเราเต็มไปด้วยปัญหาทั้งหนักและเบา จนบางครั้งเราก็อยากรีเซ็ตกลับไปสู่จุดเริ่มต้น หรือไม่ก็อยากให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปเลย แต่เราต้องรู้จักปล่อยวาง แล้วทำอย่างไรจึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างเข้าใจและปล่อยวางได้ล่ะ
คุณเองก็คงเป็นแบบนั้น…
เหนื่อยมาก เข็ดขยาดกับชีวิต ยากที่จะจัดการ
มีบาดแผลที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด หัวใจชาไปหมด
ได้แต่ร้องไห้อยู่เพียงลำพังโดยไร้ซึ่งคนเห็นใจ
จนบางครั้งก็อยากจะโยนชีวิตทิ้งไป
แต่ชีวิตของเราไม่มีใครมาดูแลแทนได้
เราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่เข้ามา
เสียใจและเจ็บปวดให้เพียงพอ
เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต
พร้อมกับเรียนรู้สิ่งที่ไม่เป็นไปตามความต้องการ
ความเหนื่อยล้าในชีวิต
คือความจริงที่ทุกคนต้องเจอ
แต่จงเรียนรู้ปัญหา
แล้วใช้ชีวิตต่อไป
to do list เพื่อการใช้ชีวิตร่วมกัน
การใจดีกับคนอื่นเป็นเรื่องที่ดี แต่นั่นต้องไม่สร้างความลำบากใจให้กับตัวเอง และต้องไม่ทำให้ตัวเองไร้เกียรติ ผู้เขียนเล่าถึงคุณยายที่ไปเที่ยวบ้านเพื่อน และขอไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนนั้นบ่อยๆ พร้อมพาหลานไปด้วย ซึ่งเพื่อนของคุณยายก็ไม่ปฏิเสธ แต่ในความเป็นจริง หากรู้สึกลำบากใจ ก็จำเป็นต้องปฏิเสธออกไปแม้จะยากก็ตาม
ยิ่งเป็นคนที่ใจดีเกินไป...
ก็ยิ่งไม่สบายใจ…
ดังนั้นจึงควรเป็นคนใจดำบ้างก็ได้
เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยและรักษาสิทธิ์ของตัวเองบ้างก็ได้
ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนดีจริงๆ เขาจะเข้าใจการปฏิเสธของเรา
ถ้าอีกฝ่ายโกรธกับการปฏิเสธของเรา
ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาความสัมพันธ์นั้นเอาไว้
เราต้องไม่ละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น
และต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง
to do list เพื่อโลกที่ดีขึ้น
ผู้คนต้องพึ่งพาอาศัยกัน โลกและสังคมจึงจะน่าอยู่ หลายครั้งที่เราเห็นปัญหาและคิดว่าเราเพียงคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้หรอก แต่แท้จริงแล้วเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและโลกใบนี้ ถ้าทุกคนช่วยกันตามความสามารถของตัวเอง สังคมและโลกก็น่าอยู่มากขึ้น
เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาสิทธิทางการค้าได้
แต่เราสามารถซื้อสินค้าในร้านค้าเล็กๆ ได้
เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาการตกงานได้
แต่เราสามารถให้กำลังใจผู้ที่ออกไปประท้วงได้
เราไม่สามารถทำให้สื่อมวลชนที่เสนอข่าวบิดเบือนกลับมาเสนอข่าวที่เป็นจริง
แต่เราสามารถสนับสนุนสื่อมวลชนที่เสนอข่าวเป็นจริงได้
การเมืองที่เน่าเฟะไม่มีทางดีขึ้นเพียงชั่วข้ามวัน
แต่เราสามารถลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครที่เราคิดว่าเป็นคนดีได้
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกของคนคิดลบได้
แต่เราสามารถมองพวกเขาด้วยสายตาที่อบอุ่นได้
to do list เพื่อชีวิตที่ดีและชีวิตที่มีความหมาย
เคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างไหมว่ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ถ้าคำถามนั้นยากเกินจะตอบ ก็เปลี่ยนคำถามใหม่ว่าอยากได้อะไรในชีวิต แน่นอนว่าทุกคนอาจมีคำตอบที่หลากหลาย อาจจะเหมือนกันหรือไม่เหมือนกัน แต่แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องการเหมือนกันนั่นคือ ‘ความสุข’ เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนล้วนแต่มีชีวิตเพื่อความสุข แต่วิธีการที่จะได้มาซึ่งความสุขนั้นแตกต่างกัน
ในส่วนสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้พูดถึง ‘ความสุข’ อย่างชัดเจนและเรียบง่าย จนเราย้อนกลับมาดูตัวเองว่าความสุขของเราคืออะไร
ผู้เขียนเล่าถึงการเดินทางครั้งแรก เธอกังวลสารพัดจึงนำสิ่งของมากมายออกเดินทางไปด้วย แต่หลังจากที่เดินทางไปได้หนึ่งสัปดาห์ เธอก็พบว่าตัวเองเหนื่อยล้าเหลือเกิน ขณะที่กำลังนั่งรออยู่ที่สนามบินเพื่อออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปเธอก็ตัดสินใจจัดกระเป๋าใหม่โดยทิ้งสิ่งของที่ไม่จำเป็น แล้วเธอก็ได้พบว่าตัวของเธอเบาและสบายขึ้นมาก
สิ่งที่เรียกว่าชีวิตนั้นคือระยะทางอันยาวนาน ดังนั้นต้องใช้ชีวิตให้เบาที่สุดถึงจะไม่เหน็ดเหนื่อย
ถ้าอยากใช้ชีวิตให้เบาลงก็ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ที่รกอยู่ในหัวใจดูสักครั้ง แล้วกล้าที่จะกำจัดสิ่งเหล่านั้นออกไป
‘I Decided to Live as Myself’ ถูกจำหน่ายไปแล้วกว่า 1 ล้านเล่มในเกาหลี
และเป็นหนังสือแปลเกาหลีที่มียอดขายสูงสุดในญี่ปุ่นถึง 4 แสนเล่ม
ถูกแปลและตีพิมพ์ 8 ประเทศ
(ไทย, ไต้หวัน, จีน, ญี่ปุ่น, เวียดนาม, อินโด, ฟิลิปปินส์, มองโกเลีย)
มารู้จักการให้เกียรติตัวเองและใช้ชีวิตเพื่อความสุขในแบบของตัวเองกันนะคะ
.
ทดลองอ่าน: https://bit.ly/2Yziq0H
สั่งซื้อกับแจ่มใส: https://bit.ly/2xpnsS1
ฟังเกี่ยวกับหนังสือทาง PODCAST: https://youtu.be/iG7hZ1xMsHg