ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์
ทดลองอ่าน ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์ ตอนที่สอง
มาถึงยังประตูของเรือนพำนักซึ่งอยู่ห่างไกลที่สุดในจวนสกุลไป๋
สองปีไม่ได้พบหน้า แม่ลูกจึงกินอาหารค่ำและพูดคุยกันเนิ่นนาน ในใจไป๋เสวี่ยฝูยังเป็นห่วงไป๋อีหนิงอยู่จึงกล่าวขอตัวลา
ฮูหยินสามส่งบุตรสาวที่ประตูเรือน แต่สุดท้ายก็รั้งมือนางไว้ นัยน์ตารื้นน้ำตาคลอ จ้องนางพลางกล่าวแผ่วเบาไม่กี่คำ “อย่าไปอีกเลย…”
ไป๋เสวี่ยฝูเจ็บแปลบในใจ อยากสวมกอดมารดาและบอกว่าไม่ไปไหนแล้ว เพียงแต่นางไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในจวนสกุลไป๋ มารดาก็เช่นกัน ถึงไม่กลับไปเมืองเถิงโจว แต่หากเสียงฆ้องของการคัดเลือกสาวงามดังขึ้น นางก็ต้องเข้าร่วมอยู่ดี
หญิงสาวกัดฟันแล้วหมุนตัวสาวเท้าจากไป หากบอกมารดาตอนนี้ว่าท่านพ่อจะส่งนางถวายองค์จักรพรรดิ เกรงว่าท่านคงร้อนใจแย่ และเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้น นางไม่กล่าวอันใดเลยจะดีกว่า
หลังออกจากเรือนฮูหยินสาม ไป๋เสวี่ยฝูก็กลับไปที่ห้องนอนของไป๋อีหนิง ทั้งปลอบโยน ทั้งโน้มน้าวและพูดคุยเป็นเพื่อนนางกระทั่งยามจื่อ* ถึงได้กลับห้อง
ห้องนี้ไม่มีคนอยู่นานจนมีกลิ่นเหม็นอับเสียดจมูก ก็แค่คืนเดียว อดทนนอนไปก่อนเถอะ นางลอบคิด แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือด้านในห้องยังคงมีแสงเทียนส่องสว่าง ดึกขนาดนี้ชิงหลียังไม่นอนอีกหรือ
ไป๋เสวี่ยฝูผลักประตูเข้าไปด้วยใจระแวงสงสัย แล้วก็ต้องตกตะลึงกับเงาร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า อัครเสนาบดีไป๋ผู้ไม่เคยย่างกรายเข้ามาในห้องนี้กำลังยืนเอามือไพล่หลัง สงบนิ่งชวนให้ผู้คนหวาดหวั่น
“ท่านพ่อ” ไป๋เสวี่ยฝูขานเรียกเสียงเบา ยืนอยู่ด้านหลังเขาพลางเอ่ยอย่างห่วงใย “ดึกขนาดนี้แล้วไฉนท่านพ่อยังไม่พักผ่อนเล่าเจ้าคะ” แท้จริงนางรู้แต่แรกแล้วว่าเหตุใดเขาจึงมายืนรอนางกลับห้องเช่นนี้ ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับการเข้าวังคัดเลือกสาวงามในวันพรุ่งนี้แน่
อัครเสนาบดีไป๋นิ่งเงียบ ยังคงยืนมั่นคงอยู่ตรงหน้าโต๊ะเล็ก ขณะที่ไป๋เสวี่ยฝูทำตัวไม่ถูกอยู่นั้นเอง เขาก็หมุนตัวมาประจันหน้านางทันใด พลางยื่นแขนออกมาแล้วใช้มือข้างหนึ่งบีบกรามนางไว้ อีกมือก็ยัดสิ่งของคล้ายยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากนาง
ไป๋เสวี่ยฝูตื่นตะลึงจนหน้าถอดสี ก่อนจะลงมือฟาดลงไปบนแขนของอัครเสนาบดีไป๋ตามสัญชาตญาณ ทว่าไม่ทันเวลาเสียแล้ว ยาลูกกลอนได้เปลี่ยนเป็นความขมกระแสหนึ่งแผ่ซ่านไปภายในปาก ลำคอ ก่อนลงไปยังกระเพาะ ดุจเปลวเพลิงที่ค่อยๆ ลุกโหม ร้อนรุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านพ่อ…” ไป๋เสวี่ยฝูขมวดคิ้วพลางเอ่ยเรียกสองคำ นางไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้คืออะไร เหตุใดท่านพ่อจึงต้องบังคับให้นางกินด้วย แต่ดูจากท่าทีของเขาในตอนนี้ ของสิ่งนี้ต้องไม่ใช่ของดีอะไรแน่นอน
บิดาผู้เย็นชาไร้หัวใจมาตั้งแต่ไป๋เสวี่ยฝูจำความได้กำลังชำเลืองดูการเปลี่ยนแปลงของนางด้วยแววตาเย็นชาโดยไม่ปริปากแม้สักคำ
เพล้ง! เสียงถ้วยชาบนโต๊ะตกแตก ไป๋เสวี่ยฝูพิงขอบโต๊ะอย่างทุกข์ทรมานแล้วเริ่มหอบหายใจอย่างหนัก ไม่เพียงทรวงอกที่ร้อนลวก ยามนี้แม้แต่จะหายใจก็ไม่คล่องแล้ว นิ้วเรียวกำผ้าปูโต๊ะตรงหน้าแน่น ดวงตาค่อยๆ เปล่งประกายความหวาดกลัวระคนแค้นเคือง ทางหนึ่งหอบหายใจทางหนึ่งถลึงตาจ้องบิดาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความโกรธแค้นของนาง
ไป๋เสวี่ยฝูไม่รู้ถึงความคิดอ่านของบิดา แต่นางรู้ว่าหัวใจของเขาเลือดเย็นไม่น้อยไปกว่าจักรพรรดิเยวี่ยเยี่ย หรือไม่แน่ก็อาจจะยิ่งกว่า ถ้าเขาอยากให้นางตายก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย และก็คงไม่ลังเลแม้สักนิด บิดากระทำแบบนี้ต้องมีแผนการของเขาเองเป็นแน่
ในที่สุดอัครเสนาบดีไป๋ก็เคลื่อนไหว เขายกมือขึ้นป้อนยาลูกกลอนอีกเม็ดใส่ปากไป๋เสวี่ยฝู เมื่อลมหายใจของนางค่อยๆ เป็นปกติแล้วจึงบอกว่า “ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป วันนี้ของทุกเดือนโรคชนิดนี้จะกำเริบขึ้น แต่วางใจได้ เพียงเจ้ายอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย ทุกเดือนข้าก็จะให้คนนำยาถอนพิษไปส่งถึงในวังหลวง”
หน้าผากของไป๋เสวี่ยฝูมีเหงื่อผุดพราย เปล่งประกายสีทองท่ามกลางแสงเทียนสลัว นางพิงร่างอ่อนแรงกับข้างโต๊ะพลางเหลือบตามองเขา พูดเสียงแข็ง “เพียงอยากให้ลูกเข้าวังไปคัดเลือกเท่านั้น ท่านพ่อถึงกับต้องลงมือโหดเหี้ยมรุนแรงเพียงนี้เชียวหรือ”
แต่ไรมาอัครเสนาบดีไป๋ก็นิยมในชื่อเสียงและผลประโยชน์ เขาย่อมไม่ยอมละทิ้งงานคัดเลือกสาวงามที่สามปีมีครั้งแน่ ถ้าบุตรสาวของตนมีวาสนาได้เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ เขาก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มถึงวันหน้าอีกแล้ว
เดิมทีเมื่อปีก่อนเคยคัดเลือกสนมชายาจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งแคว้นมาแล้ว ปีนี้ไม่จำเป็นต้องคัดเลือกอีกก็ได้ แต่องค์จักรพรรดิเยวี่ยเยี่ยเพิ่งขึ้นครองราชย์ ปีแรกจำต้องไว้อาลัยแด่อดีตจักรพรรดิ ในวังห้ามจัดพิธีมงคลใหญ่ ปีต่อมาคัดเลือกมาไม่น้อย แต่จนถึงวันนี้กลับไม่มีสนมชายาคนใดให้กำเนิดทายาทมังกรแก่องค์จักรพรรดิเลยสักคน ขุนนางนับร้อยในราชสำนักจึงถวายหนังสือกราบทูลขอให้คัดเลือกสนมชายาอีกครั้งในปีนี้ เพื่อต่อยอดหน่อเนื้อเชื้อไขของเชื้อพระวงศ์ให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป
อัครเสนาบดีไป๋ส่ายหน้า พิศมองนางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ก่อนจะควานหาขวดใบเล็กจากอกวางใส่มือนาง “ข้าอยากให้เจ้าหาโอกาสที่จะไม่มีทางผิดพลาดแน่ๆ นำพิษทะลวงไส้หยดนี้ใส่ในอาหารขององค์จักรพรรดิเยวี่ยเยี่ย ทำให้เขาหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล”
ไป๋เสวี่ยฝูสูดลมหายใจเฮือก ถอยหลังไปเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ ก่อนจะโยนขวดยากลับไปใส่มือบิดา สีหน้าหวาดกลัวปรากฏขึ้นอีกครั้ง “ไม่เจ้าค่ะ…ลูกไม่อยากเสี่ยงอันตรายเช่นนี้” ให้ตายก็คิดไม่ถึงว่าความทะเยอทะยานของบิดาจะยิ่งใหญ่มากอย่างนี้ เขาไม่เพียงอยากสร้างอำนาจให้แก่สกุลไป๋ แต่เพื่อจะได้มีอำนาจเหนือล้นฟ้าอีกต่อไป ยามนี้สายตาของเขาได้มองผ่านอำนาจของสกุลไป๋มุ่งไปยังบัลลังก์จักรพรรดิแล้วด้วยซ้ำ!
“เป็นบุตรสาวของข้าไป๋ฉางโซ่ว ไม่มีสิทธิ์กล่าวคำว่าไม่!” น้ำเสียงของอัครเสนาบดีไป๋เย็นชาเด็ดขาด ไม่ยอมให้ผู้อื่นปฏิเสธได้
“ลูกเป็นแค่หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ไหนเลยจะทำให้จักรพรรดิเยวี่ยเยี่ยดื่มยาพิษนี้ได้สำเร็จ” ไป๋เสวี่ยฝูไม่เข้าใจว่าเหตุใดบิดาจึงมีใจทะเยอทะยานทั้งยังอำมหิตถึงเพียงนี้
อัครเสนาบดีไป๋หัวเราะลั่น “แต่โบราณมากล่าวกันว่าวีรบุรุษมิอาจข้ามด่านโฉมสะคราญ เจ้าไม่ต้องแข็งแกร่ง แค่ความงามของเจ้าก็ชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง ขอเพียงแค่ลองดู”
ขอเพียงแค่ลองดู? การลองครั้งนี้เห็นทีจะเดิมพันด้วยชีวิตของบุตรสาวในไส้กระมัง ใจของไป๋เสวี่ยฝูพลันรู้สึกหนาวเหน็บ
ยังดีที่บิดาไม่รู้ว่านางร่ำเรียนวรยุทธ์กับแม่ชีอวี้เจินสำเร็จแล้ว มิเช่นนั้นไม่แน่เขาอาจจะให้นางกระทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อเขามากกว่านี้ก็เป็นได้!
“ท่านพ่อ ไยจึงต้องโหดเหี้ยมปานนี้ด้วย ตำแหน่งจักรพรรดิสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” ไป๋เสวี่ยฝูเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่เข้าใจ วิธีการของบิดานับว่าเด็ดขาดยิ่ง
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจเหตุผล แต่หากเจ้ากล้าขัดคำสั่งก็รอตายตอนที่พิษกำเริบในเดือนหน้าได้เลย ส่วนแม่ของเจ้าก็จะพลอยได้รับผลในครั้งนี้ไปด้วย ดังนั้นเพื่อแม่ของเจ้าแล้ว เจ้าก็จงทำเรื่องนี้ให้ดีเถิด” อัครเสนาบดีไป๋กล่าวจบก็วางยาพิษไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหมุนตัวสืบเท้าไปด้านนอก อาภรณ์สีดำก็สะบัดหายลับไประหว่างช่องประตูบานพับในทันที
ไป๋เสวี่ยฝูนิ่งมองพิษทะลวงไส้ตรงหน้า เพียงหยดเดียวก็สามารถทะลวงลำไส้จนคนถึงแก่ชีวิตได้ สติสัมปชัญญะของนางค่อยๆ เลื่อนลอย กระทั่งจินตนาการถึงชีวิตอันทุกข์ทรมานที่กำลังมาถึงว่าจะโหดร้ายเพียงใด นางเอาชนะบิดาไม่ได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจุดอ่อนสำคัญของนางคือมารดา จุดอ่อนแต่ไรมาที่จะไม่มีวันเปลี่ยนไปของนาง!
หากไป๋เสวี่ยฝูไม่ทำตาม ไม่เพียงแต่ตัวนางที่จะสิ้นชีวิต ยังมีมารดาผู้ให้กำเนิดที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาหลายปีของนางอีกคนด้วย
* การคัดเลือกสาวงาม (ซิ่วหนี่ว์) เป็นการคัดเลือกบุตรสาวจากตระกูลชนชั้นสูงเข้าไปเป็นนางในในวังหลวง จัดขึ้นทุกๆ สามปี
** หลี่ (ลี้) เป็นหน่วยมาตราวัดของจีน เท่ากับความยาว 15 อิ่น เทียบได้กับระยะทางประมาณ 500 เมตร
* ดอกอวี้หลัน หมายถึงดอกแมกโนเลีย
* ยามจื่อ คือช่วงเวลา 23.00 น. ถึง 01.00 น.