ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์
ทดลองอ่าน ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์ ตอนที่สาม
กงกงกลับไปยังด้านหลังม่านภายในศาลา คงไปเพื่อขอความเห็นขององค์จักรพรรดิเยวี่ยเยี่ย หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเค่อ* ก็ออกมาเอ่ยกับเด็กสาว “ฝ่าบาททรงพระกรุณาแต่งตั้งเจ้าเป็นหวากุ้ยเหริน ตำแหน่งฝ่ายในขั้นหกชั้นโท”
เด็กสาวปีติเป็นล้นพ้น โขกศีรษะแรงๆ กับพื้น ปลาบปลื้มใจจนน้ำตานอง “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ!”
“กลับแถวเถิด” กงกงสะบัดแส้ในมือ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางด้านหลังม่าน
เด็กสาวรีบใช้ทั้งมือและเท้าตะกายกลับไปรับการแต่งตั้ง แล้วยิ้มกว้างไม่หุบอยู่ข้างๆ บรรดาสาวงาม หยาดน้ำตาบนใบหน้าเปล่งประกายแสงสีทองภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่องก่อนจะไหลผ่านพวงแก้มลงสู่พื้น
“ดอกตู้เจวียนหน้าไม่อาย!” ไป๋อวี้ฉีเขม้นมองเด็กสาวคนนั้นวูบหนึ่ง ตั้งแต่ถูกเด็กสาวผู้นี้เปรียบเป็นดอกตู้เจวียน นางก็ข่มกลั้นความโกรธไว้ในใจ ลอบสัญญากับตนเองว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นดอกไม้ที่งามหยาดเยิ้มที่สุดในสวนดอกโบตั๋นดอกนั้นให้ได้!
ไป๋อวี้ฉีที่ถูกเลี้ยงดูพะเน้าพะนอมาตั้งแต่เล็ก ไหนเลยจะเคยถูกผู้อื่นลดราคาเช่นนี้
เด็กสาวก้มหน้าเล็กน้อยโดยมิได้ตอบโต้ หัวใจยังคงเต้นตึกตัก ความตื่นตระหนกในชั่วพริบตาเมื่อครู่เกรงว่าชั่วชีวิตนี้นางคงยากลบเลือน
ไป๋เสวี่ยฝูก็เหมือนเช่นทุกคน ตั้งแต่คุกเข่านางก็ไม่กล้าเหลือบตาขึ้นมองสักแวบ ในใจเย็นวาบ มือซ้ายค่อยๆ ลูบขวดยาที่ซ่อนไว้ในที่คาดเอวก่อนจะกำแน่นจนนิ้วเนียนซีดขาว ก่อนจากบ้านมาท่านพ่อเคยพูดไว้ว่า…หากไม่ใช่เยวี่ยเยี่ยก็ต้องเป็นนางที่ตาย!
ทันใดนั้นตรงหน้าก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาแต่หนักแน่นยิ่งแว่วมา ไม่จำเป็นต้องเงยหน้ามองไป๋เสวี่ยฝูก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายรุนแรงที่ปะทะเข้ามา แผ่นหลังพลันเย็นวาบ กระทั่งเริ่มสงสัยว่าจักรพรรดิเยวี่ยเยี่ยผู้เลื่องชื่อนั้นแท้จริงแล้วคือปีศาจ ถึงได้ให้ความรู้สึกเย็นเยือกแก่ผู้คนปานนี้
“หลี่กงกง ส่งชายารักกลับวังเถิด” พระสุรเสียงดังขึ้นเหนือศีรษะ เสียงนี้เย็นชายิ่งนัก ประหนึ่งก้อนน้ำแข็งที่ทับถมอยู่บนชายคากลางฤดูหนาว สายลมพัดวูบผ่านช่วงคอพาให้หนาวเย็นทั่วร่าง สุ้มเสียงเย็นชาน่าลุ่มหลงลอยละล่องไปทั่วทุกซอกทุกมุมของสวนดอกโบตั๋น เย็นชาทว่าคุ้นเคยเหลือเกิน…
คุ้นเคย? ไฉนจึงคุ้นเคยกับน้ำเสียงของบุรุษที่ไม่เคยแม้แต่พบหน้าได้เล่า ในช่วงเวลาสิบเจ็ดปีของไป๋เสวี่ยฝู บุรุษที่เคยบุกเข้ามาในชีวิตก็มีเพียงเด็กหนุ่มรูปงามใต้ต้นดอกสาลี่เมื่อสามปีก่อนเท่านั้น เด็กหนุ่มผู้มีนัยน์ตาเยียบเย็นและใบหน้าเย็นชาผู้นั้น เขาสัญญากับนางว่าอีกหนึ่งปีจะกลับมา ทว่ากลับเสมือนสายลมระลอกหนึ่ง หลังพัดผ่านยอดเขาก็จางหายไปไม่เหลือร่องรอย!
ไป๋เสวี่ยฝูพลันเงยหน้าขึ้นทันที ยอมเสี่ยงโทษตายมองไปทางบุรุษผู้สูงส่งที่มิอาจแหงนมองผู้นั้น แล้วก็ต้องตะลึงงันไป
เป็นเขาจริงๆ ใบหน้าที่แทบจะถูกนางฝังลึกอยู่ในความทรงจำ ใบหน้าที่คุ้นเคย สามปีผ่านไป นอกจากรัศมีเย็นชาเด็ดขาดที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้าชั้นหนึ่งแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปทั้งนั้น!
ทว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้ก็เพียงพอให้นางเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง…เขามิใช่เด็กหนุ่มผู้ทัดดอกสาลี่ที่จอนผมให้นางแล้วเผยรอยยิ้มพึงใจ หรือคนที่ให้คำมั่นสัญญาว่าอีกหนึ่งปีจะกลับมาคนนั้นอีกแล้ว เขาคือจักรพรรดิเยวี่ยเยี่ยผู้สูงศักดิ์ โอรสสวรรค์แห่งแคว้นอวิ๋นเยวี่ย ข้างกายเขาล้วนเต็มไปด้วยสาวงามสะคราญโฉมมากมายที่พร้อมร้องเพลงร่ายระบำเพื่อเขา!
“กำเริบเสิบสาน!” หลี่กงกงคำรามเสียงต่ำ ทุกคนตกใจจนก้มหน้างุดต่ำลงไปอีก มีเพียงไป๋เสวี่ยฝูที่ยังคงเงยหน้าจ้องเขม็งไปยังจักรพรรดิผู้เป็นรักแรกพบของไป๋อวี้ฉีตรงหน้า
เขาหล่อเหลาและสูงศักดิ์อย่างแท้จริง เพียงพอให้สตรีมากมายนับไม่ถ้วนเลื่อมใสศรัทธาและพร้อมละทิ้งทุกอย่างได้เพื่อเขา
เขาก็คือจักรพรรดิเยวี่ยเยี่ยผู้เป็นที่โจษขานว่าก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์ ฆ่าสังหารพี่น้องในไส้ ฝ่าบาทคนที่ท่านพ่อกำชับเสมอว่าต้องกำจัด…หัวใจนางเหมือนถูกกระบี่คมกริบกรีดผ่าน แต่เพราะเงยหน้าขึ้นอยู่น้ำตาจึงมิได้เอ่อล้นออกมาจากขอบตา
ทั่วทั้งวังหลวงถูกปกคลุมอยู่ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น ทว่าท้องนภาที่เมื่อครู่ยังเป็นสีน้ำเงินกลับมืดครึ้มกลายเป็นสีเทาหม่นเสียแล้ว เฉกเช่นหัวใจนางในตอนนี้ ท่ามกลางความมืดมิดมีเพียงความเจ็บปวดและหดหู่…กระทั่งคำเตือนของหลี่กงกงก็ไม่ผ่านเข้ามาในการรับรู้ของไป๋เสวี่ยฝู ประหนึ่งฟ้าถล่มแผ่นดินทลายในทันใด หัวใจอ่อนไหวของดรุณีแรกรุ่นซึ่งซุกซ่อนอยู่ในใจมานานถึงสามปีพลันแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชั่วพริบตา
เดิมทีเยวี่ยเยี่ยไม่คิดจะเหลือบแลหญิงงามที่คุกเข่าอยู่แทบเท้าตรงหน้านี้แม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ยินเสียงตวาดของหลี่กงกงเขาจึงก้มใบหน้าลง สายตาเย็นชาตกลงบนใบหน้าของไป๋เสวี่ยฝู ดวงหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นนั้นเมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มหญิงงามแล้วก็ไม่ถือว่าโดดเด่น ทว่ากลับทำให้เขาใจสั่นได้อย่างน่าประหลาดเสมือนถูกสิ่งของบางอย่างกระแทกเข้าเบาๆ
ทั้งคุ้นตาและคล้ายคลึงอยู่หลายส่วน ใบหน้าที่เขาซุกซ่อนอยู่ภายในใจมาตลอด…พลันหลั่งไหลขึ้นมา
หญิงสาวที่งามสง่าบริสุทธิ์เหนือสามัญราวดอกสาลี่ หญิงสาวที่ชอบสวมกระโปรงสีขาวดุจเดียวกัน…
เยวี่ยเยี่ยส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย อดเย้ยหยันตนเองในใจไม่ได้ สตรีเช่นนั้นจะเป็นเหมือนบรรดาหญิงสาวที่หลงใหลในลาภยศ ลุ่มหลงในตำหนักในของเขาเหล่านี้ได้อย่างไร
เพียงแต่สตรีตรงหน้านี้…นางเป็นใครกันแน่
หลังเก็บความตกตะลึงไว้ในใจ เยวี่ยเยี่ยก็คลี่ยิ้มเย็นชาดังเช่นที่ผ่านมา “เป็นอย่างไร ชายารักเคยพบเรามาก่อนหรือ”
มุมปากของเขาหยักขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นแม้จะดูบาดตาเพียงใดแต่กลับน่าหลงใหลดังบุปผา
ประโยคนี้ทำให้ไป๋เสวี่ยฝูหลุดจากภวังค์แห่งความทรมานสิ้นหวังอันเจ็บปวด แววตกตะลึงบนใบหน้าเล็กขาวสะอาดค่อยๆ เลือนหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน นางก้มหน้าลง เสียงนุ่มนวลราบเรียบเปล่งออกมาจากปากนาง “เสวี่ยฝูมิเคยพบฝ่าบาทมาก่อนเพคะ”
ประโยคนี้ฟังดูแล้วสงบเป็นธรรมชาติยิ่ง ไม่มีคลื่นอารมณ์เลยแม้สักนิด เยวี่ยเยี่ยเชื่อว่าตนเองคิดผิดในที่สุด เขามองผิดไป นางมิใช่ดอกสาลี่ในใจเขา นางคือไป๋เสวี่ยฝู หญิงสาวที่พยายามอย่างสุดกำลังให้ได้เบียดเสียดเข้ามาภายในตำหนักในเพื่ออำนาจและลาภยศคนหนึ่ง
เยวี่ยเยี่ยไม่ถามให้มากความอีก อาภรณ์สีแดงเข้มพลิ้วสะบัดผ่านหางตาของไป๋เสวี่ยฝู ก่อนหมุนตัวสืบเท้าออกไปจากสวนดอกโบตั๋น หลงเหลือไว้เพียงกลิ่นหอมของอำพันทะเล* จางๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเขา
หัวใจของไป๋เสวี่ยฝูค่อยๆ เจ็บปวด ด้านชา…
เยวี่ยเยี่ยลืมนาง แม้แต่เงาหลังที่ทิ้งให้นางก็ยังเด็ดขาดถึงเพียงนั้น สัญญาหนึ่งปีอะไรนั่น ครองคู่ตลอดไปอะไรกัน ที่แท้ก็ล้วนหลอกลวง…หลอกลวงทั้งสิ้น!
ไป๋เสวี่ยฝูจึงฉุกคิดถึงคำพร่ำสอนของอาจารย์ ‘คำสัญญาของบุรุษเชื่อไม่ได้’
เชื่อไม่ได้จริงๆ!
เพียงแต่นางไม่เคยลบเขาออกจากความทรงจำได้! ทว่าตั้งแต่ชั่วขณะนี้นางจะฝังทุกอย่างไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ และไม่เปิดออกอีกตลอดกาล!
จักรพรรดิเยวี่ยเยี่ยที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเพียงบุคคลแปลกหน้าคนหนึ่ง และนี่เป็นครั้งแรกที่นางกับเขาได้พบกัน!
* พิธีปักปิ่น คือพิธีแสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่พร้อมที่จะออกเรือนของหญิงสาวชาวจีนเมื่ออายุครบสิบห้า
* กงกง เป็นคำเรียกขันที
** หมัวมัว เป็นคำเรียกหญิงสูงวัย มีความหมายหลากหลาย ทั้งย่า ยาย แม่นม ป้า และยังเป็นคำเรียกหญิงรับใช้อาวุโสในเชิงยกย่อง รวมถึงนางข้าหลวงอาวุโสในวังด้วย
* ดอกตู้เจวียน หรือดอกนกแขกเต้า เป็นชื่อไม้ดอกในสกุลกุหลาบพันปี (Rhododendron) วงศ์กุหลาบป่า ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบดอกไม้งามของจีนและได้ชื่อว่าเป็นซีซือในหมู่ดอกไม้
** หินเฮยเย่า หมายถึงหินออบซิเดียน มีสีดำ แวววาวคล้ายแก้ว
*** ลำดับศักดิ์ของสตรีในวังสมัยโบราณ โดยทั่วไปเรียงตามลำดับดังนี้ หวงโฮ่วหรือฮองเฮา (อัครมเหสี) ถือเป็นประมุขของฝ่ายใน แต่ในรัชกาลหนึ่งๆ อาจไม่แต่งตั้งใครขึ้นเป็นก็ได้ รองลงมาคือหวงกุ้ยเฟย (อัครเทวีหรือมเหสีฝ่ายซ้าย) กุ้ยเฟย (อัครชายา) ชายาชั้นเฟย (ราชชายา) เจ้าจอมชั้นผิน (พระสนมเอก) เจ้าจอมชั้นกุ้ยเหริน (พระสนม) รองจากนั้นคือนางกำนัลและนางในทั่วไปซึ่งแบ่งชั้นและมีคำเรียกแตกต่างตามยุคสมัย
* ธรรมเนียมการเรียกขานสตรีที่แต่งงานแล้วของจีนจะใช้คำว่า ซื่อ (แปลว่านามสกุล) ต่อท้ายนามสกุลเดิมของสตรี บางครั้งอาจเพิ่มนามสกุลของสามีไว้หน้าสุดเพื่อระบุให้ชัดขึ้นก็มี
* เค่อ เป็นหน่วยนับเวลาของจีนในสมัยโบราณ เทียบระยะเวลาประมาณ 15 นาที
* อำพันทะเล (Ambergris) คือไขจากไส้วาฬหัวทุยที่ถูกสำรอกหรือขับถ่ายออกมา เมื่อถูกน้ำทะเลจะเปลี่ยนคุณสมบัติเป็นก้อนแข็งสีขาว น้ำตาล เทา หรือดำ และเมื่อทำปฏิกิริยากับอากาศและแสงแดด จะทำให้กลิ่นเหม็นหายไปและเกิดกลิ่นหอม สามารถใช้เป็นหัวน้ำหอม ใช้แต่งกลิ่นอาหาร และเป็นส่วนผสมของยาแผนโบราณ