ทดลองอ่านนิยายวาย รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่ม 6 บทที่ 1 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่านนิยายวาย รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่ม 6 บทที่ 1 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 1

 

หูเหวินเจ่ากล่าวว่า “เมื่อปีที่แล้วอำเภออู๋เซี่ยนและอู๋เจียงล้วนประสบภัยเพราะน้ำในทะเลสาบไท่หูล้นเอ่อ ตอนแรกทางเมืองซูโจวจะจัดสรรเสบียงหนึ่งพันตั้นให้อำเภออู๋เจียง ส่วนอีกสองพันตั้นเก็บไว้ให้อำเภออู๋เซี่ยน แต่เฉินหลวนบอกให้ข้าเอาเสบียงทั้งสามพันตั้นจัดสรรให้อำเภออู๋เจียง แล้วเขาจะช่วยรองรับผู้ประสบภัยของอำเภออู๋เซี่ยน เช่นนี้ผู้ประสบภัยก็จะไปรวมกันอยู่ที่อำเภออู๋เจียง ทางอู๋เซี่ยนก็ไม่ต้องถึงกับได้รับความกระทบกระเทือนมาก ทั้งเป็นผลดีต่อชื่อเสียงข้าด้วย”

ถังฟั่นเลิกคิ้ว “ท่านเชื่อว่าจู่ๆ เฉินหลวนจะใจดีช่วยท่านคลี่คลายปัญหา?”

หูเหวินเจ่ายิ้มขื่น “ย่อมไม่เชื่อแน่นอน แต่อาของเขาเป็นถึงเสนาบดีกรมอากรนครหนานจิง ข้าคะเนว่าเขาคงแอบยักยอกเสบียงเอาไว้แล้วนำไปขายต่อให้พ่อค้าข้าวในราคาสูง ตักตวงกำไรใส่ตัว กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะจิตใจฟั่นเฟือนถึงเพียงนี้ ไม่เหลือเสบียงให้ผู้ประสบภัยแม้แต่เม็ดเดียว ซ้ำยังรวมหัวกับหยางจี้โยนความผิดมาให้ข้า พี่รุ่นชิง ท่านต้องช่วยฉุดข้าไว้ด้วย อย่าให้พวกมันจูงจมูกได้เชียว”

ถังฟั่นพลันโพล่ง “ไม่ถูกต้องกระมัง”

หูเหวินเจ่าผงะ “ที่ใดไม่ถูกต้อง”

ถังฟั่นเอนหลังพิงพนัก หนึ่งคืนไม่ได้นอน สติเขาไม่แจ่มใสนัก เสียงก็พร่าเล็กน้อย แต่สีหน้ากลับผ่อนคลายยิ่ง

“พี่หู ผู้ผ่าเผยไม่กล่าววาทะอ้อมค้อม ต่อให้เมื่อครู่ท่านร่ำร้องขอความเป็นธรรมจนเสียงแหบเสียงแห้ง แต่ในฐานะเจ้าเมืองซูโจว มีคนเปลี่ยนตัวเลขสามพันตั้นเป็นสามสิบตั้นภายใต้หนังตาท่าน ท่านกลับไม่ระแคะระคายสักนิด ท่านว่าข้าจะเชื่อหรือไม่ อย่าว่าแต่ข้าไม่เชื่อเลย เกรงว่าตัวท่านเองก็คงไม่เชื่อเช่นกัน

เรื่องราวถึงขั้นนี้ เฉินหลวนและหยางจี้ใคร่ผลักท่านออกไปเป็นโล่กำบัง ท่านมีเพียงสองทางให้เลือกเดิน หนึ่งคือร่วมมือกับข้า สองก็คือทำตาใสพูดจาเหลวไหลต่อไป ปล่อยให้สองคนนั้นปัดความรับผิดชอบมาให้ท่านตามสบาย ข้าแค่นิ่งเฉยดูดายก็พอ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่มีจุดจบน่าสังเวชที่สุดย่อมไม่ใช่ข้าแน่นอน”

สีหน้าหูเหวินเจ่าไม่ชวนมองอย่างยิ่ง ริมฝีปากอ้าๆ หุบๆ คล้ายใคร่จะกล่าวแย้ง หากอย่างไรก็พูดไม่ออก ได้แต่ทรุดนั่งอย่างห่อเหี่ยว แม้แต่หลังก็งองุ้มกว่าปกติหลายส่วน กลิ่นอายหมดอาลัยตายอยากแผ่ซ่านออกมาทั่วกาย

แต่ถังฟั่นกลับไม่เห็นใจสักนิด นับแต่วันที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ปริปากก็สมควรตระหนักว่าตนเองต้องกลายเป็นเบี้ยที่ถูกผู้อื่นทิ้งขว้างเข้าสักวัน

ตัวอยู่ในแวดวงขุนนาง ท่านมิอาจคำนึงแต่เรื่องลาภยศสรรเสริญ สมควรเตรียมใจต่อการถูกปลดและหัวหลุดจากบ่าเอาไว้ด้วย

ถังฟั่นกล่าว “ข้าเคยบอกแล้ว ท่านจะพูดก็พูด ข้าไม่มีความอดทนมากนัก หากท่านไม่พูด ข้ายังคงมีวิธีอื่นสืบหาความจริงได้อยู่ดี”

จบคำก็ผุดลุกขึ้น ตั้งท่าเดินออกด้านนอก

หูเหวินเจ่ารีบร้องเรียก “ช้าก่อน ข้าพูด ข้าพูดแล้ว”

ถังฟั่นหมุนตัวกลับมาจ้องมองเขา

หูเหวินเจ่ากล่าว “หากข้ายอมเป็นพยานเปิดโปงพวกเขา ท่านมั่นใจว่าจะกระชากพวกเฉินหลวนลงจากม้า รับรองความปลอดภัยให้ข้าได้หรือไม่”

ถังฟั่นไม่ชอบใจกับพฤติกรรมที่ความตายกรายศีรษะยังจะต่อรองราคาของอีกฝ่ายเหลือเกิน แต่เพื่อส่วนรวมเขาจำต้องกล่าวว่า “แน่นอน ท่านอาจยังไม่ทราบ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายข้าคนนั้นก็คือคนที่ไหวเอิน ขันทีข้างพระวรกายส่งมาช่วยข้าอีกแรง”

หูเหวินเจ่าตกใจเล็กน้อย “ก็หมายความว่าฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้แล้ว?”

ใต้เท้าถังโกหกหน้าตาย “มิผิด ข้าได้ถวายฎีกาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาและหลอกลวงเบื้องสูงของพวกเฉินหลวนขึ้นไปแล้ว เวลานี้ขาดแค่รวบรวมหลักฐานให้ได้มากกว่านี้ หากท่านละทิ้งทางมืดหันหาทางสว่าง วันหน้าข้าย่อมจะช่วยขอความเมตตาแทนท่าน ขอให้ราชสำนักลงโทษสถานเบา แม้ไม่แน่ว่าจะรักษาตำแหน่งเจ้าเมืองซูโจวให้ท่านได้ แต่อย่างน้อยสามารถรักษาชีวิตคนในครอบครัวท่าน หรือถ้าโชคดีอาจยังสามารถรับราชการต่อไป นี่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

หูเหวินเจ่าสองตาเป็นประกาย คำพูดของถังฟั่นกระทบถูกส่วนลึกในใจเขาอย่างแรง

“อันที่จริงเรื่องนี้…” เขากลืนน้ำลาย ก่อนกล่าวต่ออย่างยากเย็น “มีความนัยแอบแฝง”

ถังฟั่นเลิกคิ้ว “กล่าวให้ชัดเจนหน่อย”

หูเหวินเจ่าจึงว่า “เมืองซูโจวจัดสรรเสบียงให้กับอำเภออู๋เจียงสามพันตั้นจริง แต่เฉินหลวนแอบแก้ตัวเลขเป็นสามสิบตั้น เรื่องนี้ข้าเองก็ทราบ ตอนนั้นเฉินหลวนใช้ตำแหน่งของอาเขามากดดัน ตะล่อมแกมบังคับข้า บอกว่าหากข้าปิดปากเงียบเอาไว้ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง เขาจะแบ่งกำไรที่ได้จากเสบียงสามพันตั้นนี้ให้ข้าสามส่วน หากข้าไม่ยอมปฏิบัติตาม หยางจี้ก็จะฟ้องร้องข้าข้อหาบรรเทาทุกข์ล่าช้า ข้าไม่มีทางเลือก ได้แต่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจโดยมิชอบของพวกเขา

แต่ยังไม่จบเท่านี้ พวกเราต่างทราบ ปีนี้ราชสำนักต้องส่งผู้แทนลงมาตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยอีกแน่นอน ถึงตอนนั้นหยางจี้ไม่แน่จะต้านไหว ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงรวมหัวกันเล่นละครฉากหนึ่ง ภายนอกแสร้งทำเป็นกล่าวโทษกัน แต่ความจริงมีจุดประสงค์สามประการ หนึ่งคือปัดความรับผิดชอบ สองคือแสดงจุดยืนของตนเองต่อราชสำนักโดยสร้างสถานการณ์ว่าพวกเขามิได้สมรู้ร่วมคิดกัน สามคือรำพันความดีรำพึงความทุกข์ต่อราชสำนัก ถึงเวลานั้นขอเพียงตบตาผู้แทนราชสำนักได้ งานใหญ่ก็จะสำเร็จด้วยดี”

ถังฟั่นถาม “หมายความว่าตอนที่ราชสำนักให้ท่านเขียนฎีกาส่งขึ้นไป ท่านก็ทราบความนัยเหล่านี้อยู่แล้ว?”

หูเหวินเจ่าผงกศีรษะ “มิผิด เฉินหลวนบอกข้าว่าขอเพียงสงบปากสงบคำ บอกว่าไม่ทราบเรื่องก็พอ รอจนราชสำนักส่งผู้แทนลงมา เขาจะหาทางรับมือเอง ไม่ต้องให้ข้าวุ่นวายใจ”

ถังฟั่นหัวเราะเฮอะๆ “สุดท้ายเมื่อข้ามาถึง พวกเขากลับโยนความผิดทั้งหมดมาให้ท่าน”

หูเหวินเจ่ากัดฟันกรอด “หากข้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะทำเช่นนี้ มีหรือจะแสร้งเป็นใบ้”

ถังฟั่นถาม “แล้วที่ท่านบอกว่าในคลังเสบียงมีห้าพันตั้นนั่นเป็นเรื่องใดกัน”

หูเหวินเจ่ากล่าวเสียงเจ็บแค้น “ตอนนั้นหลังแบ่งให้เฉินหลวนสามพันตั้น ในคลังเก็บยังเหลือสองพันตั้นจริงๆ จุดนี้ข้าสาบานได้ว่ามิได้กล่าวเท็จ แต่ท่านก็เห็นแล้ว เมื่อครู่ในคลังเก็บไม่มีข้าวเหลือสักเม็ด ความเป็นไปได้หนึ่งเดียวก็คือขณะที่เฉินหลวนมาเอาสามพันตั้นจากข้า ความจริงได้ขนย้ายทั้งห้าพันตั้นไปจนเกลี้ยง ตอนนั้นเป็นเพราะไม่อยากมากความข้าจึงลืมตาข้างหลับตาข้าง มิได้รุดมาตรวจนับด้วยตนเอง ผลสุดท้ายก็โดนคดโกงจนได้! พวกนั้นถึงกับแก้ตัวเลขในสมุดบัญชี ทุกวันนี้ปราศจากหลักฐาน ข้า…ข้า…”

ถังฟั่นกล่าว “พวกเขาเอาเสบียงหลวงขายให้พ่อค้าข้าว?”

“มิผิด เพราะปีที่แล้วเกิดภัยอดอยาก ราคาข้าวพุ่งสูง พวกเขาขายเสบียงหลวงออกไปในราคาสูง ตักตวงกำไรมหาศาล เพียงนำส่วนหนึ่งซึ่งน้อยมากออกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย”

ถังฟั่นซ่อนความเย็นชาที่ยากสังเกตภายใต้สีหน้าอ่อนเพลีย “ส่วนท่านรู้อยู่แก่ใจยังนิ่งเฉยไม่ไยดี ปล่อยให้ผู้ประสบภัยหิวตายป่วยตายต่อหน้าต่อตา”

หูเหวินเจ่าตลบตะแลง “เฉินหลวนบอกข้าว่าเขาจะจัดการเรื่องผู้ประสบภัยให้เรียบร้อย ให้ข้าอพยพผู้ประสบภัยของอำเภออู๋เซี่ยนไปที่นอกประตูเมืองของอำเภออู๋เจียง ข้าไม่รู้สักนิดว่าเขาจะทำกับผู้ประสบภัยเยี่ยงนั้น”

ถังฟั่นไม่คิดจะเสียเวลากับเขาด้วยปัญหานี้อีก “ทั้งหมดที่ท่านกล่าวมานี้ล้วนเป็นเฉินหลวนบงการ แล้วมีหลักฐานหรือไม่”

หากปราศจากหลักฐาน สุดท้ายอุจจาระทั้งถังก็คงคว่ำบนศีรษะหูเหวินเจ่าแน่นอน

เพื่อมิให้ตกเป็นแพะรับบาปและลดทอนความผิด หูเหวินเจ่ามิอาจไม่ใช้ความคิดอย่างหนัก

“หลังเฉินหลวนได้รับกำไรจากการขายเสบียงในราคาสูง ส่วนที่แบ่งให้ข้าล้วนจ่ายเป็นตั๋วเงินของร้านเม่าชาง ทั้งหมดรวมได้ประมาณสองพันตำลึง นี่ใช้เป็นหลักฐานได้หรือไม่”

ถังฟั่นสั่นหน้า “ตั๋วเงินมันพูดไม่ได้ ผู้ใดจะทราบว่าท่านเอามาจากที่ใด อย่างมากก็เป็นได้แค่หลักฐานโดยอ้อม ท่านลองคิดใหม่”

หูเหวินเจ่ากลุ้มจัดจนสุดรำพัน ได้แต่เริ่มเค้นสมองอีกครั้ง

สวรรค์ไม่แล้งน้ำใจต่อผู้มานะ ยังคงบันดาลให้เขาคิดออกประการหนึ่งจนได้ “ทางเฉินหลวนต้องมีสมุดบัญชีรับจ่ายเสบียงที่บันทึกจำนวนอย่างถูกต้องเก็บไว้แน่นอน เพียงแต่ไม่ทราบเขาซ่อนไว้ที่ใด หากเอาสมุดบัญชีเล่มนั้นมาได้ก็จะมีหลักฐานแล้ว”

ถังฟั่นผงกศีรษะ “สมุดบัญชีรับจ่ายเสบียงย่อมเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักที่สุด แต่ปัญหาคือสมุดบัญชีของฝ่ายท่านถูกรองผู้พิพากษาเลี่ยวแก้ไขตัวเลขไปแล้ว ของที่สำคัญเช่นนี้เกรงว่ามีเพียงตัวเฉินหลวนเท่านั้นจึงทราบที่ซ่อน แล้วจะเสาะหาอย่างไร”

หูเหวินเจ่าชักฉุน “นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ท่านจะให้ข้าทำอย่างไร”

ถังฟั่นหัวเราะ กล่าวอย่างไม่อนาทร “ข้าจะไปรู้หรือ ตอนนี้เป็นท่านที่มีความยุ่งยากมิใช่ข้า หากท่านอยากช่วยเหลือตนเองก็ต้องคิดหาวิธีให้ได้ แต่ข้ามีคำพูดหนึ่งใคร่เตือนท่าน”

หูเหวินเจ่าข่มโทสะ “เชิญกล่าว”

“ในเมื่อพวกเฉินหลวนเตะท่านออกมาแล้วย่อมจะไม่เก็บกลับไปอีกแน่ หากท่านยังสามจิตสองใจ ใคร่จะเหยียบเรือสองลำ ทางนี้ร่วมมือกับข้า ทางนั้นกลับยังไปจริงใจต่อเฉินหลวน ถึงเวลาหากวอดวายไร้ที่กลบฝังก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนแล้วกัน”

ถูกแทงใจดำ หูเหวินเจ่าร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ฝืนยิ้มกล่าวว่า “พี่รุ่นชิงออกจะดูแคลนข้าเกินไปแล้ว ข้ามิใช่คนเช่นนั้น”

ว่ากันตามจริงเขายังคงมิได้ตัดสินใจสะบั้นความสัมพันธ์กับเฉินหลวน และไม่เชื่อว่าถังฟั่นจะโค่นพวกเฉินหลวนได้

โบราณว่ามังกรแกร่งยากข่มอสรพิษเจ้าถิ่น ประสาอันใดกับเฉินหลวนซึ่งมิใช่อสรพิษเจ้าถิ่น แต่เป็นมังกรเจ้าถิ่นต่างหาก

ถังฟั่นผุดลุกขึ้น “ไม่ใช่เช่นนั้นก็ดี ชีวิตเป็นของท่าน ตัวท่านไม่ทะนุถนอม ผู้อื่นก็หมดปัญญา”

หูเหวินเจ่าเริ่มกลัวขึ้นมาในที่สุด “พี่รุ่นชิงช้าก่อน”

ถังฟั่นหยุดฝีเท้า

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com