everY
ทดลองอ่านนิยายวาย รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่ม 6 บทที่ 2 #นิยายวาย
บทที่ 2
เหล่าจ้าวคือพลทหารนายหนึ่งซึ่งมีหน้าที่เฝ้ายามหน้าบ้านพักรับรอง
สำหรับเขา การหักเหลี่ยมเฉือนคมของผู้ตรวจการกับนายอำเภอ การฉ้อราษฎร์บังหลวงอันใดเหล่านี้ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งสิ้น
ชนชั้นผู้น้อยก็สมควรมีวิถีชีวิตของชนชั้นผู้น้อย ขอเพียงหลังเลิกงานสามารถซดสุราร้อนๆ สักถ้วย มีภรรยาอุ่นเตียงให้สักคน สนทนาฮาเฮกับเหล่าสหาย เท่านี้ก็พอใจแล้ว
แต่ชนชั้นผู้น้อยก็มีเรื่องซุบซิบของชนชั้นผู้น้อย
อย่างเช่นเหล่าจ้าวกับบรรดาสหายที่อยู่เวรในบ้านพักรับรอง หลายวันนี้ต่างใคร่รู้เป็นพิเศษเกี่ยวกับโฉมสะคราญที่ผู้ตรวจการถังพากลับมา และมิใช่ครั้งเดียวที่แอบคาดเดาฐานะของสตรีผู้เลอโฉมคนนั้น
บ้างก็ว่าโฉมงามนั้นเป็นอนุในบ้านของใต้เท้าถัง เพราะทนความริษยาของภรรยาเอกไม่ได้ ครั้นเห็นใต้เท้าถังเดินทางลงใต้จึงขอติดตามมาด้วย
บ้างก็ว่าโฉมงามเป็นของขวัญที่ขุนนางอื่นกำนัลให้กับผู้ตรวจการถัง ใต้เท้าถังตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ถึงขนาดไม่ยอมห่างแม้ครู่ ต้องให้นางอยู่ข้างกายตลอดเวลา
บ้างก็ว่าความจริงโฉมสะคราญท่านนั้นเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดี หลังจากผู้ตรวจการถังต้องตาเข้าก็ฉุดคร่าเอาตัวมา ผู้ตรวจการถังรับคำสั่งมาทำคดีคราวนี้เพื่อสืบสาวเรื่องภัยอดอยากปีที่แล้วของอำเภออู๋เจียง ผลสุดท้ายเมื่อมาถึงกลับลุ่มหลงในอิสตรี งานการไม่ใส่ใจ ดูท่าคงเป็นขุนนางขี้ฉ้อคนหนึ่งเช่นกัน
วาจาซุบซิบลุกลามไปทั่วบ้านพักอย่างรวดเร็ว หนำซ้ำยังมีแนวโน้มกระจายออกสู่ภายนอก
แต่ไม่ว่าเนื้อความจะพิสดารพันลึกปานใด กลับมีอยู่สองจุดเป็นที่ยอมรับของเหล่าจ้าวและสหาย
หนึ่งคือโฉมงามนั้นสวยสะคราญแท้จริง งามจนสะท้านขวัญสะเทือนวิญญาณ แทบจะดูดเอาจิตวิญญาณของผู้คนไปแล้ว
เมืองซูโจวและหังโจวมีสาวงามดาษดื่น พวกเหล่าจ้าวเป็นชาวซูโจวโดยกำเนิด ย่อมผ่านโลกมาโชกโชน ไม่เหมือนพวกชาวนาบ้านนอก แต่โฉมสะคราญข้างกายถังฟั่นคนนี้ช่างงามล้ำงามเลิศจนสุดจะเปรียบปานจริงๆ ทว่าด้วยมิแตกฉานในถ้อยคำวรรณศิลป์ พวกเหล่าจ้าวจึงนึกไม่ออกว่าจะพรรณนาถึงความงามของนางอย่างไร
ครั้งแรกที่ได้ยล พวกเขาได้แต่ปากอ้าตาค้างมองดูถังฟั่นพาโฉมสะคราญที่หอมฟุ้งเข้ามาในบ้านพักรับรอง ต่อมายังอดนึกขันตนเองไม่ได้ที่เสียกิริยาในตอนนั้น แต่เมื่อพวกเขาเห็นใต้เท้าถังในยามอยู่กับโฉมงามก็มีท่าทีไม่ต่างจากพวกเขานัก ทุกคนค่อยรู้สึกถึงความสมดุลทางใจ ด้วยเพราะมิใช่พวกเขาไม่เคยผ่านโลก แต่โฉมสะคราญช่างงามเกินไปจริงๆ
บุปผาที่สวยสดงดงามยิ่งดอกนี้ถูกถังฟั่นเด็ดดมเสียแล้ว ไม่อาจไม่กล่าวว่าทุกคนล้วนอิจฉาตาร้อนแทบตาย
ยังมีจุดที่สองซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่ว นั่นก็คือผู้ตรวจการถังพะเน้าพะนอโฉมสะคราญนางนี้มาก ขาดเพียงมิได้ผูกคนไว้กับเอว พาไปทุกแห่งทุกหนทุกที่ทุกเวลาเท่านั้น
ระหว่างหลายวันที่เหล่าจ้าวเข้าเวร เมื่อใดก็ตามที่ผู้ตรวจการถังออกนอกบ้านพัก ไม่ว่าไปที่ใด ทำธุระอันใด ล้วนพาอีกฝ่ายไปด้วยตลอด ถึงขนาดลือกันว่าแม้แต่ไปเยี่ยมคารวะใต้เท้าเจ้าเมืองก็ยังพาสตรีนางนั้นเข้าจวนไปด้วยกัน ไม่กลัวเป็นที่ครหาสักนิด ชวนให้ผู้คนตะลึงจนพูดไม่ออก
ทว่านี่ก็มิอาจตำหนิ โฉมงามเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา แม้แต่ชีวิตก็ยินดีสละให้ ใต้เท้าทั้งหลายก็คนเหมือนกัน นี่มีอันใดน่าแปลกใจเล่า
ชัดเจนยิ่งว่าเมื่อถึงวันที่ผู้ตรวจการถังกลับเมืองหลวงจะต้องพาโฉมสะคราญกลับไปด้วยแน่นอน และหากภรรยาเอกของผู้ตรวจการถังมิใช่แม่เสือ ต่อไปโฉมสะคราญนางนี้ต้องครองอำนาจสูงสุดในเรือนผู้ตรวจการถังอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่จะว่าไปสตรีเลอโฉมที่งามหยาดเยิ้มปานนี้ ไม่อยู่ในตำหนักในของจักรพรรดิ กลับให้ผู้ตรวจการขั้นสี่คนหนึ่งถือครอง ก็ไม่ทราบผู้ตรวจการถังจะสามารถรักษาไว้ได้หรือไม่
ไม่ว่าเบื้องนอกพายุฝนโหมกระหน่ำจนฟ้าสะเทือนปานใด ถังฟั่นเพียงฟังแต่ไม่นำพา ยังคงพาเซียวอู่เข้าๆ ออกๆ บ้านพักตามปกติ
แม้ขณะออกข้างนอกถังฟั่นเอาหมวกผ้าโปร่งคลุมหน้าให้เซียวอู่ด้วยความรอบคอบแล้ว แต่ทรวดทรงองค์เอวอันอ่อนช้อยบอบบางนั้นจะสามารถหลอกลวงผู้ใดได้เล่า เพียงไม่กี่วันคนกว่าครึ่งอำเภออู๋เซี่ยนก็ล่วงรู้กันทั่วว่าข้างกายถังฟั่นมีหญิงงามที่เลอโฉมล่มเมืองคนหนึ่ง กินอยู่หลับนอนตะลอนเที่ยวกับเขาตลอดเวลา
ขอเพียงเป็นบุรุษ ไม่มีใครไม่ทอดถอนใจกับวาสนานารีของถังฟั่น
ทว่าสำหรับเซียวอู่แล้วกลับเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง
นางหาทราบไม่ว่าถังฟั่นล่วงรู้ฐานะของนางแล้วจึงยังทำตามคำสั่งของเฉินหลวน พยายามทุกวิถีทางให้ได้อยู่ข้างกายถังฟั่น และทำลายชื่อเสียงของเขาให้ย่อยยับ มาตรว่าทั้งสองมิได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง หากก็ต้องทำให้คนนอกรู้สึกว่าเซียวอู่เป็นของรักของหวงของถังฟั่นให้ได้
บัดนี้แผนการกำลังย่างสู่เป้าหมาย ถังฟั่นลุ่มหลงนางจนถอนตัวไม่ขึ้น แต่เซียวอู่กลับไม่ดีใจสักนิด
เพราะถึงแม้ถังฟั่นลุ่มหลงนางมาก แต่กลับรักษามารยาทจรรยา นอกจากโอบๆ กอดๆ และสัมผัสมือ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับไม่คืบหน้าแม้ก้าว
แต่นี่ไม่นับเป็นอันใด บัณฑิตผู้ถือดีเซียวอู่เจอะเจอมานักต่อนัก เฉกเช่นถังฟั่นก็ใช่ว่าไม่เคยเห็น สิ่งที่ทำให้เซียวอู่ว้าวุ่นใจกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถังฟั่นเวลานี้ชมชอบนางถึงขั้นห่างนางไม่ได้แม้ชั่วครู่ ไม่เพียงออกจากบ้านพักต้องพาไป กระทั่งนางไปปลดทุกข์กลับมาก็จะเห็นถังฟั่นชะเง้อหาตนด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ปากยังครวญคร่ำ ‘อู่เอ๋อร์เจ้าหายไปที่ใดแล้ว ไม่เห็นหน้าเจ้า ข้าทำอะไรไม่ได้เลย’
เซียวอู่เดิมทีก็ชอบบุคลิกงามสง่าและหน้าตาคมคายของถังฟั่น แต่คลุกคลีนานเข้าพบว่าใต้หนังหน้าของบุรุษผู้นี้กลับมีนิสัยเอื่อยเฉื่อย นางถูกตอแยบ่อยเข้าก็พานหมดอารมณ์ ไหนเลยยังชมชอบต่อไปได้
หนึ่งเดียวที่พอประโลมใจคือถังฟั่นกระทำสิ่งใดล้วนไม่ปิดบังนาง รวมทั้งเรื่องงาน
ดังนั้นหลายวันนี้เซียวอู่ไม่เพียงรู้ว่าหูเหวินเจ่าเจ้าเมืองซูโจวหันมาเข้าพวกกับถังฟั่นแล้ว ยังรู้อีกว่าภูผาลูกใหญ่เบื้องหลังถังฟั่นความจริงก็คือวังจื๋อ อดีตผู้บัญชาการสำนักประจิม ขันทีข้างพระวรกายโอรสสวรรค์ ถังฟั่นยังบอกนางด้วยว่าเงินทองของมีค่าที่สมาคมพ่อค้าซูโจวส่งมาให้นั้น เขาก็ได้นำส่งถึงวังกงกงที่เมืองหลวงแล้ว
แต่ที่สร้างความรำคาญใจต่อเซียวอู่ก็คือการที่ถังฟั่นเกาะนางไม่ปล่อยทำให้องครักษ์เสื้อแพรข้างกายเขาคนนั้นยิ่งจับจ้องตาไม่กะพริบ นับแต่เข้ามาอยู่ในบ้านพักรับรอง นางก็หาโอกาสออกไปส่งข่าวให้ทางเฉินหลวนไม่ได้เลย
มีเพียงครั้งเดียว นางฉวยโอกาสที่ถังฟั่นพานางออกข้างนอกส่งต่อข่าวสารตอนอยู่ในร้านค้าแห่งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็เงียบหายเหมือนก้อนหินจมทะเล ปราศจากการตอบรับจากเฉินหลวนโดยสิ้นเชิง
เซียวอู่เริ่มร้อนรนขึ้นมาแล้ว
นางมิได้หวั่นว่าตนเองจะลุล่วงภารกิจที่เฉินหลวนมอบหมายให้ไม่ได้ แต่วิตกว่าเฉินหลวนจะเชื่อข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วแล้วคิดว่าตนมีใจให้ถังฟั่น จากนั้นจะทรยศเขา
เฉินหลวนเป็นคนขี้ระแวงปานใดและโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงใด ไม่มีใครรู้ดีไปกว่านาง
แค่ดูจากผู้ประสบภัยนอกกำแพงเมืองที่ลดจำนวนลงทุกวันก็ทราบแล้ว เพื่อผลประโยชน์เฉินหลวนยังกล้าตบตากระทั่งจักรพรรดิและขุนนางผู้แทนราชสำนัก ประสาอันใดกับนางซึ่งเป็นแค่สตรีธรรมดาคนหนึ่ง
ต่อให้สะคราญโฉมปานใด สำหรับบุรุษแล้ว ความแตกต่างก็แค่ของเล่นที่โยนทิ้งได้ทุกเมื่อ หรือไม่ก็ของเล่นที่ราคาสูงสักหน่อยเท่านั้นเอง
จิตใจของนางไม่เป็นสุข แม้แต่ถังฟั่นยังสังเกตเห็น นึกว่านางล้มป่วยแล้ว ไม่เพียงยกน้ำแกงส่งยาด้วยตนเอง ยังเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ยอมไปที่ใด
หากเปลี่ยนเป็นสตรีอื่น พบพานบุรุษที่ทุ่มเทเอาใจใส่เช่นนี้เกรงว่าคงซาบซึ้งตราตรึงไปนานแล้ว แต่นางหาได้เป็นเช่นนั้น
ถังฟั่นยิ่งดีต่อนางเท่าใด นางกลับยิ่งหวั่นวิตกว่าเฉินหลวนจะคลางแคลงในความซื่อสัตย์ของนาง
เห็นสีหน้าซูบเซียวเพราะอดนอนของนาง ความห่วงหาอาทรของถังฟั่นยิ่งสุดจะรำพัน
“อู่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรกันแน่ ใช่มีเรื่องทุกข์ใจหรือไม่ เจ้าบอกข้า ถึงข้ามิใช่ขุนนางเมืองซูโจว แต่หากเจ้ามีเรื่องยุ่งยากอันใดข้ายังคงช่วยคลี่คลายได้ เจ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปหัวใจข้าต้องรวดร้าวเจียนตายแล้ว”
สีหน้าของเขาจริงใจไร้แสร้ง บวกกับเซียวอู่มีเรื่องหนักอึ้งในใจจึงไม่รู้สึกผิดปกติ ตรงข้ามกลับเอาแต่ครุ่นคิดวิธีปลีกตัวจากถังฟั่นเพื่อออกไปส่งข่าว
เซียวอู่ฝืนยิ้ม “ใต้เท้า ข้ารู้สึกแน่นหน้าอก อยากนอนสักครู่”
ถังฟั่นแตะหน้าผากนาง จับปอยผมบนหน้าผากไปทัดไว้หลังหูพลางเอ่ยเสียงนุ่มนวล “เช่นนั้นข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
ไม่-ต้อง-ให้-ท่าน-อยู่-เป็น-เพื่อน!
เซียวอู่แทบเค้นคำเหล่านี้ลอดไรฟันออกมา ดีที่ยังมีสติ คำพูดมาถึงริมฝีปากก็กลืนกลับลงไปประหนึ่งกล้ำกลืนโลหิตก็มิปาน
จังหวะนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ถังฟั่นลุกขึ้นไปเปิดประตู กลับเห็นเด็กรับใช้ประคองชามยาเข้ามาพลางบอกน้ำเสียงกระตือรือร้น “ใต้เท้า ยาที่ท่านสั่งเพิ่งต้มเสร็จขอรับ”
“เจ้าวางลงเถอะ” ถังฟั่นพยักหน้ากับเด็กรับใช้ในบ้านพักรับรอง เขาย่อมไม่อ่อนโยนเหมือนที่ปฏิบัติต่อเซียวอู่
“อู่เอ๋อร์ ดื่มยาก่อน นี่เป็นยาที่ช่วยให้ใจสงบ ดื่มแล้วเจ้าจะได้หลับ ตื่นมาก็ไม่เป็นไรแล้ว” ถังฟั่นยกชามยา พยุงนางอย่างเบามือ
ด้วยฐานะขุนนางขั้นสี่เช่นเขา สามารถกระทำถึงระดับนี้ นับว่าไม่ง่ายจริงๆ
เปลี่ยนเป็นสตรีอื่นคงวาบหวามใจไม่คลาย แต่เสียดายที่เซียวอู่ไม่อยู่ในอารมณ์นั้นสักนิด
“ข้าดื่มเองก็ได้” เซียวอู่รับชามยามา ก้มหน้าจะดื่ม
ถังฟั่นกลับพลันโพล่ง “เดี๋ยวก่อน”
เขายกชามยาในมือเซียวอู่กลับมา กิริยาค่อนข้างรุนแรง ส่งผลให้ยาน้ำกระฉอกใส่มือของทั้งคู่เล็กน้อย
ถังฟั่นตะโกน “ตี๋หาน! ตี๋หานอยู่หรือไม่!”
“ข้าน้อยอยู่นี่” เสียงขานรับดังจากข้างนอก
“เจ้าไปจูงสุนัขมาตัวหนึ่ง ไม่ก็อุ้มแมวมาตัวหนึ่งก็ได้” ถังฟั่นสั่ง
ตี๋หานไม่ถามมากความ “ขอรับ”
ความสนใจของเซียวอู่ถูกเขาเบี่ยงเบนจนได้ “นี่ท่านจะ…”
“ข้ารู้สึกยานี้มีกลิ่นแปลกๆ” ถังฟั่นบอก
เซียวอู่ตะลึงลาน
“อีกอย่าง เด็กรับใช้ที่ส่งยาเข้ามาคนนั้นข้าไม่คุ้นหน้าชอบกล หลังจากเขาเข้ามามิได้ชำเลืองเจ้าเหมือนคนอื่นๆ นี่ถือว่าผิดปกติมาก”
ตอนแรกเซียวอู่ใคร่จะล้อเขาว่าเรื่องเล็กทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไม่ทราบฉุกคิดอันใดขึ้นมา จู่ๆ สีหน้าก็ขาวเผือด
ไม่ช้าตี๋หานก็อุ้มลูกสุนัขตัวหนึ่งเข้ามา หลังถังฟั่นพยักพเยิด เขาก็หยิบยาน้ำชามนั้นกรอกใส่ปากลูกสุนัข
ปรากฏว่าไม่ถึงครู่ลูกสุนัขก็ร้องโหยหวน ดิ้นพราดอยู่ในอ้อมแขนของตี๋หานคล้ายเจ็บปวดแสนสาหัส พอตี๋หานคลายมือ ลูกสุนัขก็ร่วงลงพื้น สี่ขาชักกระตุกแล้วแน่นิ่งไป
ถังฟั่นเดือดดาลใหญ่ “นี่มีคนต้องการลงมือต่อข้าชัดๆ! ไฉนไม่มาหาข้าโดยตรง กลับจะทำร้ายอู่เอ๋อร์!”
ตี๋หานตอบ “อาจเพราะฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าถ้าแม่นางเซียวตายจะทำให้ใต้เท้าว้าวุ่นใจอย่างหนักกระทั่งเผยจุดอ่อนออกมา”
สองคนหนึ่งถามหนึ่งตอบ ถังฟั่นหมุนตัวกลับไป ขณะจะปลอบโยนเซียวอู่พลันพบว่าสีหน้านางขาวซีด อดสะดุ้งตกใจมิได้ รีบฉวยมือนางขึ้นมา พบว่าเย็นเฉียบไปหมด “อู่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป”
เซียวอู่ไม่ตอบคำ เรือนร่างอรชรสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ถูกถังฟั่นรวบเข้าอ้อมอกก็ยังคงไม่พูดไม่จา
ถังฟั่นตบหลังนางเบาๆ ปลอบเสียงนุ่มนวล “ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไม่เป็นไรแล้ว”
ปลอบใจเซียวอู่อยู่นาน จวบจนนางนอนลงอีกครั้ง ถังฟั่นค่อยผละจากห้องนางกลับห้องตนเอง
เท้าหน้าเพิ่งเข้ามา เท้าหลังก็มีคนตามมาติดๆ
ถังฟั่นไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าใคร น้ำเสียงติดฉุน “ท่านเข้าๆ ออกๆ เช่นนี้ คนอื่นไหนเลยจะเห็นท่านเป็นผู้ใต้บัญชาทั่วไป เช่นนี้อาจถูกจับได้โดยง่าย”
ตี๋หานกล่าว “เดิมทีข้าก็มิใช่ผู้ใต้บัญชาทั่วไป แต่เป็นองครักษ์ประจำตัว”
ไม่รู้ตั้งใจหรือไม่ เขาเน้นเสียงหนักๆ ที่คำว่า ‘ประจำตัว’ ลูกตาจ้องถังฟั่นเขม็ง
ถังฟั่นกำมือรองใต้ริมฝีปาก แสร้งไอคำหนึ่ง “หลายวันนี้วุ่นวายกับการดำเนินแผน ข้ายังไม่ทันได้ถามท่าน ด้วยฐานะของท่าน ไฉนออกจากเมืองหลวงมาหาข้าได้”
ตี๋หานกล่าว “ทางเจียงซีเกิดเรื่องนิดหน่อย ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ข้าไปจัดการ ข้าจึงอ้อมมาที่ซูโจวแวะหาเจ้าเที่ยวหนึ่ง”
ถังฟั่นเอ็ดเสียงกึ่งดุ “อ้างงานหลวงตวงประโยชน์ใส่ตน”
รอยยิ้มสายหนึ่งซ่านขึ้นในดวงตาตี๋หาน “แล้วจะเป็นไรไป พวกเหยียนหลี่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ข้าแค่คิดถึงเจ้าจนทนไม่ไหวเท่านั้นเอง”
ถ้อยคำตรงทื่อปราศจากการเสริมแต่งคำนี้ที่ออกมาจากปากของอีกฝ่ายยังสัมฤทธิผลยิ่งกว่าแววตาอันหยาดเยิ้มของเซียวอู่ พริบตานั้นใบหน้างามสง่าของใต้เท้าถังแดงเรื่อขึ้นมา
ตี๋หานยื่นมือลูบหัวไหล่เขาเบาๆ แล้วไล่เรื่อยลงมา สุดท้ายหยุดอยู่ที่หลังมือของอีกฝ่าย
นิ้วมือยุกยิกอยู่ในอุ้งมือนั้น รู้สึกได้ชัดเจนว่ามือของอีกฝ่ายหดเกร็งทันใด
ทว่าตี๋หานว่องไวกว่า ไม่รอให้อีกฝ่ายแสดงท่าทีถัดไปก็กำเอาไว้แน่นๆ
ผิวสัมผัสผิว เขาพบว่าข้อนิ้วของถังฟั่นเรียวยาวสมส่วน ให้ความรู้สึกเดียวกับเมื่อครั้งสัมผัสเท้าเปลือยของอีกฝ่ายในวันนั้น
อย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือมือที่มีไว้สำหรับสรรค์สร้างความเรียงอันยอดเยี่ยมคู่หนึ่ง
ถังฟั่นอดเขินมิได้ “เอาล่ะ เข้าเรื่องได้แล้ว”
แม้กล่าวเช่นนั้น กลับมิได้ดึงมือออก
ตี๋หานคล้ายทราบ ในด้านนี้อีกฝ่ายจะหน้าบางเป็นพิเศษ จึงมิได้หยอกแกล้งอีก เพียงแย้มยิ้ม “ตอนนี้เซียวอู่ต้องเข้าใจว่ายาพิษชามนั้นเป็นเฉินหลวนกำนัลแก่นาง”
ถังฟั่นสุ้มเสียงเคร่งขรึม “เซียวอู่เป็นสตรีที่รู้จักวางแผนให้ตนเอง ทั้งชาญฉลาดกว่าสตรีทั่วไป หลอกได้เฉพาะแค่ครานี้ คงหลอกนางไม่ได้ตลอดไป และยังไม่มีน้ำหนักพอจะทำให้นางตัดสินใจ พวกเราต้องทำให้นางกระจ่างสองประการ หนึ่งคือเฉินหลวนต้องถูกโค่น ไม่มีทางรอดพ้นเด็ดขาด สองคือตอนนี้เฉินหลวนเกิดความระแวงในตัวนางแล้ว ใคร่จะสังหารนางปิดปาก ต่อให้นางคำนึงถึงเฉินหลวนปานใด ผู้อื่นก็ยังคงไม่เห็นนางอยู่ในสายตา”
ตี๋หานกล่าว “เจ้ามีแผนอย่างไร”
ถังฟั่นผุดยิ้มมั่นใจเต็มเปี่ยม “คงต้องขอให้ท่านช่วยสักครั้ง จัดแสดงละครฉากหนึ่งให้นางปักใจเชื่อ”
“ได้ แต่ขอเจ้าอย่างเดียว”
“หืม?”
“อย่าโอบๆ กอดๆ นางอีก”
“…”