ทดลองอ่านนิยายวาย รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่ม 6 บทที่ 2 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่านนิยายวาย รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ เล่ม 6 บทที่ 2 #นิยายวาย

เซียวอู่จิตใจไม่สงบ ผ่านค่ำคืนด้วยฝันร้ายติดต่อกัน

รุ่งสางวันถัดมา ถังฟั่นมาหานาง “อู่เอ๋อร์ ที่นี่อันตรายเกินไป ข้าจะพาเจ้ากลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด ไปจากที่นี่!”

เซียวอู่อึ้งไปเล็กน้อย “งานของใต้เท้าทำเสร็จแล้ว? ท่านมิใช่จะโค่นเฉินหลวน?”

ถังฟั่นยิ้มมีเลศนัย “เกือบเสร็จแล้ว ความผิดของเฉินหลวนข้ารายงานขึ้นไปแล้ว เพียงรอทางเมืองหลวงมีคำสั่งลงมา!”

เซียวอู่รับฟังจนมึนงงไปหมด

เนื่องเพราะฐานะ นางจึงรู้เรื่องของเฉินหลวนไม่น้อย และรู้ด้วยว่าไฉนเฉินหลวนจึงอหังการได้ถึงเพียงนี้

มิใช่แค่เพราะเฉินหลวนมีอาคนหนึ่งเป็นเสนาบดีกรมอากรนครหนานจิง เหนือกว่านั้นเป็นเพราะเฉินหลวนส่งบรรณาการจำนวนมากให้กับทางเมืองหลวงทุกปี

กล่าวให้ชัดก็คือมังกรเจ้าถิ่นผู้นี้ไม่เพียงโยงใยกับสำนักบูรพาผ่านทางสมาคมพ่อค้าซูโจว กระทั่งตัวเขาและอาของเขาก็เป็นคนของกลุ่มอำนาจวั่น

เพราะเหตุนี้นั่นเองเฉินหลวนจึงกล้าลอบขายเสบียงหลวงในอู๋เจียง คบคิดกับหยางจี้ และไม่เห็นถังฟั่นซึ่งเป็นขุนนางผู้แทนราชสำนักอยู่ในสายตา

เพราะเกรงกลัวอำนาจของเขา หูเหวินเจ่าเจ้าเมืองซูโจวจึงไม่กล้าปริปากในตอนแรก หากมิใช่โดนพวกเฉินหลวนลากออกมาเป็นโล่กำบัง เกรงว่าหูเหวินเจ่าจนบัดนี้ก็คงยังไม่คิดร่วมมือกับถังฟั่น

วั่นกุ้ยเฟยซึ่งเป็นที่พึ่งพิงของกลุ่มอำนาจวั่น ทุกวันนี้แม้ไม่มีโอรส แต่ฟังว่านางได้เป็นพันธมิตรกับเซ่าเฉินเฟย เตรียมผลักดันโอรสของอีกฝ่ายขึ้นเป็นรัชทายาท ยุยงจักรพรรดิให้ปลดรัชทายาทองค์ปัจจุบัน

เซียวอู่รับรู้เรื่องต่างๆ จากทางเฉินหลวนไม่น้อย ดังนั้นนางไม่คิดว่าลำพังถังฟั่นคนเดียวจะสามารถโค่นล้มเฉินหลวนได้ ต่อให้บวกวังจื๋อซึ่งอยู่เบื้องหลังเขาเกรงว่าก็คงไม่พอ

เพราะคนที่ถังฟั่นต่อกรหาใช่เพียงเฉินหลวน แต่เป็นกลุ่มก้อนที่ซับซ้อนยุ่งเหยิงเบื้องหลังเขาต่างหาก

เวลานี้ถังฟั่นกลับกล่าวอย่างมั่นใจว่ามีความสามารถกำราบเฉินหลวน เซียวอู่นอกจากตกตะลึง ท่าทีแรกก็คือไม่เชื่อ

ทว่าพิจารณาจากความลุ่มหลงที่ถังฟั่นมีต่อตน ต้องไม่พูดเท็จกับนางเด็ดขาด

ดังนั้นเซียวอู่จึงถาม “ใต้เท้าได้หลักฐานอันใดมัดตัวเฉินหลวน” พูดจบนางพลันสำนึกขึ้นได้ จึงก้มหน้าต่ำด้วยความละอาย “ขอใต้เท้าโปรดอภัย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสมควรถาม เป็นข้าละลาบละล้วงแล้ว”

ถังฟั่นมิได้ถือสา กุมมือนางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว เบื้องหลังของเฉินหลวนคือกลุ่มอำนาจของวั่นกุ้ยเฟย รวมถึงวั่นอันราชเลขาธิการคนปัจจุบัน และวั่นทงน้องชายวั่นกุ้ยเฟย เจ้าคงยังจำได้กระมัง”

เห็นเซียวอู่พยักหน้า เขาจึงพูดต่อ “อันที่จริงเรื่องนี้จะว่าไปก็จัดการไม่ยาก คนที่ข้าต้องต่อกรมีแค่เฉินหลวนคนเดียว ไม่เคยคิดจะพัวพันไปถึงคนของกลุ่มอำนาจวั่น เฉินหลวนโอหังปานใด สำหรับกลุ่มอำนาจวั่นแล้วก็เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่ง ไม่มีเขา นายอำเภออู๋เจียงยังคงสามารถหาคนใหม่มาแทนได้ เพราะนี่มิใช่ตำแหน่งสำคัญอันใด”

เซียวอู่ตื่นตระหนกในใจสุดขีด แต่ใบหน้ากลับเพียงเผยแววหวั่นกลัว “แต่ว่า…อาของเฉินหลวนเป็นถึงเสนาบดีกรมอากรนครหนานจิง หรือเขาจะนิ่งเฉยปล่อยให้หลานชายถูกท่านฟ้องร้อง?”

ถังฟั่นระบายยิ้ม “บอกเจ้าก็ได้ ก่อนหน้านี้สหายสนิทและผู้อาวุโสหลายท่านของข้าในเมืองหลวงถูกกลุ่มอำนาจวั่นเบียดออกไปอยู่หนานจิง หนึ่งในนั้นก็คือจางอิ๋ง อดีตเสนาบดีกรมอาญา เวลานี้เขาพบหลักฐานการฉ้อราษฎร์บังหลวงของเสนาบดีเฉินและส่งฎีกากล่าวโทษอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เสนาบดีเฉินท่านนั้นยังเอาตัวเองไม่รอด ไหนเลยจะมีเวลามาห่วงหลานชายเล่า”

เซียวอู่อ้าปากค้าง “นี่…นี่จะได้ผลหรือ”

ถังฟั่นเอ่ยน้ำเสียงเอื่อยๆ “ไยจะไม่ได้ผล อื่นๆ พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ สรุปแล้วเจ้ารู้แค่ว่ากลุ่มอำนาจวั่นแม้มีอำนาจยิ่งใหญ่ไพศาล แต่พวกเขามีเรื่องให้กริ่งเกรงเต็มไปหมด ขอเพียงเจ้าไม่ไปงัดข้อกับพวกเขาถึงขั้นตกตายตามกัน พวกเขาก็จะไม่โต้กลับระดับพินาศสองฝ่ายกับเจ้าแน่นอน เฉินหลวนแค่มีอำนาจอยู่ในอู๋เจียงเท่านั้น หากไม่มีอาของเขา เขายังนับเป็นตัวอันใด ความจริงตอนนี้เฉินหลวนเริ่มร้อนรนแล้ว เขาติดต่อหูเหวินเจ่าไม่ได้ และไม่รู้ว่าข้าจะทำอะไร ตอนนี้เขากำลังวางแผนฟ้องร้องตัดหน้าข้าโดยผ่านทางกลุ่มอำนาจวั่น เพื่อโยกย้ายข้ากลับไป ดีไม่ดีพวกเขายังจะบอกว่าข้ารับสินบนในอู๋เจียง หลงใหลในอิสตรีอีกด้วย เสียดายเฉินหลวนไม่รู้ว่าเงินทองพวกนั้นข้าได้ส่งถึงองค์จักรพรรดิตั้งแต่แรกแล้ว”

พูดจบเขาก็หัวเราะฮ่าๆ น้ำเสียงเจือแววเยาะหยันเฉินหลวนเต็มที่

แต่เซียวอู่กลับหัวเราะไม่ออก

ถ้อยคำชุดนี้สร้างความปั่นป่วนในใจนาง เนิ่นนานมิอาจสงบลง

เซียวอู่ไม่อาจไม่ยอมรับ คำพูดของอีกฝ่ายมีเหตุผลอย่างมาก

นางเพียงเห็นแต่เฉินหลวนที่ยโสโอหัง กลับไม่ทราบว่าในสายตาของขุนนางผู้แทนราชสำนักที่มาจากเมืองหลวงอย่างถังฟั่นคนนี้ เฉินหลวนหาใช่คนไร้จุดอ่อนให้โจมตี

ยืนบนมุมที่ต่างกัน ปัญหาที่เห็นย่อมไม่เหมือนกัน

เฉินหลวนเป็นบุรุษรูปงามและดีต่อเซียวอู่มากก็จริง แต่วิธีการของเขาก็โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นกัน เซียวอู่มิได้รักใคร่ไยดีเขาสักเท่าใด นางเพียงแต่กำลังวิตกถึงชีวิตหลังจากนี้ของตนเอง

เกิดเฉินหลวนโดนโค่นแล้ว เช่นนั้นนางจะทำอย่างไรเล่า

เรื่องยาพิษเมื่อวานนี้ทำให้นางหวาดผวา แม้พวกถังฟั่นล้วนรู้สึกว่ายาพิษนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่ถังฟั่น ไม่เคยคิดว่าจะมุ่งมาที่เซียวอู่ ทว่ามีแต่ตัวนางเองจึงตระหนักชัด เฉินหลวนอาจคิดว่านางหักหลังเขา ดังนั้นจึงร้อนใจใคร่วางยาพิษฆ่าคนปิดปาก

คิดถึงตรงนี้ เซียวอู่อดกัดริมฝีปากล่างจนซีดขาวมิได้

“อู่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป” เสียงถังฟั่นปลุกนางตื่นจากภวังค์

“ข้าไม่เป็นไร” เซียวอู่ฝืนยิ้ม

“พักนี้เจ้าใจลอยอยู่เรื่อย หรือไม่อยากไปเมืองหลวงกับข้า?” ถังฟั่นมุ่นคิ้ว

“ไม่ใช่เช่นนั้น” เซียวอู่สั่นหน้า “ได้ติดตามข้างกายใต้เท้าเป็นวาสนาของข้า เพียงแต่ระยะนี้รู้สึกแน่นหน้าอก บวกกับเรื่องเกือบถูกลอบวางยาพิษเมื่อวาน ข้าขวัญผวาจริงๆ”

พูดจบก็ซุกเข้าอ้อมอกถังฟั่นคล้ายอยากซึมซับไออุ่นจากอีกฝ่าย

ถังฟั่นกอดนางไว้ รำพึงในใจ…นี่เป็นผู้อื่นโถมเข้าหาข้า ข้ามิได้เป็นฝ่ายไปโอบๆ กอดๆ ก่อน ถึงเป็นโฉมสะคราญหยาดฟ้า แต่เล่นละครทุกวันเช่นนี้ก็แสนจะเหนื่อยจริงๆ

ทว่าสีหน้ายังคงละมุนละไมดุจสายน้ำ “เอาเช่นนี้เถอะ วันนี้อากาศแจ่มใส พวกเราออกไปเดินเล่นดีกว่า เครื่องประดับที่สั่งทำไว้คราวก่อนน่าจะเสร็จแล้ว เจ้าอยากไปดูด้วยตนเองหรือไม่ เผื่อมีอันใดไม่เหมาะสมจะได้ให้พวกเขาแก้”

ความจริงเซียวอู่ไม่ค่อยอยากออกไปนัก แต่เวลานี้จิตใจนางเริ่มเกิดความปรวนแปรอย่างช้าๆ นับจากเริ่มแรกที่เสแสร้งแกล้งทำ จนถึงบัดนี้ที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากเสแสร้งเป็นเอาจริงแล้ว จึงยิ้มหวานกล่าวว่า “แล้วแต่ท่านเถอะ” นางกระซิบอีกว่า “ล้วนเป็นเพราะร่างกายข้าไม่ได้ความ นอนป่วยอยู่หลายวัน ทำให้มิได้ตอบแทนใต้เท้า ข้า…ข้า…”

พูดไปพูดมาหน้าก็แดงซ่าน

อันที่จริงถังฟั่นมิได้แตะต้องนาง เซียวอู่ยินดียั่วยวนเขา แต่เพราะเซียวอู่ลึกซึ้งในจิตใจบุรุษ ตระหนักว่าสิ่งใดก็ตามที่ได้มาโดยง่ายมักไม่เป็นที่ทะนุถนอม สันดานมนุษย์เดิมทีหยาบช้า วิถีที่บุรุษปฏิบัติต่อสตรีก็เป็นเยี่ยงนี้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เซียวอู่ยิ่งรักนวลสงวนตัว ถังฟั่นกลับยิ่งรักนางดั่งมณีล้ำค่า

ดังนั้นถึงแม้สองฝ่ายแตกต่างความคิด สุดท้ายกลับล้วนปลอดภัยไร้เรื่องราว เซียวอู่เองก็ไม่เคยเคลือบแคลงในพฤติกรรมของถังฟั่นมาก่อน

“เด็กโง่” ถังฟั่นเอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้าสุขภาพแข็งแรงขึ้นก็เป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับข้า หรือเจ้ายังไม่กระจ่างในความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้า?”

เซียวอู่เผยสีหน้าซาบซึ้งตรึงใจ

เพราะนางไม่ค่อยสบาย ถังฟั่นจึงหาเสื้อคลุมมาสวมให้นางโดยเฉพาะ จากนั้นค่อยพานางออกจากบ้านพัก

ทั้งคู่มิได้นั่งรถม้า เพียงให้ตี๋หานติดตามคนเดียว เน้นความเรียบง่ายเข้าว่า

แต่หลังผ่านเหตุการณ์ที่เกือบถูกวางยาพิษคราวก่อน เซียวอู่ยังรู้สึกพรั่นใจไม่หาย

“ใต้เท้า ท่านพาตี๋หานไปคนเดียวจะมีอันตรายหรือไม่”

“ไม่หรอก” ถังฟั่นยิ้มพลางอธิบาย “ตี๋หานคนเดียวก็จริง แต่สามารถรับมือศัตรูหลายสิบคนได้โดยหน้าไม่แปรสี เจ้าไม่รู้อะไร พลังยุทธ์ของเขาแม้แต่องค์จักรพรรดิยังเคยตรัสชมมาแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถูกนายกองพันเซวียส่งมาหรือ”

เซียวอู่ตะลึง ก่อนอดยิ้มมิได้ “ดูท่าใต้เท้าคงสนิทกับองครักษ์เสื้อแพรมาก กระทั่งคนระดับนี้ยังสามารถหยิบยืมมาได้”

ในน้ำเสียงเจือแววเลียบเคียง ถังฟั่นกลับไม่รู้สึกสักนิด เพียงผงกศีรษะ “จะบอกความลับให้ ข้ากับผู้บังคับการกองปราบฝ่ายเหนือขององครักษ์เสื้อแพรสนิทสนมกันมาก ข้าเดินถึงที่ใดเขาตามถึงที่นั่น ไล่ก็ไล่ไม่ไป ครั้งนี้หากมิใช่ฝ่าบาทมอบหมายภารกิจอื่น เขาต้องตามข้ามาแน่นอน”

ถ้อยคำนี้คล้ายมีความโอ้อวดเจือปน แต่ข้างกายถังฟั่นตอนนี้มีองครักษ์เสื้อแพรอยู่คนหนึ่งจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่นับว่าคุยโว เซียวอู่จึงเชื่อไปเจ็ดแปดส่วน ในใจยิ่งมีแผนต่อไป

ตี๋หานที่เดินตามหลังกลับไม่สนใจ คล้ายบทสนทนาของพวกเขาไม่เกี่ยวกับตนเองกระนั้น

สามคนเตร่อยู่ในร้านค้าพักหนึ่ง จนกระทั่งเซียวอู่เลือกเครื่องประดับเสร็จ ถังฟั่นจึงพานางออกมา

“ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ไปนั่งร้านน้ำชาสักครู่เถอะ อีกเดี๋ยวจะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ถ้ากลับไปเจ้าก็ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง น่าเบื่อเกินไป” ถังฟั่นยิ้มบอก

เซียวอู่ย่อมไม่มีความเห็นอันใด “ล้วนฟังใต้เท้า”

ทว่าไม่ทันขาดคำ พลันเกิดเหตุพลิกผันขึ้น

มีคนสามคนพุ่งปราดเข้ามาจากด้านหน้า ด้านซ้าย และด้านขวาของถังฟั่นกับเซียวอู่ มือกุมดาบ ท่าทางโหดเหี้ยม

เซียวอู่ตกใจตะลึงลาน นางไม่เป็นวิชายุทธ์สักนิด พริบตาสั้นๆ ไม่ทันตั้งตัว ได้แต่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตาปริบๆ

ที่น่าสะพรึงก็คือนางค้นพบว่าเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามถึงกับมิใช่ถังฟั่น แต่เป็นตนเอง!

เซียวอู่ไม่อยากตาย ยิ่งไม่อยากตายเพราะเฉินหลวนหรือลงหลุมไปพร้อมกับเขา ไม่อย่างนั้นนางคงไม่พะว้าพะวังว่าจะหักหลังเฉินหลวนหรือไม่

จนพริบตานี้

เห็นคมดาบที่พุ่งกระหน่ำมาจากสามทิศ นางหวีดร้องตามสัญชาตญาณคำหนึ่ง กำเสื้อของถังฟั่นแน่น แอบอยู่ข้างหลังเขา

แต่การบุกโจมตีของสามคนนั้นกลับมิได้ชะลอลงเพราะเหตุนี้ ในสายตาพวกมันมีเพียงเซียวอู่ หากไม่มีเหตุเหนือคาด ถังฟั่นที่ยืนอยู่กับนางจะกลายเป็นวิญญาณใต้คมดาบไปพร้อมกัน

เหตุเกิดกะทันหัน คนเดินถนนต่างตะลึงลาน ถึงขนาดลืมกรีดร้อง

เซียวอู่ไม่กล้าขยับ สองตาของนางเบิกโพลง นี่กลับมิอาจทำลายความงามของนาง โฉมงามที่ตกอยู่ในความพรั่นพรึงกลับยิ่งกระตุ้นความรู้สึกอยากปกป้องของผู้คน

ทว่าตรงหน้าก็ไม่มีผู้ใดปันใจไปชื่นชมความงามนั้น แต่ละคนตัวแข็งทื่อ ทำได้เพียงกลอกตาไปตามแสงวูบวาบของเงาดาบ เป็นสักขีพยานให้กับเหตุนองเลือดและความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาฉากนี้

คมดาบที่ตกลงเหนือศีรษะเซียวอู่ชะงักค้าง พลังดาบโฉบผ่านเรือนผมของนางทำให้เส้นผมปลิวลอยขึ้นมา

มือสังหารแตกตื่น ไม่คาดคิดว่าการโจมตีของตนจะถูกขัดขวาง ขณะเดียวกับที่ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นวาบขึ้นมาจากข้อมือตน

เขาก้มมอง เห็นมือของตนเองโดนสะบั้นเสมอข้อมือ ปลิวคว้างกลางอากาศพร้อมกับดาบเล่มนั้น

น้ำพุโลหิตฉีดพุ่ง กระเซ็นเลอะอาภรณ์ของเซียวอู่

เซียวอู่แผดร้องอีกครั้ง

สองคนที่เหลือก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน

พวกมันไม่สามารถเห็นได้ชัดๆ ว่าที่แท้แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

คนหนึ่งลอยละลิ่วปลิวกระแทกแผงลอยข้างทาง ทำเอากิจการตุ๊กตาน้ำตาลปั้นเสียบไม้ของผู้อื่นพังพินาศเละเทะ ดีที่เจ้าของแผงหูตาว่องไว วิ่งหลบไปแต่แรกจึงรอดพ้นพิบัติภัย

คนร้ายอีกคนหนึ่งเห็นพวกพ้องล้มเหลวจึงตั้งท่าล่าถอย แต่ไม่ทันหมุนกาย กลางหลังกลับถูกดาบปักวสันต์เล่มหนึ่งเสียบทะลุ

อากัปกิริยาสุดท้ายในชีวิตของเขาคือก้มมองปลายดาบอาบโลหิตพราวแสงระยับใต้ดวงตะวัน

สามคนร้าย สามทิศทาง ถูกจัดการเรียบวุธในชั่วพริบตา

ตี๋หานกระชากดาบจากร่างคนร้าย สีหน้าราบเรียบดุจเดิม ถึงขนาดยังก้มเอวเช็ดเลือดบนดาบกับเสื้อผ้าของศัตรูจนหมดจดค่อยสืบเท้าไปยังคนร้ายที่หล่นทับแผงลอยผู้อื่นพังเละคนนั้น

เผชิญกับพญายมที่ฆ่าคนไม่กะพริบตาเช่นนี้ แม้แต่คนร้ายก็อดขวัญสะท้านมิได้ เขาตะกายไม่ขึ้น ได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายย่างเท้ามาหาพลางถอยร่นอย่างหวั่นหวาด ปากตะคอกขู่ “อย่าเข้ามา เจ้าอย่าเข้ามา!”

ยามนั้นคนบนท้องถนนค่อยเหมือนถูกใครสะกิด เสียงหวีดร้องก้องดังสี่ทิศ หลังโกลาหลอยู่อึดใจ ฝูงชนที่แวดล้อมถังฟั่นและพวกในรัศมีครึ่งลี้พลันหายวับไม่เหลือเงา

ตี๋หานเดินเข้าไปหิ้วคอคนผู้นั้นขึ้นมา ไม่พูดพล่ามสักคำก็บีบกรามมือสังหารจนหลุด นี่เพื่อป้องกันมิให้อีกฝ่ายกลืนยาพิษที่ซ่อนในซอกฟัน

ถังฟั่นตบไหล่เซียวอู่เบาๆ ทำเอานางขนลุกซู่

ก็ไม่ทราบนางขวัญกระเจิงเพราะเห็นคนร้ายหรือเห็นวิธีสังหารศัตรูที่รวบรัดตัดความของตี๋หาน นานสองนานยังไม่อาจเรียกสติคืนมา

ถังฟั่นเห็นเช่นนั้นจึงขยิบตากับตี๋หานแวบหนึ่ง

การวางยาพิษเซียวอู่ก่อนหน้านี้แน่นอนว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของพวกเขา แต่กลุ่มคนร้ายในครั้งนี้กลับมิใช่แผนการของถังฟั่นแล้ว

ถังฟั่นสันนิษฐานล่วงหน้า เฉินหลวนต้องมีความเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อเห็นเซียวอู่มิได้ส่งข่าวออกมา แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจร้อนถึงขนาดส่งคนมาดักฆ่า นี่อย่างน้อยสามารถบ่งชัดประการหนึ่ง ประโยชน์ของเซียวอู่มิใช่เล็กน้อยจริงๆ อย่างน้อยที่สุดนางต้องรู้เรื่องลับเฉพาะของเฉินหลวนพอสมควรถึงทำให้เฉินหลวนใคร่จะฆ่าปิดปากเมื่อรู้สึกได้ว่านางอาจทรยศตนเองแล้ว

สามคนร้ายที่เฉินหลวนส่งมาฝีมือสูงส่ง หากมิใช่ตี๋หานอยู่ที่นี่ เปลี่ยนเป็นองครักษ์ทั่วไปคนหนึ่ง เป็นไปได้ว่าฝ่ายตรงข้ามคงบรรลุเป้าหมาย

ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าตี๋หานที่หน้าตาพื้นๆ กลับเป็นถึงผู้บังคับการกองปราบฝ่ายเหนือที่เปลี่ยนชื่อแปลงแซ่คนนั้น

ก็ไม่ทราบหากเฉินหลวนรู้ว่าถังฟั่นรอให้เขามาฆ่าเซียวอู่เช่นกันจะเสียใจจนไส้ดำคล้ำหรือไม่

นับแต่ถังฟั่นย่างเท้าเข้าสู่เขตแดนเจียงซู สองฝ่ายได้ถูกลิขิตให้ต้องเปิดฉากประชันกลยุทธ์

ตอนนั้นเฉินหลวนไม่คิดสักนิดว่าถังฟั่นจะนำมาซึ่งการคุกคามขนานใหญ่ปานนี้ หากรู้แต่แรกว่าถังฟั่นไม่กินทั้งอ่อนแข็ง โฉมงามไม่รับ เงินทองไม่เอา คะเนว่าตั้งแต่เขายังอยู่บนเรือ เฉินหลวนคงลงมือสังหารโหดให้ตกตายในท้องน้ำไปแล้ว

สมบัติเท่าใดก็มิอาจซื้อหา ‘การรู้แต่แรก’

“อู่เอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ พวกเรากลับไปก่อนค่อยว่ากัน” ถังฟั่นเห็นเซียวอู่หน้าซีดสลดจึงปลอบเสียงอ่อนโยน ใคร่จะพานางกลับไป

เซียวอู่กลับกำเสื้อถังฟั่นไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “ไม่ ไม่ได้ กลับไปไม่ได้ พวกเขาต้องส่งคนมาอีกแน่”

ถังฟั่นหัวเราะ “เจ้าตกใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้าก็บอกเจ้าแล้ว ตี๋หานฝีมือร้ายกาจมาก ข้าเป็นคนที่ถูกเอาชีวิตยังไม่กลัว เจ้าจะกลัวอันใด”

เซียวอู่พังทลายในที่สุด “…ก็พวกนั้นมิได้มาเอาชีวิตท่าน แต่มาเอาชีวิตข้านี่นา!”

“หา?” ถังฟั่นอุทานเสียงฉงน “อู่เอ๋อร์ เจ้าคงมิได้ตกใจจนพูดจาสับสนแล้วกระมัง เจ้าเป็นสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง ไยพวกนั้นต้องฆ่าเจ้า มีแต่ข้าที่จะต่อกรเฉินหลวน ข้าต่างหากคือคนที่เขาต้องการชีวิต”

เซียวอู่สั่นหน้าแรงๆ น้ำเสียงติดสะอื้น “พาข้าไป รีบพาข้าไปจากที่นี่ ข้ามีสมุดบัญชีรับจ่ายเสบียง ในมือข้ามีสมุดบัญชีรับจ่ายเสบียง สามารถช่วยท่านโค่นเฉินหลวนได้ ให้เขาไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากอีก”

เพราะหวาดกลัว นางจึงแทบเกาะติดอยู่บนร่างของถังฟั่นแล้ว ตี๋หานมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเข้า ก่อนขึ้นหน้ามาดึงนางออกอย่างเหลืออด

เซียวอู่จ้องหน้าเขางงๆ ยังตั้งสติไม่ทัน

ถังฟั่นกระตุกมุมปาก เอ่ยเตือนตี๋หาน “เจ้าเอาดาบออกไปห่างๆ อย่าทำให้อู่เอ๋อร์ตกใจ”

บุคคลสำคัญเช่นนี้ เกิดตกใจจนบื้อใบ้พูดอะไรไม่ออกขึ้นมา พวกเขาจะไปหาพยานปากเอกจากที่ใดได้อีก

สายตาเยียบเย็นของตี๋หานกวาดผ่านบนร่างเซียวอู่ ฝ่ายหลังถูกมองจนสั่นผวา ยิ่งเบียดชิดไปทางถังฟั่น

ถังฟั่นโอบนางไว้พลางเอ่ยเสียงนุ่ม “พวกเราไม่กลับบ้านพักรับรอง ข้าจะพาเจ้าไปยังสถานที่ปลอดภัย รับรองไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าแน่” เขาหันไปสั่งตี๋หาน “เก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย อีกเดี๋ยวพวกทหารก็คงมา อย่าลืมชดใช้ค่าเสียหายให้เจ้าของแผงลอยนั่นด้วย ผู้อื่นอยู่ดีๆ ก็ถูกทุบร้าน น่าสงสารออก”

“…”

เขารู้สึกว่าถังฟั่นแค่อยากแก้แค้นเรื่องเมื่อคืนเท่านั้น ทว่าใครใช้ให้ผู้บังคับการสุยในตอนนี้มีฐานะเป็นนายกองตี๋เล่า ดังนั้นเขาได้แต่มองดูเงาหลังของทั้งสองเงียบๆ ล้วงเศษเงินจากอกเสื้อโยนไปบนแผงขายน้ำตาลปั้น จากนั้นค่อยลากคนร้ายสองคนที่หมดสติปางตายตามหลังไปด้วยความอาภัพ

Comments

comments

Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com