ทดลองอ่าน Princess Syndrome ตอนที่ 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Jamsai

ทดลองอ่าน Princess Syndrome ตอนที่ 3

หน้าที่แล้ว1 of 5

อาการที่สาม

รู้สึกดีกับตัวเอง

 

ความอยากรู้อยากเห็นเป็นข้อเสียที่แย่ที่สุด

ย้อนไปยังเหตุการณ์ในตอนนั้น

หลังจากช็อปปิ้งไปได้สักพักท้องก็ร้องจ๊อกๆ ฉันถึงได้รู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อย ก้มดูนาฬิกาข้อมือ ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว นึกไม่ถึงว่าฉันจะช็อปปิ้งตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้โดยไม่ดื่มน้ำสักหยด ทั้งหมดนี้เพียงเพราะต้องการที่จะเอาชนะให้ได้ ช่างเหมือนกับตกนรกทั้งเป็นจริงๆ

“คุณหลินคะ อยากให้ไปทานข้าวเป็นเพื่อนมั้ยคะ” รอยยิ้มกับรองพื้นบนใบหน้าของพนักงานสาวที่เคาน์เตอร์ดูแข็งทื่อ เหมือนกับว่าใช้มือจิ้มเบาๆ ก็แตกร่วงกราวลงมาได้เลย

“ไม่ต้อง แค่เห็นหน้าคุณฉันก็คลื่นไส้แล้ว” ฉันดึงธนบัตรหนึ่งพันหนึ่งใบให้เป็นค่าทิปเพื่อไล่เธอไป

ฉันหิ้วถุงช็อปปิ้งพะรุงพะรัง แล้วเริ่มสอดส่ายสายตามองหาสถานที่ที่จะเติมท้องให้อิ่ม

สถานที่สกปรกและหนวกหูอย่างร้านอาหารริมทางหรือแผงขายอาหารว่างพวกนั้นไม่เหมาะสมกับตำแหน่งฐานะของฉัน ฉันยอมหิวตายดีกว่าจะพิจารณาร้านเหล่านี้ แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่าแถวนี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นที่คุณนายจูเลียเคยแนะนำ จึงโบกเรียกแท็กซี่ไป

บริเวณหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ มีคนกลุ่มหนึ่งยืนอออยู่

ฉันขมวดคิ้ว ก่อนเดินแหวกกลุ่มคนไปยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ รอให้พนักงานพาไปยังที่นั่ง

“อิรัชชัยมะเซ (ยินดีต้อนรับค่ะ)” พนักงานหญิงวัยกลางคนในชุดกิโมโนโค้งคำนับเก้าสิบองศา “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าได้จองไว้หรือเปล่าคะ”

“เปล่าค่ะ” ฉันตอบตามตรง

พนักงานพูดอย่างสุภาพว่า “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ร้านเราไม่รับลูกค้าที่ไม่ได้จองไว้ล่วงหน้า ครั้งต่อไปรบกวนคุณลูกค้าโทรมาจองก่อนนะคะ”

“คุณรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร” ฉันยัวะ “ฉันเป็นคุณหนูแห่ง ‘กลุ่มบริษัทดอลลี่’ ผู้สง่างามน่าเกรงขามนะ!”

“ขอโทษด้วยค่ะ ร้านเราต้องการจัดสรรอาหารญี่ปุ่นและการบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า ถึงได้ใช้วิธีการจองล่วงหน้าค่ะ” พนักงานกล่าวขอโทษและโค้งตัวเก้าสิบองศาอีกครั้ง “โปรดเข้าใจด้วยค่ะ”

“ฉันมาทานร้านอาหารพื้นๆ นี้ของคุณก็นับว่าให้เกียรติคุณแล้ว! ยังกล้าสั่งให้ฉันจองล่วงหน้าอีกเหรอ” ฉันมองค้อนตาเหลือกใส่เธอ ท่าทางไม่ยอมแพ้ “เรียกผู้จัดการมา!”

“ต่อให้เป็นคุณอวิ๋นอวิ๋นเจ้าของห้าง ‘บรีซ เซ็นเตอร์’ มาก็ไม่ยกเว้น แล้วคุณมีอภิสิทธิ์อะไร” ลูกค้าสาวสวยที่สวมชุดเอี๊ยมกระโปรงคอกว้างสีแดงคนหนึ่งยกมือสองข้างขึ้นเท้าเอว ผมดัดเป็นลอนสีน้ำตาลทำให้เธอดูเหมือนพูเดิ้ลขนสีน้ำตาลแดง “เดิมทีร้านอาหารมีระดับก็ล้วนใช้ระบบจองล่วงหน้าอยู่แล้ว คุณไม่เข้าใจเหรอ”

ฉันกวาดตามองผู้คนที่มามุงดูอย่างเย็นชา

ฉันคิดไปเองหรือเปล่านะ ทำไมทุกคนถึงมองฉันด้วยสายตาเหมือนมองคนบ้า

“ฉันฟังเข้าใจแต่ภาษาคน” ฉันยิ้มร่าเริง “ฉันจะถือเสียว่าหมาเห่า”

“คุณ…คุณมันบ้า!” สาวสวยกระทืบเท้าปึงปัง ดูท่าทางอยากจะกระโจนเข้ามากัดฉันเต็มที

“คุณหลินซิงเฉิน? จำผมได้มั้ยครับ ผมเป็นบรรณาธิการของนิตยสารเดอะเฟิร์สต์ วีกลี่ เราเคยเจอกันที่โรงแรม W…”

ดูเหมือนว่าผู้ชายที่สวมชุดสูทสไตล์สุภาพบุรุษจอมปลอมจะจำฉันได้ เขาเดินเข้ามายืนขวางตรงหน้าสาวพูเดิ้ลขนสีน้ำตาลแดง มือของเขาวางบนไหล่ฉันอย่างเป็นธรรมชาติ “ไหนๆ ก็บังเอิญมาเจอกัน ถ้าไม่รังเกียจก็มาทานด้วยกันกับเรานะครับ”

“ช่างเถอะค่ะ ไม่กินแล้ว” ฉันปัดมือสกปรกนั้นออก รู้สึกขยะแขยง “ร้านอาหารคุณภาพต่ำที่เต็มไปด้วยแมลงสาบแบบนี้ ฉันไม่อยากกินหรอก!”

ฉันออกจากร้านนั้นพลางคิดว่าฉันยังไปที่ไหนได้อีกนะ กลับบ้าน?

อย่าโง่หน่อยเลย

วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ ไม่รู้ว่าคุณนายจูเลียกับกลุ่มเพื่อนจอมปลอมที่เป็นคุณหญิงคุณนายพวกนั้นไปเที่ยวเล่นที่ไหนกันอีก ส่วนแม่ใหญ่คิดว่าบ้านหลังใหญ่สวยงามหรูหราหลังนั้นเป็นโรงแรมไปตั้งนานแล้ว ครึ่งค่อนเดือนเธอถึงจะกลับมาที

คนที่เป็นห่วงว่าฉันจะเป็นหรือตายมีเพียงลุงเต๋อคนเดียว แต่เขาปวดท้องเรื้อรังมานาน เอาแต่ผัดผ่อนไม่ยอมไปหาหมอ ตอนที่ออกมาจากบ้านฉันกล่อมอยู่ตั้งนานกว่าเขาจะไปหาหมอ ถ้าฉันกลับบ้านตอนนี้ แล้วเขารู้ว่าฉันยังไม่ได้ทานมื้อเย็น เขาจะต้องยุ่งเหยิงวุ่นวาย จัดการนู่นจัดการนี่ให้ฉัน ไม่ได้พักผ่อนสบายๆ สักที

ฉันนั่งขี้เกียจอยู่ในร้านสตาร์บัคส์พลางดื่มกาแฟแฟรปปูชิโนไปด้วย แล้วทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมา

[คุณหนูครับ…] เป็นเสียงอันอ่อนโยนใจดีมาแต่ไหนแต่ไรของลุงเต๋อ

“ลุงเต๋อ ลุงดีขึ้นหรือยังคะ ยังปวดท้องอยู่หรือเปล่า”

[เหอะๆ ลุงเต๋อไม่เป็นไรแล้ว! โรคเดิมๆ น่ะ] เขาหยุดชะงักเล็กน้อยแล้วถามว่า [จริงสิ คุณหนูทานอาหารเย็นหรือยังครับ อยากทานอะไรครับ กลับมาแล้วลุงเต๋อจะทำให้…]

“กำลังทานอยู่เลยค่ะ”

[จริงเหรอครับ ห้ามโกหกลุงเต๋อนะ เด็กผู้หญิงต้องทานให้อ้วนๆ หน่อยถึงจะดูดี]

“ทราบแล้วค่ะ”

[ทานเสร็จแล้วจะให้ลุงบอกให้นายอู๋ไปรับคุณหนูมั้ยครับ]

“ไม่ต้องค่ะ” ฉันยกมือถือออกจากหู แล้วคุยกับอากาศสามสี่ประโยค จากนั้นถึงค่อยบอกชายชราที่เป็นห่วงเกินเหตุว่า “ลุงได้ยินแล้วนะคะ เจิ้งฉู่เย่าบอกว่าเขาจะไปส่งหนู ลุงไม่ต้องเป็นห่วง”

[อย่างนั้นเหรอ ยังไงก็รีบกลับบ้านด้วยนะครับ เป็นสาวเป็นนางอย่าอยู่กับผู้ชายดึกๆ ดื่นๆ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นว่าที่สามีก็ไม่ได้ ต้องรู้ไว้ว่าผู้ชายวัยหนุ่มแน่นล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ป่า อย่าหาว่าลุงเต๋อหัวโบราณเลยนะครับ คุณหนูมีชาติตระกูลสูงส่ง ไม่อาจทนคำครหาได้ ไม่อย่างนั้นลุงเต๋อคงจะปวดใจ…]

ผู้ชายวัยหนุ่มแน่นล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ป่า…ฉันเม้มริมฝีปากล่างที่เจ็บนิดๆ สัตว์ป่าตัวนั้นยังกัดฉันทีหนึ่งด้วย

“อ๊ะ ลุงเต๋อเริ่มบ่นพึมพำอีกแล้ว หนูจะวางสายแล้วนะ”

[เดี๋ยวก่อนครับ คุณหนู…] ชายชราเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขากำชับอย่างไม่วางใจ [ต้องทานอาหารร้อนๆ นะครับ อย่าดื่มแต่กาแฟเย็นแล้วนับว่าเป็นมื้อเย็นล่ะ]

ฉันมองดูเครื่องดื่มในมือที่ละลายกลายเป็นช็อกโกแลตมิ้ลค์เชกไปเรียบร้อยแล้ว อดยิ้มไม่ได้ “โอเคค่ะ หนูจะเป็นเด็กดีทานข้าวค่ะ”

ฉันบอกลุงเต๋อว่าคืนนี้จะไปนอนค้างที่บ้านคุณนายจูเลีย โดยมี ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ของฉันขับรถไปส่งอย่างปลอดภัย ลุงเต๋อไม่ต้องรอฉันกลับบ้าน จากนั้นฉันถึงค่อยวางสาย

ความสามารถในการโกหกของฉันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ควรพิจารณาที่จะไปเป็นนักแสดงได้แล้วล่ะ

ฉันโบกเรียกแท็กซี่ คนขับรถถามฉันว่าต้องการไปที่ไหน นานๆ ทีฉันจะตอบอย่างสุภาพ “ไปที่ที่หาอะไรกินได้และสะอาดก็พอค่ะ” แล้วฉันก็มาครุ่นคิด ดูเหมือนว่าจะบอกสะเปะสะปะเกินไปไม่ได้ จึงพูดเสริมว่า “วัตถุดิบต้องดีมีคุณภาพ สภาพแวดล้อมต้องดีเลิศ ที่สำคัญคือห้ามเสียงดังหนวกหูเกินไป”

ลุงคนขับรถเหลือบมองฉันทางกระจกมองหลัง เขามองฉันด้วยสายตา ‘คุณพระช่วย ฉันได้เจอนางฟ้า…จอมเพี้ยน’

เขาขับรถพาฉันไปส่งที่ร้านหม้อไฟร้านหนึ่งที่ตกแต่งสวยงามมีรสนิยมซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับห้างสรรพสินค้า

“ไม่ต้องทอนนะ” ฉันโยนเงินให้ แล้วหิ้วของพะรุงพะรังลงจากรถ

ฉันยืนอยู่หน้าร้านหม้อไฟ แล้วพนักงานต้อนรับสาวคนหนึ่งก็เข้ามาทันที “ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่ากี่ท่านคะ”

ฉันถลึงตาใส่เธอ แววตาดูน่ากลัวมาก พนักงานต้อนรับสาวลูบจมูกแล้วถามใหม่ “ไม่ทราบว่าสองท่านหรือเปล่าคะ”

ฉันหันไปมองข้างหลัง ลมหนาวพัดมาเป็นระยะ ช่างเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างเสียเหลือเกิน…

ฉันไม่สนใจเธอ แล้วมองหาที่นั่งริมหน้าต่างด้วยตัวเอง ฉันเปิดเมนูอาหารและเริ่มอ่าน แต่ว่ายิ่งดูเมนูสีหน้าก็ยิ่งหม่นหมองขึ้นเรื่อยๆ

ฉันกวาดตาดูทั้งเมนูก็มีแต่หม้อไฟยวนยาง จะรังแกคนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างฉันเหรอไง

“คุณผู้หญิงคะ ไม่ทราบว่ามาสองท่านหรือเปล่าคะ”

“คุณก็ดูสิว่าตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวหรือว่าสองคน”

พวกไม่กลัวตายอีกคนแล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นด้วยความหงุดหงิด บริกรหญิงที่รวบผมหางม้ายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่สะสวยดูคุ้นตาเล็กน้อย คนนี้คือ…

“อ๊ะ?” เธอเบิกตาโตแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดูเหมือนว่าจะยังหวาดผวาฉันอยู่

“เรารู้จักกันเหรอ” ฉันเลิกคิ้ว

“เปล่า เปล่าค่ะ ไม่รู้จักกันค่ะ แค่รู้สึกว่าคุณดูคุ้นตานิดหน่อย” เธอก้มหน้าก้มตา สายตาดูหลุกหลิก แอบมองพิจารณาฉันผ่านผมหน้าม้า

แค่คุ้นตานิดหน่อยงั้นเหรอ

ฉันร้องฮัมในลำคอ ไม่ได้พูดอะไร เปิดเมนูไปเรื่อยเปื่อยพลางถามว่า “มีอาหารแนะนำบ้างมั้ย”

“เมนูเด็ดของร้านเราคือหม้อไฟยวนยางสำหรับบำรุงร่างกายสไตล์มองโกเลีย จะได้ลิ้มลองน้ำซุปสองแบบที่เคี่ยวด้วยพริกหม่าล่ากับยาจีนพร้อมกันในคราวเดียว แล้วก็ยังมีหม้อไฟยวนยางแผ่นดินและผืนน้ำ น้ำซุปทำจากผักดอง เนื้อหมู และสาหร่ายคอมบุ…” เธอพูดน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังอ่านตำราเรียน

“ทำไมมีแต่หม้อไฟยวนยางล่ะ” พอถูกฉันดุ มือของอวี๋หยางหย่างที่ถือเมนูก็สั่นเทาเล็กน้อย

“ต้องขออภัยด้วยค่ะ ร้านเราขายแต่หม้อไฟยวนยางค่ะ”

สาบานได้ว่าฉันไม่ได้มีเจตนาจะก่อกวน แต่เนื่องจากอีกฝ่ายคือผู้หญิงมารยาสาไถยแสนบอบบางที่เจิ้งฉู่เย่าปกป้องเสียเหลือเกิน ถ้าไม่แผลงฤทธิ์สักหน่อยก็เสียชื่อคู่หมั้นจอมร้ายกาจอย่างฉันแย่เลย

“ฉันอยากทานแค่น้ำซุปเดียวไม่ได้เหรอ”

“ต้องขออภัยด้วยค่ะ” เสียงของเธอฟังดูไม่จริงใจเอาเสียเลย

“เห็นๆ อยู่ว่าฉันมาคนเดียว แล้วจะให้ฉันสั่งหม้อไฟยวนยางทำไมกัน ค่าอาหารอีกครึ่งหนึ่งเธอจะช่วยฉันจ่ายเหรอ”

“ขออภัยค่ะ คุณต้องจ่ายค่าหม้อไฟยวนยางทั้งหมด…”

“ไหนว่ามาซิ ทำไมฉันคนเดียวต้องจ่ายค่าอาหารสำหรับสองคนด้วย” ฉันพูดข่ม

“ขออภัยจริงๆ ค่ะ…” ขณะที่กล่าวขอโทษ ดวงตากลมโตไร้เดียงสาของอวี๋หยางหย่างก็สอดส่ายไปทั่ว ดูเหมือนว่ากำลังมองหาใครบางคน

ตรงมุมด้านในร้าน นักเรียนพาร์ตไทม์กลุ่มหนึ่งวุ่นอยู่กับการทายนิ้ว เป่ายิงฉุบกันอยู่สามสี่รอบ จนในที่สุดก็มีคนหนึ่งถูกผลักออกมาเป็นอัศวินดำ

อัศวินดำของซินเดอเรลล่า…เชอะ ผู้ชายตัวอ้วนเตี้ยที่ไว้ผมทรงกะลาครอบคนนี้รูปร่างหน้าตาอย่างกับซุยกะทาโร่* ดูท่าคงจะเป็นได้แค่สัตว์วิเศษข้างกายอัศวินเท่านั้นแหละ

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

Continue Reading

More in Jamsai

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com