Jamsai
ทดลองอ่าน เกมล่าเดิมพันรัก บทที่ 4
‘เลเวลหนึ่ง เขตเจ็ด ซีกโลกใต้’
‘นักล่าหมายเลขห้า ไม่มีการเต้นของหัวใจและลมหายใจ โปรดหยุดการลงเงินเดิมพัน’
เสียงที่ดังขึ้นในครั้งแรกไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้เล่นทั้งหลาย นี่เป็นเพียงเกมในเลเวลที่หนึ่ง เลเวลต่ำสุด เครื่องมืออุปกรณ์ของนักล่าและเหยื่อมีไม่มาก แม้ว่ากล้องวงจรปิดกับเครื่องดักฟังจะมีภาพและเสียงที่ชัดเจน แต่ไม่ได้ติดตามตัว มีเพียงผู้เล่นระดับต้นที่ให้ความสนใจเกมเลเวลต่ำๆ แบบนี้
ต่อให้คนที่ตายจะเป็นนักล่าก็ตาม
เมื่อถึงที่สุดแล้วแม้แต่กระต่ายน้อยก็ยังหันกลับมาสู้กับสิงโต เหยื่อที่อ่อนแอจะฆ่านักล่าตาย แม้ไม่น่าเป็นไปได้แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น
ดังนั้นเมื่อนักล่าหมายเลขห้าถูกกำจัดไปจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้เล่นเท่าไหร่นัก แต่อีกห้านาทีถัดมามีข้อความขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ผู้เล่นที่วางเงินเดิมพันในเขตเจ็ดงุนงงไปตามๆ กัน รีบเข้าไปในระบบเพื่อดูสถานการณ์
‘นักล่าหมายเลขหกสิบสาม ไม่มีการเต้นของหัวใจและลมหายใจ โปรดหยุดการลงเงินเดิมพัน’
‘นักล่าหมายเลขสิบเจ็ด ไม่มีการเต้นของหัวใจและลมหายใจ โปรดหยุดการลงเงินเดิมพัน’
‘นักล่าหมายเลขเก้าสิบแปด ไม่มีการเต้นของหัวใจและลมหายใจ โปรดหยุดการลงเงินเดิมพัน’
บนหน้าจอแสดงใบหน้าของนักล่าพร้อมมีเส้นสีแดงขีดฆ่าหมายถึงเสียชีวิตแล้วขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วจนน่าตกใจ
เมื่อยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนหน้าในเขตเจ็ดยังมีนักล่าถึงสิบสามคน โดยมีเหยื่อเหลือเพียงหกคนเท่านั้น ระยะเวลาสั้นๆ เพียงแปดชั่วโมง เหยื่อหกคนรอดชีวิตเพียงหนึ่งคน นักล่าสิบสามคนเหลือรอดแปดคน และระยะเวลาเพียงสิบนาที เหยื่อที่มีชีวิตรอดเพียงคนเดียวสามารถจัดการนักล่าไปได้อีกสี่คน เพียงแค่ชั่วพริบตาต่อมาก็จัดการไปได้อีกสองคน
ในขณะที่ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น นักล่าบนกระดานถูกยกเลิกทั้งหมด บนหน้าจอมีอักษรตัวใหญ่ขึ้นมาเป็นคำว่า
‘เกมโอเวอร์’
ต่อจากนั้นก็มีตัวหนังสือวิ่งตามมาว่า
‘เลเวลหนึ่ง เขตเจ็ด ซีกโลกใต้ เกมได้จบลงแล้ว’
‘ผู้ชนะคือเหยื่อหมายเลขสิบสอง พี.เอช.’
ผู้เล่นจากทั่วโลกต่างพากันดึงภาพขึ้นมาดู กล้องจับภาพส่วนใหญ่ใช้การไม่ได้ แต่ยังพอจะหลงเหลืออยู่บ้าง หมู่บ้านในเหมืองถ่านหินกำลังถูกเผา มีเปลวเพลิงเต็มไปหมดทุกที่ แต่ท่ามกลางเพลิงที่กำลังลุกไหม้มีภาพของคนคนหนึ่งอยู่
เจ้าหน้าที่ควบคุมกล้องวงจรปิดบังคับกล้อง ดึงภาพให้เข้ามาใกล้ เห็นภาพของผู้หญิงที่มีเส้นผมและดวงตาสีดำยืนอยู่บนถนน ภาพตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้น ดึงภาพใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้กว่าเดิม เป็นภาพขนาดใหญ่ของผู้หญิงที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด
ราวกลับรู้สึกได้ถึงกล้องจับภาพ ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าจ้องมองอย่างไร้ความรู้สึก ยกปืนในมือระเบิดกล้องวงจรปิดซึ่งห่างออกไปไกลมาก
กระสุนนัดนั้นทำให้เกิดเสียงร้องตกใจของใครหลายคน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่หัวเราะออกมา นั่นก็แสดงว่า ‘เธอ’ รู้สึกถึงกล้องที่ซ่อนอยู่
เกิดความปั่นป่วนกับผู้เล่นจากทั่วโลก ต่างพากันดึงภาพจากเลเวลหนึ่งในเขตเจ็ดขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และมีทิ้งข้อความเพื่อขอเข้าเดิมพันในเลเวลสองของเขตเจ็ดอย่างต่อเนื่อง
ผู้หญิงคนนี้สามารถปลิดชีพนักล่าเขตเจ็ดทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว เป็นม้ามืดที่หาตัวจับยาก!
ดังนั้นผู้เล่นที่ออนไลน์อยู่ต่างอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร และเมื่อไหร่เกมเลเวลสองของเขตเจ็ดจะเริ่มขึ้น หน้าจอของเกมมีประกาศขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อยืนยันขั้นตอนการเล่นใหม่และเปิดกระดานเดิมพัน เลเวลสองของเขตเจ็ด
ข้อมูลในฐานะนักข่าวขุดคุ้ยคดีของเธอ รวมทั้งฝีมือที่เฉียบขาดในเลเวลหนึ่งของเขตเจ็ด ถูกตัดต่อเป็นโฆษณาที่น่าสนใจ พร้อมกับดนตรีเร้าใจ ฉายบนหน้าจออย่างต่อเนื่อง
การปรากฏตัวของเธอทำให้ผู้เล่นเกมนักล่าทั้งหลายครึกครื้นขึ้นมา
เงินเดิมพันเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามการประกาศสถานะของนักล่าและเหยื่อ
เมื่อยอดตัวเลขสูงทะลุห้าสิบล้านดอลลาร์ก็เป็นเวลาเดียวกันกับชายที่กำลังชื่นชมแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนในตึกระฟ้าทางซีกโลกเหนือได้รับข้อความ
เขาหันหลังเดินกลับมาที่โต๊ะ กดเบาๆ ไปบนภาพสวิตช์ที่ปรากฏขึ้นบนกระจกโต๊ะทำงาน
ต่อมาลำแสงสีต่างๆ ก็พุ่งออกมาจากโต๊ะไปที่ผนังสีดำ ทำให้เกิดภาพบนผนังอย่างชัดเจน เมื่อเขามองรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้น กระดานพนันก็ได้เริ่มขึ้น ยังมีตัวเลขเงินเดิมพันที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างบ้าคลั่ง และแน่นอนว่าเขาไม่มีทางพลาดโฆษณาชิ้นสำคัญนั่นด้วย
ผู้หญิงคนนั้นฝีมือดีมาก ดีจนเกินไปด้วยซ้ำ
เขาได้เห็นข้อมูลที่เกี่ยวกับเธออย่างละเอียด สถานที่เกิดของเธอ พ่อแม่เธอ โรงเรียนที่เธอเรียนมา งานที่เธอทำ ส่วนสูง น้ำหนัก สิ่งที่เธอชื่นชอบ ที่อยู่ของเธอในปัจจุบัน แม้กระทั่งภาษีที่เธอจ่ายอยู่ทุกปี ยังมีตัวเลขในบัญชีธนาคาร รวมถึงข้อมูลการใช้จ่ายเงินตั้งแต่เธอเกิดจนกระทั่งเธอกลายเป็น พี.เอช. ข้อมูลต่างๆ ที่เธอเปิดโปงทางอินเตอร์เน็ตก็ปรากฏขึ้นมาด้วย
ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมาก น่าสนใจมากจริงๆ
ขณะมองหญิงสาวที่เข้าไปในเหมืองถ่านหินร้างตามลำพัง ชายคนนั้นกดปุ่มแล้วออกคำสั่งเบาๆ ว่า
“ล้มเธอซะ”
หลังอากาศยานไร้คนขับรับคำสั่งก็ข้ามยอดเขาบินไปที่หมู่บ้านเล็กๆ นั่น เล็งปืนและยิงไปที่ผู้หญิงคนนั้น
หญิงสาวล้มลงกับพื้น
หลอดไฟตรงมุมบันไดติดๆ ดับๆ
หานอู่ฉีไม่ได้สนใจมอง เขาเดินตรงขึ้นไปบนชั้นห้า มือข้างหนึ่งบีบนวดต้นคอที่เมื่อยล้าพลางอ้าปากหาว เขาไม่ได้นอนหลับมานานกว่าสามสิบหกชั่วโมงแล้ว เขารู้ว่าถึงเวลาที่เขาควรจะนอนพักได้แล้ว
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง เขาเปิดประตูเข้าไป วางมือถือลงบนโต๊ะน้ำชาในความมืด เทน้ำใส่แก้ว แล้วก็แอบถอนหายใจเบาๆ
ในห้องนอนเงียบสงบ แสงจากนอกหน้าต่างเข้ามาเล็กน้อยทำให้เห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องรับแขกได้รางๆ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้หานอู่ฉีรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
เขารู้ดี ถ้าหมอนั่นไม่อยากให้เขารับรู้ เขาก็คงไม่อาจรับรู้การมีตัวตนของหมอนั่นได้
ในขณะที่ผลักประตูเข้ามา เขาก็พบ…หรือควรจะพูดว่ารู้สึก…ถึงสายตาคมกริบที่จ้องมองเขาราวกับมีมีดวางอยู่ต้นคอเขา
เขายังไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่คำเดียวก็มีคนก็มาหาถึงบ้านแล้ว เขาว่าเขาคงไม่ต้องคิดถึงสองชั่วโมงที่จะได้นอนแล้ว
หานอู่ฉีถือแก้วน้ำ หันตัวกลับมาอย่างช้าๆ มองเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวในเงามืด
ชายหนุ่มยังนั่งนิ่งราวกับรูปปั้น แต่กลับมีไอเย็นออกมาจนเขาขนลุก
“เธออยู่ที่ไหน”
“ใคร” หานอู่ฉีเลิกคิ้วแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ แต่รังสีอำมหิตกลับพลุ่งพล่าน
“เธออยู่ที่ไหน”
หานอู่ฉีถือแก้วน้ำแล้วนั่งพิงฉากที่กั้นบนโต๊ะ ยกแก้วขึ้นดื่มน้ำ แกล้งพูดว่า “พูดจริงๆ นะอาวั่น นายจะไม่พูดให้ชัดเจนหน่อยเหรอไง ฉันจะรู้ได้ยังไงว่านายตามหาใคร จะว่าไปนายเข้ามาได้ยังไงน่ะ ฉันคิดว่าอาเจิ้นจะยกระดับระบบรักษาความปลอดภัย…”
ยังไม่ทันที่หานอู่ฉีจะพูดจบ ชายคนนั้นก็พุ่งมาหาเขาอย่างกับวัวบ้า กระชากคอเสื้อเขาลากออกจากห้อง อัดเขากระแทกผนังทางเดินอย่างแรง
“นายรู้ว่าฉันพูดถึงใคร! เธออยู่ที่ไหน!”
หานอู่ฉีจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังโมโหจนแทบกระชากเสื้อเขาขาด เขาไม่ได้คิดจะต่อต้าน มองเห็นเข่อเฟยที่สวมชุดนอนวิ่งออกมาดู เขายกมุมปากขึ้นพร้อมพูดว่า “อ๋อ นายหมายถึงผู้ช่วยแสนเก่งกาจของนายใช่ไหม ผ่านมาตั้งนานแล้ว ฉันคิดว่านายไม่สนใจแล้วเสียอีก เสี่ยวเฝย ฮั่วเซียงจากอาวั่นมาหาพวกเรานานแค่ไหน สิบวัน ยี่สิบวัน หรือสามสิบวันแล้ว”
ถึงแม้จะอดแกล้งแซวไม่ได้ แต่เพื่อไม่ให้อาวั่นยิ่งคลั่งเข้าไปใหญ่ เขาจึงเอ่ยปากเตือนชายหนุ่มว่ายังมีคนอื่นอยู่ด้วย
ส่วนเสี่ยวเฝยหรือเข่อเฟยเมื่อเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอบแบบไม่คิดอะไร
“ฮั่วเซียงน่ะเหรอ สามสิบแปดวันแล้วล่ะ”
เมื่อพูดออกไปแล้วเธอถึงรู้สึกว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ค่อยปกตินัก เห็นอาวั่นถลึงตามองเธออย่างโกรธๆ กระชากเสื้อคลุมของหานอู่ฉีแล้วผลักเจ้าตัวไปกระแทกผนังอีกครั้ง ทำให้เธอคิดขึ้นได้ว่าหัวหน้าตัวแสบของตนทำเรื่องอะไรไว้ จึงรีบหัวเราะกลบเกลื่อน “เอ่อ…ฮะๆ…อาวั่น ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ดูเหมือนโทรศัพท์จะดัง ฉันไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ พวกคุณค่อยๆ คุยกันนะ”
เข่อเฟยหัวเราะพลางเดินออกไป เปิดประตูห้องตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วผลุบหายเข้าไป
หานอู่ฉีเห็นแบบนั้นก็แอบขำตัวเองอยู่ในใจ ควรจะรู้ดีว่าอย่าคาดหวังให้เสี่ยวเฝยอยู่ช่วยเขา
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเขาก็เลยคิดว่าต้องทำต่อไปให้สุด พูดต่อไปว่า
“จะว่าไปแล้วนายสนใจอะไร นี่มันสามสิบกว่าวันเข้าไปแล้ว นายเพิ่งคิดจะมาหาเธอตอนนี้ ไม่ช้าไปหน่อยเหรอ”
ทันทีที่ได้ยิน แววตาของอาวั่นก็เหมือนมีประกายไฟแวบขึ้นมา ปล่อยหมัดออกไปทีเดียวก็หยุดรอยยิ้มของไอ้สารเลวตรงหน้าได้
“เฮ้ย!” หานอู่ฉีไม่คิดว่าหมอนี่จะลงมือจริงๆ เขาเอามือกดห้ามเลือดที่จมูก สบถออกมา
อาวั่นกระชากเสื้อคลุมอีกฝ่าย จ้องมองอย่างโกรธแค้น “ที่ผ่านมาฉันคิดว่าต่อให้นายจะไม่ละอายใจหรือต่ำทรามแค่ไหนก็จะไม่ล้ำเส้น…”
“เธอยินดีมากับฉันเองนะ ฉันแค่ให้เธอช่วยงานบางอย่างที่เธอถนัด”
ประโยคนี้ไม่พูดก็แล้วไป พูดออกมาแล้วเหมือนยิ่งเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก
“งานถนัด? เธอถนัดงานอะไร”
อีกหมัดหนึ่งถูกเหวี่ยงออกมา โชคดีที่หานอู่ฉีรู้ตัวก่อนจึงยกมือขึ้นรับได้ทัน สะบัดตัวให้หลุดจากอาวั่นได้ แต่ชายหนุ่มเพิ่มความเร็วในการต่อสู้ เขาจึงต้องรับทั้งซ้ายและขวา แอบร้องด้วยความเจ็บปวด
บ้าเอ๊ย! นี่ไม่ใช่วัวกระทิงของเรดอาย แต่เป็นหัวรถจักรที่บ้าคลั่งต่างหาก!
ทันทีที่ความคิดนี้เพิ่งผ่านไป หานอู่ฉีก็โดนอีกหมัดชกเข้าที่หน้าอกขวาอย่างแรง แม้ว่าเขาจะใช้แขนไขว้กันและย่อเข่าเพื่อรับแรงไว้ได้ทัน แต่หมัดนั้นยังทำให้สองเท้าเขาไม่ติดพื้น ตัวลอยกระแทกกับผนังปูนข้างบันได ร่วงตกลงมาอย่างแรง
“ไอ้เวรเอ๊ย! นี่เอาจริงใช่ไหม!”
แม้ว่าหัวเขาจะแข็ง แต่ต้องกระแทกเข้ากับผนังปูนก็ยังรู้สึกมึงงงไปชั่วขณะ หน้าอกด้านขวาก็ยังเจ็บแปลบ ยังไม่ทันตั้งสติได้ก็ได้ยินเสียงเจ้าบ้านั่นตะคอกถามขึ้น
“นายคิดว่าเธออยากทำงานถนัดแบบนั้นเหรอ! นายรู้ไหมว่าเธอต้องพยายามแค่ไหนถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ นายก็รู้เธอต้องทุกข์ทรมานเพราะเรื่องนี้มากขนาดไหน เธอไม่แสดงออกไม่ได้แปลว่าเธอเลือดเย็นไร้ความรู้สึก! หลายปีนี้เธอไม่อาจจะนอนหลับได้สนิท ต้องตกใจตื่นเพราะฝันร้าย มันเหมือนเป็นวิญญาณที่เกาะติดเธอไม่ยอมปล่อย เธอก้าวออกมาด้วยความยากลำบาก แต่นายก็มาลากเธอกลับเข้าไปอีก!”
ทุกประโยคของคำพูดยืดยาวนี้จะตามด้วยหนึ่งหมัด รวดเร็วจนหานอู่ฉีไม่มีโอกาสจะแก้ต่าง ทำได้แค่พยายามตั้งรับ พยายามหลบหลีก แต่ใครจะไปคิดว่าอาวั่นจะยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
เห็นเขาพุ่งเข้ามาอีกด้วยดวงตาแดงก่ำ หานอู่ฉีกัดฟันทนต่อความเจ็บปวด รับหมัดขวาเสยอีกที แล้วเอียงตัวอย่างรวดเร็วพร้อมรับหมัดซ้ายที่หมอนั่นเหวี่ยงมาไว้ได้ ย่อตัวให้ต่ำลง ใช้ไหล่กระแทกให้เขาผละออกไป แต่โชคไม่ดี มือเท้าของอาวั่นยาวมาก ตอนที่เขาถูกกระแทกออกนั้นขาของเขากระแทกโดนกระจกห้องเข่อเฟยกับถูเจิ้นจนแตกเสียงดังลั่น แม้กระทั่งผนังห้องก็พังลงมาด้วย
เข่อเฟยที่แอบอยู่ในห้องร้องขึ้นด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดจะออกมาช่วยแม้แต่นิดเดียว กลับกอดโทรศัพท์หลบมุมอยู่ แล้วรายงานสถานการณ์ให้กับคนในสายฟังต่อ
ความเสียหายตรงหน้าทำให้หานอู่ฉีถึงกลับโกรธจนหน้าเขียว แต่ก็ไม่ลืมข้อกล่าวหาที่ร้ายกาจนั่น
หานอู่ฉีมองชายหนุ่มที่ลุกขึ้นมาจากกองเศษกระจกที่แตกอยู่บนพื้น เขารีบถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว ออกมาอยู่ในระยะที่ปลอดภัย แล้วรีบยกมือขึ้นร้องเสียงดัง
“เดี๋ยวนะ นี่นายคิดว่าฉันให้เธอช่วยทำอะไรฮะ”
อาวั่นจ้องมองเขาอย่างโมโห สองมือกำหมัดแน่น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เธอออกมาจากองค์กรนักฆ่านั่นก็เพราะไม่ต้องการทำเรื่องพวกนั้น แต่เธอคิดว่าติดหนี้บุญคุณเรดอาย ติดหนี้บุญคุณนาย ถึงแม้เธอจะไม่อยากทำ เธอก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องของนายได้”
คำพูดนี้ทำให้หานอู่ฉีหมดอารมณ์ล้อเล่น
“นายคิดว่าฉันให้เธอช่วยทำอะไร ฆ่าคนรึไง ”
อาวั่นหรี่ตามอง ถามกลับด้วยอารมณ์เอาเรื่อง “นายกล้าพูดว่าไม่ใช่”
“ไม่ใช่”
หานอู่ฉีมีสีหน้านิ่ง หลังสบถด่าออกมาแล้วจึงเอ่ยไปว่า “ฉันไปหาเธอเพราะต้องการความช่วยเหลือ ฉันต้องการคนแฝงตัวเข้าไปในเกมนักล่าเวรนั่น”
ได้ยินเข้าอาวั่นก็นิ่งงัน “เกมนักล่าอะไร”
“เกมที่เอาคนจริงๆ ไปเป็นเหยื่อให้ล่าน่ะสิ”
คำพูดนี้หานอู่ฉีไม่ได้ตอบ อาวั่นหันขวับไปตามเสียง มองถูเจิ้นที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ชายหนุ่มผมทองนัยน์ตาฟ้ายังคงหล่อเหลาเหมือนเมื่อห้าปีก่อน แม้ว่าทางเดินจะเละเทะ ข้าวของแตกกระจัดกระจาย แต่เขายังคงสงบนิ่ง
“นายก็รู้ว่าอาเหล่ยมีพี่น้องฝาแฝดชื่ออากวง”
อาวั่นย่อมต้องรู้สิ เขากับมั่วเหล่ยทำงานด้วยกันมา รู้ว่าหมอนั่นมีพี่น้องฝาแฝดที่ตกทะเลหายสาบสูญไป
ถูเจิ้นมองดูเขาแล้วพูดว่า “อากวงก็อยู่ในเกมนั่นด้วย”
เมื่อเห็นถูเจิ้นปรากฏตัวขึ้น เข่อเฟยจึงยื่นหน้าออกมา รีบเดินอ้อมพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว มายืนอยู่ข้างถูเจิ้นพร้อมกับพูดเสริมต่อว่า “จริงๆ นะ ฮั่วเซียงรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วก็รับปากจะช่วยพวกเรา”
อาวั่นขมวดคิ้ว เห็นเพียงหนุ่มผมทองหล่อเหลามองหน้าเขา ถูเจิ้นไม่พูดอะไรเยิ่นเย้อ บอกคำตอบที่ทำให้เขาต้องดั้นด้นมาถึงที่นี่
“เธออยู่ที่ออสเตรเลีย”
ต่อมาถูเจิ้นก็พยักเพยิดไปทางบันได พูดสั้นกระชับว่า “ถ้านายอยากรู้รายละเอียด ลงไปข้างล่าง ฉันจะอธิบายให้ฟัง”