Jamsai
ทดลองอ่าน เกมล่าเดิมพันรัก บทที่ 4
เกมวิปริตเวรตะไลนั่น!
ถูเจิ้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขารับรู้อย่างง่ายและกระชับ
เกมนั่นก็เป็นอย่างที่พวกเขาพูด คือเอาคนธรรมดาไปเป็นเหยื่อ เอาฆาตกรต่อเนื่องจากทั่วโลกไปเป็นนักล่า นี่คืออาชญากรข้ามชาติ แต่เพราะเจ้ามือกับผู้เล่นล้วนเป็นคนที่มีทั้งอำนาจและอิทธิพลจึงสามารถกลบเกลื่อนหลักฐานได้ ถึงตอนนี้จึงไม่มีข้อมูลเล็ดลอดออกมา
เหล่าคนที่หายสาบสูญไปมีหลายคนที่ไม่ได้หายสาบสูญจริงๆ แต่ถูกลักพาตัวไป
ตอนที่มั่วกวงหายสาบสูญไปนั้น ทุกคนพากันคิดว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงเข้าไปอยู่ในเกมนี้ได้ แต่ภาพถ่ายตรงหน้าที่พวกเขาหามาได้ในฝรั่งเศสพิสูจน์ว่าก่อนหน้านี้มั่วกวงอยู่ในเกมจริงๆ ถึงแม้จะไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ แต่เรื่องจริงก็คือเกมนักล่ายังคงมีอยู่
“ก่อนหน้านี้เราหาคนที่รอดชีวิตหนีออกมาคนหนึ่ง เธอช่วยพวกเราค้นหาสนามล่าบางแห่งเจอ ผู้เล่นกับสนามล่ากระจายตัวอยู่ทั่วโลก เราจับผู้เล่นได้คนหนึ่งและทำลายสนามล่าไปหลายแห่ง แต่เพราะเหตุนี้ฝ่ายนั้นจึงรู้ว่ามีเรดอายอยู่ ฝ่ายนั้นส่งนักล่าออกมาก่อกวนพวกเรา แต่ก็โดนพวกเราจับตัวไว้ แม้ว่าพวกมันจะรู้ข้อมูลไม่มากนัก แต่ก็ทำให้พวกเรารู้ว่าจะเข้าไปในเกมนี้ได้อย่างไร”
ถูเจิ้นอธิบายไปพร้อมกับที่อาวั่นเปิดอ่านข้อมูลในแฟ้ม
“องค์กรนี้มีขนาดใหญ่มาก เกรงว่าคนที่สร้างเกมนี้ขึ้นมาไม่ได้หวังเงินเพียงอย่างเดียว พวกมันเคยลักพาตัวนักวิทยาศาสตร์ไปหลายคน นายยังจำเกาอี้ได้ไหม นักวิทยาศาสตร์ที่ปรึกษาของเราที่อาศัยอยู่บนเขา”
อาวั่นรู้จักเกาอี้ หมอนั่นนิสัยดื้อรั้นจัดการยาก ตอนที่เขายังทำงานกับเรดอายนั้นเคยไปส่งของให้เกาอี้หลายครั้ง เขารู้ดีว่าทำไมเกาอี้ถึงอาศัยอยู่บนเขาเพียงลำพัง เป็นเพราะตอนวัยรุ่นหมอนั่นเคยโดน…
อาวั่นอึ้งไป เงยหน้าขึ้นอย่านึกไม่ถึง
“เขาเคยเป็นเหยื่อรึ”
“ถูกต้อง” หานอู่ฉีเดินเข้ามาพูดต่อว่า “เขาเคยเป็นเหยื่อ เป็นเพราะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรงจึงทำให้เขาสูญเสียความทรงจำช่วงนั้นไป ไม่นานมานี้พวกเราถึงได้รู้ว่าเขาเป็นหนึ่งให้ผู้เสียหายช่วงแรกของเกมนี้ นั่นก็แปลว่าคนที่สร้างเกมนี้ขึ้นมาไม่ได้ทำแค่เพื่อความสนุก สะใจ หรือแค่หาเงินได้เท่านั้น”
ได้ยินเสียงหานอู่ฉีที่เขาเกลียดขี้หน้า แต่ก็ยังยอมหันหน้ากลับไปมอง
หานอู่ฉีฉลาดพอที่จะหยุดอยู่ในระยะที่ปลอดภัย มองมาที่อาวั่นแล้วเอ่ยขึ้น “พวกมันทำงานเป็นระบบ มีการวางแผน หน่วยงานใหญ่ ไม่สามารถตรวจสอบช่องทางการเงินได้ พวกเราติดตามพวกมันมาปีกว่าแล้ว แต่เบาะแสที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ ฉันต้องการเอาคนเข้าไปในเกมนี้ แต่ไม่อาจใช้คนของเรดอายได้ ดังนั้นฉันเลยไปหาฮั่วเซียง”
หานอู่ฉีดึงเก้าอี้ออกมานั่งพร้อมกับพูดต่อ
“ไม่ว่าอากวงจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่สมควรควรจะมีเกมนี้ต่อไป คนที่หายตัวไปนั้น คนที่กลายเป็นเหยื่อ ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ในความหวาดกลัว ถูกไล่ล่า ถูกตามฆ่า”
“ต้องยุติเกมนรกนั่น” หานอู่ฉีมองชายหนุ่มที่ทำสีหน้าเย็นชาพร้อมพูดว่า “ถูกต้อง ฉันยอมรับที่ฉันไปหาฮั่วเซียงเพราะเธอได้รับการฝึกพิเศษมา มีเพียงฮั่วเซียงเท่านั้นถึงสามารถมีชีวิตในสภาพแวดล้อมแบบนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมแบบไหนเธอก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร รู้ว่าจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร”
ถึงแม้อาวั่นไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ก็อดโมโหไม่ได้เช่นกัน เขาโยนแฟ้มคดีไปตรงหน้าหานอู่ฉี
“ดังนั้นนายเลยสร้างตัวตนของ พี.เอช. ขึ้นมา โยนฮั่วเซียงเข้าไปในเกมนั่น ให้กลายเป็นเหยื่อ”
“พวกเราหาไอ้พวกวิปริตนั่นไม่เจอ จึงทำได้แต่เพียงให้พวกมันเดินมาหาเราเอง ตัวตนของ พี.เอช. ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีก่อน ตอนที่พวกเรารู้ว่ามีเกมนี้อยู่ อาเจิ้นก็เริ่มสร้างตัวตนนี้ขึ้นมา ผู้เล่นที่ร่วมเล่นเกมนี้เป็นพวกวิปริตทั้งนั้น วิธีที่พวกมันเลือกเหยื่อดูเผินๆ เป็นการสุ่ม แต่จริงๆ แล้วพวกมันใช้เกมนี้จัดการเสี้ยนหนาม เอาศัตรูหรือคนที่ขวางหูขวางตา ลักพาตัวแล้วมาโยนเข้าไปในเกม ดังนั้นอาเจิ้นจึงสร้าง พี.เอช. นักข่าวสืบสวนสอบสวนที่สอดมือเข้าไปเปิดโปงเรื่องทั้งทางการเมืองและธุรกิจ”
หานอู่ฉีพูดๆ ไปก็ถอนหายใจอีก แสดงท่าทีเหมือนโดนกล่าวหา “ตอนแรกฉันไม่ได้คิดจะให้ฮั่วเซียงมาเป็น พี.เอช. เดิมฉันจะไปหานาย แต่ตอนที่ไปถึงลอนดอน นายไม่อยู่ แล้วพอฮั่วเซียงรู้ว่าฉันจะมาหานาย เธอเลยโน้มน้าวว่าเธอเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า”
คำพูดนี้ทำเอาอาวั่นนิ่งงัน
“เธอโน้มน้าวนาย?”
“ผู้หญิงดูคุกคามและน่ากลัวน้อยกว่าผู้ชาย ทำให้คนไม่ค่อยระวังตัว เทียบกับนายที่ทำงานกับเรดอายมาหลายปีแล้วยังเปิดสำนักงานนักสืบเอกชนในลอนดอนอีก เธอเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ไม่มีใครรู้จักเธอ” หานอู่ฉียกมือทั้งสองแบออกแบบไม่มีทางเลือก พูดต่อว่า “แล้วฉันก็พบว่าเธอพูดถูก เธอได้รับการฝึก เธอรู้ว่าว่าจะดูแลตัวเองอย่างไร เธอรู้ว่าจะเอาชีวิตรอดในป่าได้ยังไง เธอไม่เคยถูกเปิดเผยตัว เธอรู้ว่าเธอจะรับมือฆาตกรพวกนั้นยังไง”
เขาถลึงตามองหานอู่ฉีอย่างไม่เชื่อสายตา “นายจะบอกฉันว่าฮั่วเซียงว่างมากไม่มีอะไรจะทำ ก็เลยโดดลงหาเรื่องใส่ตัวเองงั้นรึ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” หานอู่ฉีวางมือประสานกันไว้ด้านหน้า มองชายหนุ่มที่เปิดเผยความรู้สึกแท้จริงออกมา “ถ้าเลือกได้แล้วล่ะก็ ฉันไม่อยากให้เธอมายุ่งเรื่องนี้ แต่หากจะยุติเกมวิปริตนั่น เราต้องรู้ให้ได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเกมนี้ต้องการอะไรกันแน่ ฉันต้องการคนที่มีความสามารถ นายจะโทษฉันที่ลากเธอเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ก็ได้ แต่ถ้าเธอไม่ยินยอม ฉันก็ไม่ได้บังคับ เธอมีปัญหาของตัวเองที่จะต้องเผชิญหน้า ฉันว่านายก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้ พวกเรารู้ว่าเธออยู่ในเรือนั่น ทำงานต่างๆ แทนนาย จัดการบัญชี…เรื่องพวกนี้มันไม่พอหรอก สำหรับเธอแล้วมันไม่พอ”
ประโยคนี้ทำให้อาวั่นขบกรามแน่น
บ้าเอ๊ย! เขารู้ว่าสิ่งที่ชายคนนี้พูดไม่ผิด แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี
หลังพยายามระงับอารมณ์โกรธอาวั่นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายพูดว่านายไม่ได้ให้ฮั่วเซียงเป็นนักฆ่า แต่อยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นยังไงเธอก็ต้องลงมือเพื่อรักษาตัวให้รอด”
“ฉันรู้” หานอู่ฉีสูดลมหายใจลึก “มีแต่เธอเท่านั้น ในสถานการณ์แบบนั้นมีแต่ฮั่วเซียงถึงสามารถช่วยคนที่ถูกลักพาตัวไปได้ แล้วเธอก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอทำได้ดีมาก”
อาวั่นนิ่งไป หานอู่ฉีหันไปทางหน้าจอแล้วพยักหน้า เขาหันมองตาม เห็นถูเจิ้นดึงภาพอีกภาพขึ้นมา
เป็นภาพเวลาจริง เขาเห็นถูฉินกับเฟิงชิงหลานซึ่งเป็นคนของเรดอายอยู่ที่ด้านหนึ่งของเหมืองร้าง กำลังช่วยชายหญิงสี่คนที่มีสภาพสะบักสะบอม ชายสองคน หญิงสองคน มองเพียงแวบเดียวก็เห็นว่าในนั้นไม่มีเธออยู่ด้วย
“ฮั่วเซียงล่ะ”
“เธอยังอยู่ในเกม” ถูเจิ้นตอบ “นี่เป็นเพียงเลเวลแรกของเขตเขตหนึ่ง ภารกิจของเธอคือเข้าร่วมเกม แยกนักล่าและเหยื่อออกจากกัน ทำให้เหมือนกับเหยื่อเสียชีวิตแล้วซ่อนพวกเขาไว้ จากนั้นถูฉินจะรับผิดชอบช่วยพวกเขาออกมาตอนที่เกมยุติลง”
“เธอไม่อาจออกมาพร้อมกับเหยื่อได้ เธอยังคงต้องอยู่ต่อไป เลื่อนเลเวลขึ้นไป” หานอู่ฉีพูดต่อพร้อมกับหยิบแก้วน้ำที่มีน้ำแข็งอยู่ขึ้นมาดื่ม แล้วล้วงเอาน้ำแข็งขึ้นมาประคบไปที่ดวงตาบวมของตน พูดเสริมต่อไปว่า “มีเพียงแค่เล่นเกมต่อไป พวกเราถึงจะได้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น”
นั่นก็แปลว่าจะมีการฆ่ากันมากขึ้นและสถานการณ์ก็อันตรายมากขึ้นด้วย
แฟ้มคดีที่ถูเจิ้นเพิ่งให้เขามานั้นแสดงข้อมูลที่เรดอายรู้เกี่ยวกับระดับชั้นของเกม
ถึงแม้จะผ่านตาอย่างรวดเร็ว เขาก็ยังจับประเด็นสำคัญได้อย่างว่องไว
เลเวลยิ่งสูง เกมก็ยิ่งอันตราย นักล่าก็จะมีฝีมือที่ดีขึ้นด้วย โหดร้ายมากขึ้น วิปริตมากขึ้น ดวงตาของนักล่าในชั้นสูงๆ ข้างหนึ่งจะมีกลไกพิเศษ สามารถส่งภาพเหตุการณ์ในขณะนั้นไปยังผู้เล่นได้ ผู้เล่นสามารถควบคุมนักล่าได้มากขึ้น เพราะพวกเขาสามารถระเบิดดวงตาข้างนั้นได้
หานอู่ฉียืนขึ้น “ยังมีอีกเรื่องที่นายควรจะรู้ไว้ ฉันไม่ได้สั่งให้เธอฆ่าคน ฉันแค่ต้องการให้เธอใช้เทคนิคล้มคน อาหนานผสมยาชาขึ้นมาชนิดหนึ่ง ทำเป็นยาทาเล็บ ให้เธอทาไว้ที่เล็บ เจ้าสิ่งนั้นสามารถทำให้คนหมดสติไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีสภาพเหมือนกับคนตาย ซึ่งก็ต้องให้อีกฝ่ายมีแผลเล็กๆ น้อยๆ บางคนอาจจะมีผลข้างเคียงตามหลัง แต่ฉันเชื่อว่าคงไม่มีใครสงสารพวกฆาตกรฆ่าคนพรรค์นั้นหรอก”
อาวั่นอึ้งไปอีกครั้ง ไม่คิดว่าหานอู่ฉีจะใช้ไม้นี้
ท่าทางที่นิ่งงันของเขาทำให้หานอู่ฉีหัวเราะอย่างได้ใจ
“ก็อย่างที่พูดไปเมื่อกี้ เรื่องแบบนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่ทำได้ แล้วเธอก็ทำได้ดีซะด้วย”
พูดแล้วหานอู่ฉีก็วางน้ำแข็งในมือลง มองไปที่ชายหนุ่มที่ไม่สบอารมณ์ พูดต่อว่า “แม้ว่าต้องใช้เวลาถึงสามสิบแปดวันกว่านายจะมาตามหาเธอที่นี่ แต่ฉันเชื่อว่ายังไงซะนายก็ยังแคร์เธออยู่ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างนั้นฉันถึงบอกเรื่องนี้กับนาย ตอนนี้ปัญหาก็คือนายแคร์เธอแค่ไหน”
คำถามนี้ทำให้อาวั่นตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง เม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง
บ้าเอ๊ย เขารู้ว่าไอ้สารเลวนี่จะพูดอะไรต่อ หานอู่ฉีก็รู้ว่าเขารู้ แต่ก็ไม่ได้คิดห้ามปราม คนแซ่หานยิ้มเล็กๆ พูดต่ออย่างไร้สำนึก
“พวกเราไม่อาจฝังระบบติดตามตัวในร่างกายเธอ มีเพียงแค่คอนแท็กเลนส์ที่เกาอี้คิดค้นขึ้นเท่านั้น กับนาฬิกาข้อมือเข้าคู่กันที่อยู่กับเสี่ยวหลาน เพื่อป้องกันการถูกตรวจพบ เกาอี้จึงปรับคลื่นการส่งข้อมูลไปอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด สามารถส่งข้อมูลได้เป็นครั้งคราว สัญญาณแรงพอให้พวกเรารู้ว่าเธออยู่ตรงไหนเท่านั้น แต่ไม่มีภาพและเสียง”
อาวั่นได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปดูไม่ดี
หานอู่ฉียังคงพูดต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “ถึงแม้ว่าเราจะมีคนอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเหลือเธอ แต่คนของเรดอายก็ไม่อาจเข้าใกล้จนเกินไป ไม่อาจเปิดเผยใบหน้า ข้อมูลของพวกเราทุกคนอยู่ในมือของฝ่ายนั้นแล้ว ตามเบาะแสที่อาเจิ้นและเกาอี้มีอยู่ทำให้เราเชื่อว่าอีกฝ่ายครอบครองเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด นั่นก็คือเทคโนโลยีตรวจสอบใบหน้าซึ่งน่าจะเป็นโปรแกรมพื้นฐานที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกมัน ถ้ามีการตรวจพบคนของเรามันก็จะร้องเตือน พวกมันอาจจะตรวจสอบข้อมูลของเหยื่ออีกรอบ ซึ่งก็แปลว่าอาจจะทำให้เธอถูกเปิดเผยฐานะและตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายยิ่งขึ้น”
ชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันไหนที่เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นหุ่นเชิดให้กับเจ้าสารเลวนี่ได้เท่าครั้งนี้
แม้ว่าตาเขาจะลุกเป็นไฟ หานอู่ฉีก็ยังหัวเราะได้อย่างสบายใจและยื่นมือมาตบไหล่เขา
“ฉันต้องการคนเข้าไปช่วยเธอ ดังนั้นอาวั่นถ้านายยังแคร์เธออยู่ ฉันแน่ใจว่านายไม่ถือสาที่จะช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ใช่ไหม”
เขาถลึงตามองชายไร้ยางอายที่อยู่ตรงหน้า เส้นเลือดตรงขมับกระตุก เขารู้สึกถึงเลือดในกายที่กำลังพลุ่งพล่าน ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะบีบคอไอ้สารเลวนี่ให้ตาย ไอ้คนสารเลวและน่ารังเกียจ
ไอ้ลูกเต่า! มันซ้อนแผนเขา!
ตั้งแต่ทีแรก คนแซ่หานรู้ว่าเขาจะต้องมาตามหาฮั่วเซียง นี่ต่างหากที่เป็นหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมฮั่วเซียงถึงโน้มน้าวหมอนี่ได้
ก็เหมือนกับที่เจ้าตัวเคยพูดไว้ หมอนี่ต้องการคน คนที่ทำงานได้
ถ้ามีสองคนที่ใช้ได้ เรื่องอะไรจะใช้แค่คนเดียว
ไอ้คนไร้ยางอายนี่รู้ว่าเขาจะไม่ยอมให้ฮั่วเซียงยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ และรู้ว่าถ้าฮั่วเซียงรู้เรื่องแล้วจะทำอย่างไร ดังนั้นจึงถือโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่มาหาฮั่วเซียง
“แน่นอนว่าถ้านายไม่สนใจ นายรู้ว่าประตูอยู่ทางไหน แต่อย่าคิดนานนักนะ ฉันเกรงว่าพวกมันจะพาเธอไปที่อื่น…”
ไม่ต้องรอให้หานอู่ฉีพูดจบ เขาก็ออกหมัดอย่างดุดันอีกครั้ง
แม้จะเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว แต่หมัดนี้ก็ยังทำให้หานอู่ฉีเห็นดาว จมูกที่เดิมเลือดหยุดไหลแล้วก็ไหลออกมาอีก คำด่าหยาบคายหลุดออกมาจากปากไม่ได้ขาด
“เธออยู่ที่ไหน”
อีกครั้งหนึ่งอาวั่นถามเกี่ยวกับเธอด้วยน้ำเสียงเย็น
ครั้งนี้หานอู่ฉีไม่ได้โยกโย้ เขารู้ว่าคำถามนี้แปลว่าหมอนี่จะอยู่ช่วย ยอมยื่นมือเข้ามาเองเพราะฮั่วเซียง เขาเอามือเช็ดจมูก เงยหน้ามองอาวั่น ยกมุมปากขึ้นพูดว่า
“รัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย”