Jamsai
ทดลองอ่าน ล่ารักเกมอันตราย ตอนที่ 3
บทที่ 3
กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
ขณะที่เกิ่งเนี่ยนถังเข้าไปในหอสมุดรัฐสภาอเมริกันเขาไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกับหญิงร่างบางคนนั้น แต่พอเขาได้ยินเสียงใสเจื้อยแจ้วของเธอ เขาก็จำได้ในทันที
เว่ยเสี่ยวหม่าน
โลกนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เล็กก็ไม่เล็ก แต่เขาเดินทางไปไหนต่อไหนกลับได้เจอเธอโดยบังเอิญถึงสามครั้งภายในเวลาแปดเดือน? ไม่เรียกว่าฟ้าลิขิตแล้วจะเรียกว่าอะไร
เขาเลี้ยวเดินไปยังทิศทางนั้นผ่านชั้นหนังสือชั้นแล้วชั้นเล่าด้วยความสงสัยใคร่รู้
มีเสียงผู้ชายกับผู้หญิงกำลังสนทนากันด้วยเสียงอันเบา แต่ว่าหูของเขาดีมาก
“ไม่ได้ๆ…คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้…”
“ฉันจะทำแบบนี้ไม่ได้? ฉันจะทำแบบนี้ไม่ได้! นี่ พ่อคนยโสโอหังอวดดี! ฟังฉันนะ นับแต่นี้เป็นต้นไปอย่ามายุ่งกับซายากะ คุณต้องลบคลิปที่แอบถ่ายทิ้งให้หมดแล้วคืนวิทยานิพนธ์กับชื่อให้เธอซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเปิดเผยเรื่องทุกอย่างให้คนเขารู้กันทั่ว”
“จะไม่มีใครเชื่อคุณ!”
“ก็แค่ปุ่มเดียวเอง ฉันแค่กดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ชื่อเสียงของคุณก็จะย่อยยับป่นปี้”
“แกกล้าหรอ! ฉันสาบานว่าแกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ!”
“จะลองดูก็ได้!”
ชักไม่เข้าท่าซะแล้ว
ไม่เคยมีใครเคยบอกเธอหรือไงว่าอย่าไปข่มขู่คนพาลสุ่มสี่สุ่มห้า
เขาเร่งฝีเท้าแล้วก็ได้ยินเสียงฝ่ายชายผรุสวาทหยาบคายออกมา
“แกจะทำแบบนี้ไม่ได้! หยุดเดี๋ยวนี้! ฉันบอกให้หยุดไง! นางผิวเหลืองแพศยา…!”
เธอกรีดร้องออกมา เขารวบตัวเธอไว้ได้ทันเวลาก่อนที่เธอจะหกล้มอีกครั้ง แล้วรุนเธอไปด้านหลัง ทำให้เธอหลบพ้นจากหนังสือหนาหนักในมือของชายสวมเสื้อกั๊กผ้าขนสัตว์ได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนจะคว้าข้อมือข้างขวาของเจ้างั่งนั่นและบิดจนหลุด
หนังสือหนาหนักร่วงลงบนพื้น ชายคนนั้นลงไปกองกับพื้นกุมข้อต่อที่หลุดและร้องเสียงโอดโอย เกิ่งเนี่ยนถังกระชากเนคไทหมอนั่นเข้ามาเพื่อหยุดเสียงร้องราวหมูถูกเชือดไว้
“ทางที่ดีคุณควรจะหุบปากซะ เพื่อความสงบของห้องสมุดและรักษาชื่อของคุณไว้ ตกลงไหม”
ชายคนนั้นทั้งกลัวทั้งเจ็บ ในตามีน้ำตาคลอเบ้า
“เข้าใจแล้วก็พยักหน้า” เกิ่งเนี่ยนถังยิ้มแล้วเอื้อมมือไปจับที่ข้อต่อของชายคนนั้น
ชายคนนั้นน้ำตานอง รีบพยักหน้าทั้งที่ยังส่งเสียงโอดโอย
“มองมาที่ผมนี่…ดีมาก ใช่ แบบนี้แหละ คุณจะได้รู้ว่าผมทำจริง” เกิ่งเนี่ยนถังพูดขณะที่ยังกุมข้อมือชายคนนั้น ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วกล่าวว่า “คุณคนนี้เพิ่งบอกให้คุณทำอะไรไป คุณก็รีบกลับไปทำซะ โอเคไหม”
ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ศาสตราจารย์ คุณเป็นศาสตราจารย์ใช่มั้ย เยี่ยม ดีใจจริงที่สายตาผมยังเฉียบแหลมอยู่ ศาสตราจารย์ที่รัก คุณจำได้มั้ย ในสมัยที่คุณยังเด็กจะมีเด็กเกเรที่ชอบรังแกเด็กสี่ตาขี้ขลาดอย่างคุณ ผมน่ะเป็นคนประเภทนั้นแหละ จริงๆ แล้วผมอาจเป็นเด็กเกเรที่คุณเกลียดและกลัวมากที่สุดที่เคยเจอด้วยซ้ำ”
เกิ่งเนี่ยนถังฉีกยิ้มมองชายที่พยายามรักษาภาพลักษณ์ตรงหน้า
“ผู้หญิงที่ทั้งน่ารักและยากจะตอแยด้วยด้านหลังผมท่านนี้เป็นเพื่อนของผมเอง คุณมาหาเรื่องเธอก็เท่ากับหาเรื่องผมด้วย แล้วถ้าเกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมาละก็ ผมจะมาเอาเรื่องกับคุณแน่นอน ซึ่งผมก็เกลียดที่จะต้องมานั่งสะสางเรื่องแบบนี้ ถึงตอนนั้นคุณจะไม่ได้เจ็บแค่มือแน่นอน เข้าใจหรือเปล่า”
ชายคนนั้นพยักหน้าอีกครั้งด้วยความหวาดผวา หน้าผากปรากฏเหงื่อเม็ดเป้ง
“เยี่ยม ดีใจที่เราตกลงกันได้” เกิ่งเนี่ยนถังลูบหัวไหล่ข้างที่ข้อต่อหลุดของชายคนนั้นอย่างอารมณ์ดี ช่วยอีกฝ่ายที่เจ็บจนเหงื่อแตกพลั่กให้ยืนขึ้นมา
“พูดตามตรง ผมรู้ว่าการเจตนาฆ่าที่ล้มเหลวเมื่อครู่นี้ของคุณเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ บางทีคำพูดของผู้หญิงก็อาจจะร้ายกาจไปบ้าง แต่เราก็ไม่ควรจะเอาทั้งชีวิตมาแลกกับเรื่องแบบนี้ ถูกไหม ลองคิดถึงเงินบำนาญกับชีวิตหลังเกษียณของคุณดูสิ แล้วลองคิดถึงชีวิตที่ต้องมาติดคุกในข้อหามีเจตนาฆ่าดู คงเลือกไม่ยากหรอกใช่หรือเปล่า”
ชายคนนั้นลนลานพยักหน้ารับ
“ผมอยากจะต่อกระดูกข้อมือที่หลุดให้คุณนะ แต่ผมกลัวว่าคุณจะลืมที่ตกลงกันไว้เร็วเกินไป ผมเชื่อว่าคุณรู้ว่าโรงพยาบาลอยู่ที่ไหน หรือคุณจะให้ผมช่วยค้นกูเกิลให้”
ชายคนนั้นส่ายศีรษะด้วยใบหน้าซีดเผือด
“แสดงว่าคุณรู้ว่าโรงพยาบาลอยู่ไหน งั้นก็รีบไปซะสิ”
ชายคนนั้นได้ยินแล้วก็กระวีกระวาดเช็ดน้ำตา กุมข้อมือตัวเองจากไปอย่างรีบร้อนโดยไม่กล้าแม้แต่จะปรายตามองเขา
รอจนฝ่ายตรงข้ามลับตาไป เกิ่งเนี่ยนถังก็หันมาหาหญิงสาวที่กำลังมองเขาปากอ้าตาค้าง
“ไฮ” เขาส่งยิ้มยิงฟันขาวให้เธอ “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
สองตาเธอเบิกกว้างมองเขาอย่างตกตะลึง
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
“มาห้องสมุดก็ต้องมาอ่านหนังสือสิ” เขาพูดอย่างขบขัน “นอกจากว่าคุณจะนัดใครมาคุยธุระกันที่นี่”
เธอกลอกตาไปมาด้วยท่าทีที่ยังตกใจไม่หาย
“พูดถึงหนังสือ” เขามองเธอ “บันทึกการเดินทางไปแอฟริกาของคุณยังอยู่ที่ผม”
เธอกลอกตาอีกรอบ มือที่สั่นน้อยๆ ใบหน้าที่ขาวซีด รีมฝีปากไร้สีเลือดและผมเผ้ายุ่งเหยิงเคลียสองข้างแก้มของเธอทำให้เธอยิ่งดูเหมือนกระต่ายน้อยที่ตื่นตกใจมากขึ้น
เห็นเธอยังคงเสียขวัญอยู่ เขาเลยเอ่ยถาม “คุณกินข้าวรึยัง”
“ยัง” เธอพึมพำ
“ดีเลย” เขาคว้ามือที่เย็นเฉียบของเธอ “ผมก็ยังไม่ได้กิน งั้นเราไปหาอะไรกินกัน”
“กินข้าวหรือคะ”
“ใช่ กินข้าว หรือไม่ก็หาอะไรอย่างช็อกโกแลตร้อนดื่มกัน”
เขาเห็นเธอหยุดไปชั่วครู่ แต่พอเขาจูงมือเธอเดินออกไปข้างนอกเธอก็ไม่ขัดขืน
น่าจะเป็นเพราะได้ยินคำว่าช็อกโกแลตร้อน
อืม! หนุ่มๆ ทั้งหลาย ช็อกโกแลตร้อนช่างเป็นมิตรที่ดีต่อท่านจริงๆ!