Jamsai
ทดลองอ่าน ล่ารักเกมอันตราย ตอนที่ 3
เดือนเมษายน อากาศอบอุ่นดอกไม้ผลิบาน
ดอกซากุระที่กรุงวอชิงตันบานสะพรั่งไม่แพ้ที่ญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย
พอเสี่ยวหม่านรู้ตัวอีกที เธอก็มาอยู่ที่ริมฝั่งไทดัลเบซินแถวเนชั่นแนลมอลล์ มือหนึ่งถือช็อกโกแลตร้อน มือหนึ่งถือฮอตดอกราดซอสเยิ้มๆ ท่ามกลางดอกซากุระที่กำลังเบ่งบาน
เห็นอาหารร้อนควันกรุ่นตรงหน้าแล้วเธอก็ลังเล เธอไม่ควรจะกินของร้อนขนาดนี้ แต่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เธอกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย อีกอย่างเธอเพิ่งเกือบถูกฆ่าด้วยหนังสือ…
ไม่กินตอนนี้แล้วจะกินอีกทีตอนไหน
เธอเลิกคิดแล้วอ้าปากกัดฮอตดอกที่กำลังร้อนสุดๆ เข้าไปเต็มปากเต็มคำอย่างไม่มีการเกรงใจอยู่ใต้ต้นซากุระที่ออกดอกสีชมพู
ฮอตดอกรสชาติทั้งเค็มทั้งเผ็ด เพิ่มแตงกวาดองและซอสมะเขือเทศยิ่งชวนให้น้ำลายสอ เธอกัดอีกคำแล้วก็อีกคำ
แม้ว่าจะย่างเข้าเดือนเมษายนแล้วและวันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อุณหภูมิในวอชิงตันกลับไม่สูงมาก เมื่อมีลมพัดมาก็ยังหนาวอยู่ แต่เธอก็นำเสื้อฟลีซสีขาวที่ใส่แล้วอุ่นมากมาด้วย
ช็อกโกแลตร้อนที่หวานจัดไม่เข้ากับฮอตดอกเลยสักนิด แต่เธอก็ไม่สนใจ เพราะเธอชอบช็อกโกแลต ยิ่งไม่สนเมื่อได้ดื่มช็อกโกแลตปลอบใจหลังจากที่เกือบจะถูกหนังสือฟาดตาย
ชายหนุ่มข้างเธอถกแขนเสื้อขึ้นมาถึงศอกและนั่งไขว่ห้าง กินฮอตดอกหมดภายในไม่กี่วินาทีต่อมาพร้อมกับดื่มโค้กแก้วใหญ่ มือข้างหนึ่งวางพาดอยู่บนพนักเก้าอี้สวนสาธารณะด้วยท่าทางสบายๆ
“ถามจริง ทำไมคุณถึงนัดคนมาคุยธุระกันในที่แบบนั้น”
“ถามจริง ทำไมคุณถึงมาที่หอสมุดรัฐสภา” เธอถามกลับโดยไม่ตอบคำ
“ผมไปหาหนังสือ” เขาไม่ว่าอะไรที่เธอถามขัด เพียงยิ้มแล้วตอบว่า “เจ้านายผมให้ผมมาหาข้อมูลจากหนังสือที่ยืมออกไปไม่ได้”
ข้อมูลเกี่ยวกับอะไร…
เธอหยุดคำถามไว้ที่ปลายลิ้นก่อนที่จะหลุดออกไป เธอไม่ได้อยากจะรู้จริงๆ หรอกว่าเขากำลังหาข้อมูลบ้าอะไรอยู่ พูดให้ถูกก็คือถึงเธอจะอยากรู้ แต่เธอเพิ่งรักษาชีวิตน้อยๆ นี้ไว้ได้ เธอจึงยังไม่อยากจะเอาไปเสี่ยงอีก
เธอยังจำได้ดีว่าปีที่แล้วเธอไปเจอกับหมอนี่ได้ยังไง
บ้าจริง ที่เธอถามเขาไปก็เพราะไม่อยากตอบคำถามเขาเท่านั้นเอง แต่เหมือนว่าเขาจะรู้ทัน
เธอกัดฮอตดอกแรงๆ อีกคำ ชายข้างๆ เธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เพียงแค่นั่งไขว่ห้างดูดโค้กแก้วใหญ่ของเขาด้วยหลอด
เธอยังคงเคี้ยวกลืนอาหารต่อไป ผ่านไปสักพักก็มองดูทัศนียภาพริมน้ำกับสถาปัตยกรรมรูปโดมที่ทำจากหินอ่อนสีขาวตรงหน้า
ต้นซากุระออกดอกสีชมพูที่อยู่รอบทะเลสาบบานสะพรั่งตลอดเส้นทาง
เมื่อมีลมโชยมา ดอกซากุระบางส่วนก็ร่วงโปรยตามแรงลม
ทัศนียภาพตรงหน้างดงามราวความฝัน
เธอกัดฮอตดอกอีกคำ ชายหนุ่มข้างเธอไม่ได้ถามอะไรต่อ ได้แต่นั่งดื่มโค้กไปเงียบๆ
เธอกินช้าๆ พอกินฮอตดอกถึงคำสุดท้ายก็ละเลียดช็อกโกแลตควันกรุ่นต่อ
เมื่อลมโชยมาอีกครั้ง เธอก็ได้ยินตัวเองพูด
“ฉันไม่ได้นัดเขา ฉันแค่ตามเขาเข้าไป” เธอหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “อีกอย่างฉันคิดว่าเขาคงไม่กล้าทำเรื่องโง่ๆ ในที่สาธารณะหรอก ที่นั่นเป็นถึงหอสมุดรัฐสภาเชียวนะ”
“การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ ที่ได้ชื่อว่าการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะก็เพราะว่ามันเกิดจากความหุนหันพลันแล่น เกิดจากความคิดชั่ววูบ เนื่องจากได้รับการกระตุ้นจากสิ่งที่มายั่วยุให้กระทำความผิด ในเวลาแบบนั้นคนเรามักจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเอง ทำให้ก่อเรื่องที่ไม่คาดคิดออกมา”
“แล้วมันใช่ความผิดฉันหรือ” เธอหันมามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
“ไม่หรอก แต่นี่จะเป็นคำพูดที่ทนายของเขาจะพูดตอนสู้คดี” เขามองเธอและผายมือทำท่าพูด “เรียนท่านผู้พิพากษาที่เคารพรักและคณะลูกขุนที่น่ารักทั้งหลาย ศาสตราจารย์ของเราอุทิศตนให้กับการเรียนการสอนมาโดยตลอด ไม่เคยประพฤติผิดและละเมิดกฎหมายใดๆ ทั้งยังประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่ปัญญาชนนับไม่ถ้วน ถือเป็นพลเมืองที่ดีคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเว่ยกระทำการยั่วยุเขา เขาคงไม่มีทางเอาหนังสือฟาดเธอด้วยความโมโหชั่ววูบหรอก”
เธออ้าปากค้าง จ้องมองเขาด้วยใบหน้าซีดขาว
เขาเขย่าโค้กให้ก้อนน้ำแข็งละลายส่งเสียงดังซ่าก่อนยักไหล่
“ถ้าทนายคนนั้นมีชั้นเชิงสูงกว่านี้ เผลอๆ อาจจะทำให้กลายเป็นว่าเขาแค่ผลักคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ คุณเลยไปชนชั้นหนังสือ แล้วหนังสือก็หล่นลงมาตกใส่ศีรษะที่น่าสงสารของคุณ จากนั้นก็จะสรุปว่าทั้งหมดเป็นอุบัติเหตุ ไม่นานเขาก็จะกลับไปสอนหนังสืออีกครั้ง แต่คุณต่างหากที่จะเข้าไปนอนในหลุมที่มีพงหญ้าขึ้นรก แล้วในเวลาไม่ถึงสองปีทุกคนก็จะลืมคุณ”
เธอมองเขาอย่างจนใจ ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ
“คุณนี่มันวิตถารสุดๆ”
“ผมรู้” เขายิ้มอีก “แต่คุณก็รู้ว่าที่ผมพูดเป็นความจริง”
เธอรู้จริงๆ นั่นแหละ เพราะเหตุนี้เธอเลยยิ่งรู้สึกแย่
“แต่ว่าที่เขาลงมือกับคุณขึ้นมาฉับพลันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกนะ คุณแค่ไม่ควรตามเขาไปแล้วเผชิญหน้ากับเขาตามลำพัง หรือว่าไปข่มขู่ผู้ชายที่ตัวสูงใหญ่กว่าคุณ โดยเฉพาะเมื่อคุณรู้ดีอยู่แล้วว่าคนคนนั้นเป็นคนสารเลวไร้ยางอาย”
เธอหรี่ตามองเขา พูดอย่างเดือดจัด “พูดแบบนี้ไม่ช่วยเลยสักนิด!”
เขาหัวเราะออกมา “ช่วยสิ ครั้งหน้าเวลาคุณคิดจะทำอะไรทำนองนี้ขึ้นมาอีก คุณก็จะได้รู้ว่าต้องหาผู้ช่วยที่รูปร่างสูงใหญ่กำยำหรือไม่ก็…อ๊ะ คุณน่าจะลองโทรแจ้งตำรวจดูนะ”
เธอมองเขา “ถ้าไม่จนตรอกจริง ฉันไม่อยากจะแจ้งความ ก็เขาแอบถ่าย…คลิป!”
อ้อ เธอกลัวเรื่องจะบานปลายนี่เอง
เสี่ยวหม่านพูดอย่างขุ่นเคือง “ฉันไม่อยากให้ซายากะถูกทำร้ายอีก สำหรับเธอ เรื่องทั้งหมดนี้มันก็เลวร้ายมากพอแล้ว”
ไม่ต้องให้เธออธิบาย เขาก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นคลิปประเภทไหน ตอนนี้มาคิดดูก็รู้สึกว่าบางทีเขาอาจจะลงมือกับไอ้งั่งนั่นเบาไปเสียแล้ว
“เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้านั่นย่ามใจกล้าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกล่ะสินะ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถและไม่กล้าพอที่จะพูดออกไป แต่ของอย่างคลิปวิดีโอที่จริงแล้วเป็นดาบสองคม”
“ฉันรู้น่า ฉันถึงได้ไปหาเขาไง” เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันคิดว่าเขาจะยอมวางมือเพราะเหตุนี้ ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าเขาจะสมองทึบถึงขนาดคิดฆ่าฉันเพื่อยุติปัญหา”
ได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้ม “คุณว่างๆ น่าจะลองแวะไปฟังศาลพิพากษาดู คนที่ฆ่าคนเพื่อยุติปัญหามีเยอะมากจนคุณต้องอ้าปากค้างแทบหุบไม่ลงเชียวละ ผมว่าคุณคงรู้ว่าในโลกนี้นับแต่อดีตจนปัจจุบัน ที่ไหนก็มีคนที่ใช้วิธีฆ่าคนเพื่อยุติปัญหากันทั้งนั้น”
บ้าชะมัดที่เธอรู้จริงๆ เธอเป็นผู้ศึกษาประวัติศาสตร์
ลมใบไม้ผลิโชยมาอีกระลอก พัดกลีบดอกซากุระร่วงโรย
เธอตวัดสายตาใส่เขา “อย่างงั้นแสดงว่าฉันต้องไปหาผู้ชายที่ร่างสูงใหญ่กำยำมาเป็นเพื่อนก่อนถึงจะยุ่งเรื่องชาวบ้านได้งั้นสิ”
“คุณมีแล้ว” เขายิ้มซุกซน
เธองง “ใครคะ”
เขาเลิกคิ้ว ลูบผมหน้าให้เรียบ ชูสองมือขึ้น ยิ้มพร้อมกับทำท่าเบ่งกล้ามอย่างนักเพาะกาย
“ผมไง”
เธอนิ่งมองดูชายที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำท่าเบ่งกล้ามตรงหน้า แล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมา
เขาไม่ว่าอะไรที่เธอหัวเราะฮาใหญ่ ทำเพียงเลิกคิ้วให้ เบี่ยงตัวเปลี่ยนท่าเบ่งกล้ามอีกสองท่า “เป็นไงบ้าง ถือว่าสูงใหญ่กำยำมั้ย”
ชายตรงหน้าเธอดูตลกมากจริงๆ ทำเอาเธอหัวเราะจนตัวโยนหยุดไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่ขำจนน้ำตาไหล
เธอสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังหัวเราะไปน้ำตาไหลไป
เห็นเธออยู่ๆ ก็น้ำตาไหล เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้เธอโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“ยุคสมัยนี้ใครเขาพกผ้าเช็ดหน้ากัน” เธอรับไป พูดพลางซับน้ำตา “ผ้าเช็ดหน้าอีกผืนของคุณยังอยู่กับฉัน”
“ผมรู้” เขาหุบยิ้มแล้วพูด “แต่ผ้าเช็ดหน้ามีประโยชน์นะ รักษาสิ่งแวดล้อมด้วย คุณใช้เสร็จแล้วเอาไปซักแล้วค่อยคืนผมเถอะ”
เธอได้ยินก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีก