Jamsai
ทดลองอ่าน ล่ารักเกมอันตราย ตอนที่ 3
สองสามวันต่อมา ไม่มีใครมาหาเรื่องเธอ ซายากะได้มาหาพร้อมเล่าให้ฟังว่า เจ้าคนสารเลวนั่นใส่ชื่อเธอลงในวิทยานิพนธ์แล้ว แม้จะเป็นชื่อที่ลงว่าทำผลงานร่วมกันอยู่ดี แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย เสี่ยวหม่านไม่ได้สืบสาวเอาความต่อเพราะซายากะไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เธอเองก็รู้ดีว่าเธอช่วยได้แค่นี้
ก่อนออกจากกรุงวอชิงตันเสี่ยวหม่านไม่เคยโทรกลับไปหา แล้วก็ไม่ได้เจอเขาอีก
สองสัปดาห์ให้หลัง เธอมาถึงอังกฤษ และได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพักที่รีโนเวตใหม่หลังหนึ่ง
เจ้านายคนใหม่ของเธอเป็นนายจ้างที่ใจกว้างมากทีเดียว นอกจากเงินเดือนก้อนโตแล้วยังจัดสรรบ้านเก่าอายุร้อยปีที่มีสวนด้านหน้าและด้านหลังบ้านให้เธออยู่
แม้จะเป็นบ้านหลังเก่า แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมดูแลอย่างดี ภายในบ้านมีเครื่องปรับอากาศ เครื่องเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน ไม่ขาดตกอะไรเลย
เธอใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการจัดวางชั้นหนังสือ เครื่องแต่งกาย ของใช้จิปาถะของเธอ พอเธอเริ่มจัดการกับเสื้อผ้าที่จะซักถึงได้ค้นเจอนามบัตรใบนั้น
เธอควรจะส่งข่าวคราวให้เขาบ้าง
แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ก็คิดว่าที่เขาให้เธอติดต่อกลับไปก็แค่คำพูดตามมารยาทเท่านั้น
เขาให้เบอร์โทรศัพท์เธอก็แค่เผื่อว่าศาสตราจารย์คนนั้นจะมาหาเรื่องเธอ
เธอรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าหากเขาอยากจะทำ ต่อให้เธอไม่บอกที่อยู่ออกไป เขาก็สามารถตามหาเธอได้อย่างง่ายดาย
เธอไม่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคมอะไรเป็นพิเศษ ยังติดต่ออยู่กับเพื่อนร่วมงานเก่าแค่ไม่กี่ราย แค่ไปถามหาจากมหาวิทยาลัยที่เธอเคยทำงานอยู่ก็จะหาเธอได้ไม่ยาก
เธอเก็บนามบัตรลงกระเป๋ากางเกง แต่ครั้งนี้กลับทำเป็นลืมมันไม่ลง
นามบัตรแผ่นเล็กใบนั้นราวกับจะร้อนลวกขึ้นมาก็ไม่ปาน
วันนั้นเธอพกนามบัตรไปไหนมาไหนด้วย รับรู้ถึงการมีอยู่ของมันตลอดเวลา
พอตกเย็น กลับมาถึงบ้าน อาบน้ำเสร็จแล้วสวมชุดนอนล้มตัวลงบนเตียง เธอก็ยังคงนึกถึงแต่นามบัตรใบนั้น
ต่อมาเธอก็ทนไม่ได้ในที่สุด เดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ หยิบกางเกงยีนในตะกร้าซักผ้าออกมาเพื่อควานหานามบัตรในกระเป๋ากางเกง
เธอถือนามบัตรกลับมานั่งที่เตียง รู้สึกว่าตัวเองทำตัวโง่เง่า แต่ก็ยังก้มอ่านนามบัตรใบนั้น
ครั้งนี้เมื่ออยู่ใต้แสงจากโคมไฟเธอก็สังเกตเห็นสัญลักษณ์รูปวงกลมที่นูนขึ้นมา สัญลักษณ์ที่พิมพ์ลายนูนนั้นไม่มีสีจึงทำให้เห็นได้ไม่ชัดเท่าไร เธอเอียงนามบัตรส่องกับแสงไฟก็ดูออกว่านั่นคืออะไร
ดวงตาฮอรัส
นี่เป็นดวงตาข้างขวาของเทพเศียรเหยี่ยวของอียิปต์
เทพปกรณัมของแดนไอยคุปต์น่าสนใจมาก เธอเคยศึกษาวิจัยอยู่ช่วงหนึ่ง เคยเขียนเป็นวิทยานิพนธ์และใช้บรรยายในชั้น ดวงตาข้างขวาของฮอรัสเป็นตัวแทนของดวงอาทิตย์ ส่วนตาข้างซ้ายเป็นสัญลักษณ์ของดวงจันทร์
ความรู้สึกอัศจรรย์ท่วมท้นขึ้นในใจ
นี่เป็นตาข้างขวา ตาข้างขวาของฮอรัสได้ชื่อว่าเป็นดวงตาแห่งความรอบรู้ มีอำนาจในการหลีกหนีความทุกข์และปัดเป่าความชั่วร้าย
ภาพสัญลักษณ์นี้ใกล้เคียงกับดวงตาฮอรัสมาก
รอยยิ้มเปิดเผยที่สว่างสดใสของเขามักจะเตือนให้เธอนึกถึงดวงอาทิตย์ที่สว่างไสว
ความอบอุ่นที่บรรยายไม่ถูกพลันท่วมเข้ามาในใจเพราะการนึกถึงรอยยิ้มของเขา เธอกุมตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่หลายพันปีก่อนไว้ ตัดสินใจชั่ววูบแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พิมพ์ข้อความง่ายๆ ส่งที่อยู่ไปให้แก่เขา
แต่พอกดปุ่มส่งไปแล้วเธอก็เสียใจขึ้นมาทันที
ไม่รู้ทำไมความคิดที่ว่าเขาแค่พูดไปตามมารยาทยิ่งแจ่มชัดขึ้น
เขาได้รับข้อความแล้วไม่แน่อาจจะตกใจ เผลอๆ เขาจะคิดว่าเธอลงทุนทำเพื่อเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างบันทึกการเดินทางมากไป
หนังสือเล่มนั้นที่จริงแล้วก็ไม่ได้หายากเย็นอะไร แต่เขาคงไม่รู้หรอก
ถ้าเขาโทรมาก็บอกไปละกันว่าเป็นบันทึกที่ควรค่าแก่การสะสม เธอกลัวว่าเขาจะไม่ได้เก็บมันไว้ดีๆ หรือถูกปลวกกินไปอะไรทำนองนั้น
จะว่าไปบางทีเขาอาจจะไม่โทรมา ไม่แม้แต่จะตอบกลับตามมารยาท ไม่แน่ว่าแม้แต่ส่งข้อความง่ายๆ มาก็ยังไม่มี
โอย แย่มาก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนปัญญาอ่อน
เนื่องจากฟุ้งซ่านมากเกิน เธอปิดมือถืออย่างรวดเร็วแล้วนำไปเก็บในลิ้นชัก รีบพุ่งมาที่เตียง นอนซุกใบหน้าซ่อนสายตาจากทุกสิ่ง
แต่พอมานอนบนเตียงเธอก็พลิกไปพลิกมานอนไม่หลับสักที กว่าจะรู้สึกเหนื่อยเพลียจนหลับได้ในที่สุดท้องฟ้าก็จะสว่างโร่อยู่แล้ว
รุ่งเช้า เมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เธอก็กระวีกระวาดรีบไปทำงาน แม้แต่โทรศัพท์ก็ลืมนำไปด้วย
ที่ผ่านมาเธอไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ บวกกับการได้มาอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ ยุ่งวุ่นวายอยู่สักสองสามวัน กว่าจะนึกถึงมือถือของตัวเองขึ้นมาได้ก็ปาเข้าไปหลายวันแล้ว ตอนที่เธอเจอโทรศัพท์ในลิ้นชักก็นึกฉงนว่าทำไมตัวเองถึงนำมันมาวางไว้ในนี้ พอเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค่อยนึกออก
เธอลังเลชั่วครู่ สุดท้ายก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ กลั้นใจเปิดออกดู
ผลคือไม่มีสายโทรเข้าจากหมายเลขแปลกหน้าและไม่มีข้อความที่เขาส่งมา
มองดูหน้าจอมือถือแล้วเสี่ยวหม่านก็นิ่งงัน ในใจมีความรู้สึกกระดากระคนผิดหวังอย่างมากชนิดที่บรรยายไม่ถูก
เธอหัวเราะเยาะตัวเอง
แย่ที่สุด ให้ตายสิ ทำเอาเธอตื่นเต้นอยู่ตั้งนาน
ก็ดี เห็นได้ชัดว่าเขาแค่ให้เบอร์เผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน ที่บอกให้เธอส่งข้อความให้ก็แค่คำพูดตามมารยาท
เพื่อปลอบประโลมใจน้อยๆ ที่ได้รับการกระทบกระเทือน เธอหยิบมือถือเดินเข้าไปในครัวแล้วเปิดตู้เย็น หยิบเค้กช็อกโกแลตที่แช่ไว้ออกมานั่งบนโซฟา เปิดทีวีดู ระหว่างที่นั่งดูหนังเก่าๆ ที่ช่องโทรทัศน์ฉายพร้อมตักเค้กคำโตก็อดคิดไม่ได้ว่าที่เขาไม่โทรกลับและก็ไม่ตอบข้อความจะเป็นเพราะ…
เกิดเรื่องขึ้นกับเขา?
อย่างไรเขาก็ทำงานที่ออกจะเสี่ยงอันตราย
หลังจากกินของหวานไปไม่กี่คำเธอคิดว่าถึงแม้ชายคนนั้นจะชอบหัวเราะเยาะเธอ แถมพูดจาแทงใจดำไปบ้าง แต่ในเรื่องอื่นเขาก็ได้รับการอบรมมาดี เขาพกผ้าเช็ดหน้า อีกทั้งยังให้ผู้หญิงเดินก่อนเวลาจะเดินเข้าออกประตู เธอยังสังเกตตอนที่เขาเอาแขนกันเธอไว้จากฝูงชนตอนอยู่ในรถไฟฟ้า
ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เขามักจะคลี่ยิ้มไม่ประสีประสาแบบนั้น เธอกลับไม่คิดว่าเขาจะเป็นพวกอ่านข้อความแล้วไม่ตอบ
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็หวังว่าเขาจะแข็งแรงปลอดภัยดี
ก่อนนอน หลังจากล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง หลับไม่ลงอยู่ดี
สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นมาส่งข้อความอีก
ครั้งนี้ไม่ได้หวังอะไรมาก แค่ส่งความปรารถนาดีไปให้จากใจจริง