Jamsai
ทดลองอ่าน ล่ารักเกมอันตราย ตอนที่ 4
ตอนที่เกิ่งเนี่ยนถังเข้าไปในห้องนอนที่เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอจะสังเกตการตกแต่งห้อง แต่เขาก็เห็นว่าเธอแขวนแผ่นดินเหนียวโบราณคู่หนึ่งไว้ที่ประตู
แผ่นดินเหนียวที่แกะสลักนั้นดูแล้วคุ้นตา เขานึกออกว่านั่นเป็นของที่เธอหวงแหนมากตอนอยู่ที่อิรัก
ลามาซอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ
เธอตามเขาเข้ามาในห้อง มาเอากุญแจรถจากเขาเพื่อไปเอากระเป๋าเดินทางกับยาที่อยู่ในรถที่จอดอยู่ด้านนอกมาให้เขา
เขาถอดรองเท้าและถุงเท้าเหม็นๆ ออก ขณะหนึ่งก็รู้สึกเกรงใจกลิ่นเท้าเน่าเหม็นของตัวเองจึงไปล้างเท้าในห้องน้ำ เห็นที่อ่างล้างมือมีต้นกระบองเพชรเล็กๆ วางอยู่
หน้าเขาในกระจกมีหนวดเครารกรุงรัง ตาขวาฟกช้ำ ยากจะโทษที่เธอหวาดผวามากขนาดนั้น แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นแค่การบาดเจ็บเล็กน้อย เพียงแต่ดูผิวเผินแล้วน่าหวาดหวั่นเท่านั้น เขาทำหน้าล้อเลียนใส่ตัวเอง แล้วนั่งล้างเท้าที่ขอบอ่างน้ำ
ห้องน้ำของเธอสะอาดมาก มีผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนหนึ่งแขวนไว้อย่างดี ในตู้กระจกมีกล่องใส่คอนแทคเลนส์กับแว่นตาไร้กรอบวางอยู่ ตอนที่เขาเปิดมาเห็นก็เลิกคิ้วขึ้น
แสดงว่าผู้หญิงคนนี้สายตาสั้นสินะ
บางทีเขาไม่ควรแปลกใจเพราะอย่างไรเธอก็เป็นพวกหนอนหนังสือ เขารู้ว่าหนอนหนังสือส่วนใหญ่มักจะสายตาสั้น
สามร้อยกว่า…ก็ไม่ได้มัวมาก แต่ก็ไม่ได้ชัดเท่าไร
เขาวางกล่องที่ระบุค่าสายตากลับคืนที่เดิม แกะแปรงสีฟันสำรองที่เธอเก็บไว้หลังกระจกออกมาแปรง
ผ่านไปสักพักพอเขาออกจากห้องน้ำ เธอก็เอายามาให้พร้อมกับน้ำเปล่าแก้วหนึ่ง
เธอเดินเข้าออกไปมา บ่นพึมพำว่าเขาบ้าไปแล้ว เก็บผ้านวมบนเตียงไปแล้วเอาผ้านวมอีกผืนมาให้
เขากลืนยาที่เธอเตรียมไว้แล้วล้มตัวลงบนเตียง
ได้นอนดีๆ บนเตียงเรียบๆ เป็นอะไรที่สุดยอดเสียจนเขาต้องถอนใจออกมา
บนหมอนนุ่มมีกลิ่นหอมจางๆ ของมะนาว
ขณะที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาเห็นเธอยืนอ่านฉลากยาปฏิชีวนะกับยาบรรเทาอาการเจ็บของเขาอยู่ข้างหน้าต่าง จากนั้นก็รูดปิดม่านเดินย่องมาที่ข้างเตียง ถือเอารองเท้าและถุงเท้าที่เสียบอยู่เดินออกไป
ได้ยินเสียงเธอเดินไปเดินมา เขาก็ถอนใจอีกครั้งด้วยความผ่อนคลาย
เมื่อเสี่ยวหม่านกลับเข้ามาในห้องอีกที ชายที่นอนอย่างสงบอยู่บนเตียงก็นอนนิ่งไม่ไหวติงแล้ว
ชั่วขณะหนึ่งเธอกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป แต่อกเขากระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อยแสดงว่ายังมีชีวิตอยู่
เธอถอนใจโล่งอก แต่ยังคงรู้สึกเหมือนเพิ่งทำเรื่องโง่เง่าลงไป
เขาอาจจะมีเลือดออกภายในก็ได้ เธอต้องบ้าไปแล้วที่ยอมให้เขาอยู่ที่นี่ เธอควรจะบังคับให้เขาไปโรงพยาบาล แต่ว่าเขาจะยอมไปรึเปล่านี่สิ
เป็นไปได้ว่าเขาไปโรงพยาบาลไม่ได้ เนื่องจากการไปโรงพยาบาลอาจเป็นเหตุให้เขาเสี่ยงอันตราย แต่ว่าให้เขาอยู่ที่นี่อาจกลายเป็นว่าเธอเองที่จะเป็นต้นเหตุทำให้เขามีอันเป็นไป
บ้าจริง นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย
เสี่ยวหม่านกลอกตา ย่องไปเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าสะอาดออกมา เข้าห้องน้ำเปลี่ยนชุดนอนออก แล้วบ้วนปากเอายาสีฟันที่ตกค้างอยู่ออกให้หมด แม้ว่าปกติแล้วเธอจะชอบกลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์ แต่ ณ ตอนนี้เวลานี้ดูเหมือนว่าเธอกำลังมีลมหายใจที่สะอาดสดชื่นที่สุดในโลก
เธอทำหน้าล้อเลียนใส่ตัวเองในกระจกแล้วถือชุดนอนออกจากห้องน้ำ
ก่อนจะออกจากห้องนอน เธอแอบมองชายที่นอนอยู่บนเตียง
เขายังคงหายใจอยู่ ทั้งยังห่มผ้านวมเป็นอย่างดี
เยี่ยม
เธอคว้าลูกบิดปิดประตูอย่างเบามือ
มือเล็กบางทาบลงบนหน้าผากเขาอย่างแผ่วเบา
เขารู้สึกถึงมือที่เอื้อมมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากและนำความเย็นมาให้ ทำให้เขาต้องถอนใจด้วยความสบาย
เจ้าของมือเล็กบางคู่นั้นพึมพำเสียงเบาก่อนจากไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับผ้าเย็นวางลงบนหน้าผากเขา
ทุกหนึ่งชั่วโมงเธอจะเข้ามาดูอาการเขา ทุกสี่ชั่วโมงจะปลุกเขาให้ลุกขึ้นมากินอาหารดื่มน้ำและกินยา เอาปรอทวัดไข้จากไหนไม่รู้มาวัดอุณหภูมิให้เขา
เขามีไข้อ่อนๆ ดีว่าร่างกายที่ร้อนเล็กน้อยไม่ได้มีไข้เพิ่มขึ้น
เขายังสบายดีอยู่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บ เขารู้สภาพร่างกายของตนดี แต่ก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเป็นห่วงมากขนาดนี้ ดังนั้นเมื่อเธอสั่งให้เขาทำอะไร เขาก็ทำตามโดยดีไม่มีบ่ายเบี่ยง
เขาตื่นขึ้นมาอีกทีในยามโพล้เพล้ เห็นเธอลากเก้าอี้ใหญ่มาขดตัวนอนฟุบ ตักที่งอเข้าหาตัวมีหนังสือวางกางไว้อยู่เล่มหนึ่ง ในมือกำผ้าขนหนูไว้หลวมๆ
ผ้าขนหนูผืนนี้มีไว้ให้เขา เธอเฝ้าเช็ดเหงื่อให้เขามาตลอด
เขานอนมองเธอจากบนเตียง ที่จริงเธอจะทำเป็นไม่สนใจก็ได้ แม้ว่าเขาจะเคยช่วยเธอไว้ แต่ใช่ว่าทุกคนบนโลกนี้จะรู้จักตอบแทนบุญคุณ คนส่วนใหญ่เพื่อความอยู่รอดแล้วมักเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หลีกเลี่ยงเขาด้วยความหวาดกลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอเองก็อยู่ที่นี่ตัวคนเดียว
หนังสือที่กางอยู่บนตักเธอคือบันทึกการเดินทางเล่มที่เขานำมาให้ หน้ากระดาษเหลืองกรอบของบันทึกเก่าเล่มนั้นทำให้เขานึกถึงข้อความที่เธอส่งมาวันนั้น
‘ขอให้ปลอดภัย’
แค่คำที่แสนจะธรรมดาเรียบง่ายสี่คำ ปราศจากถ้อยคำทักทายมากความ ไม่มีคำสนทนาปราศรัยที่เยิ่นเย้อ ไม่มีการย้ำให้ตอบกลับ ไม่มีแม้แต่คำลงท้ายตามมารยาท จะมีก็เพียงคำอวยพรธรรมดาที่พิมพ์เป็นภาษาจีน
ตอนนั้นที่ลอนดอนเป็นเวลาตีสาม
เพราะคำเพียงสี่คำนั้น เขาถึงได้พกบันทึกการเดินทางติดมือไปไหนต่อไหน เพราะว่าคิดถึงเธอ เขาถึงได้เก็บบันทึกการเดินทางเล่มนั้นไว้กับตัว เลยไม่โดนจระเข้ตัวนั้นงับไส้ทะลุไป
บันทึกการเดินทางของเธอช่วยชีวิตเขาเอาไว้และได้เยินเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปนานแล้ว เล่มที่อยู่บนตักเธอนั้นเป็นหนังสือมือสองที่เขาสั่งซื้อทางออนไลน์ตอนอยู่ที่อเมริกา
แต่เขาคิดว่าเธอคงจะไม่ว่าอะไร
เธอเป็นคนดีคนหนึ่ง
เขายิ้มขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
แสงอาทิตย์ตกดินส่องกระทบบานหน้าต่าง ลมอ่อนๆ โชยเข้ามาพัดผมที่ถูกแสงแดดย้อมเป็นสีบลอนด์แดงของเธอ ทำให้นิ้วสีชมพูอ่อนที่จับคั่นหนังสืออยู่ของเธอโดนแดดและเปล่งแสงขึ้นมา
โดยไม่อาจห้ามใจ…เขายื่นมือไปแตะนิ้วของเธอ
เพราะว่าไม่ได้นอนมาหนึ่งวันเต็ม เธอจึงเหนื่อยถึงขั้นไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
เขาดึงนิ้วของเธอเข้ามากำไว้ในมือ นิ้วนั้นทั้งเล็กบางทั้งอ่อนนุ่ม แม้แต่ตอนที่มาอยู่ในมือเขาก็ยังดูราวกับส่องแสงได้
ความรู้สึกสงบสุขบางประการแผ่ซ่านเข้ามาในใจ
ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด เธอเป็นคนอ่อนกีฬา เดิมก็ไม่น่าจะปกป้องเขาให้ปลอดภัยได้เลย แต่ความรู้สึกสงบสุขนั้นยังไม่จางหาย ราวกับแสงสว่างจากปลายนิ้วเธอได้ส่องลงบนฝ่ามือเขา
ขอให้ปลอดภัย…
เขาวางมือเธอลงเบาๆ ให้ปลายนิ้วนุ่มนิ่มของเธอวางลงบนหน้ากระดาษเหลืองกรอบของหนังสือ
เขาดึงมือกลับมาพลางมองใบหน้าต้องแดดยามสายัณห์ของเธอ จากนั้นก็หลับตาลง คิดในใจ
ขอให้ปลอดภัย