ครั้งหนึ่งเขาขี่ม้าออกจากบ้าน พบนางในไร่นานอกเมือง นางกำลังพูดคุยกับหญิงชาวนา ครั้งนั้นนางสวมชุดสตรี ใบหน้าคล้ำลงเล็กน้อยเพราะเดินทางไปมาอยู่ข้างนอก แต่เขาเห็นหูกทอผ้าเก่าที่ถูกขนลงมาจากรถ บนรถเทียมลายังมีหูกทอผ้าอีกตัว รอนำไปส่งให้อีกครอบครัวหนึ่ง
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเอาเสียงพูดคุยของนางมา แม่นางที่สวมเสื้อผ้าดีขนาดนั้น ปกติเวลาพูดเสียงจะไม่ดังถึงเพียงนั้น เขาหันไปมองถึงพบว่าหญิงผู้นั้นเป็นนาง
เขานั่งอยู่บนม้า ปล่อยให้ม้าเดินช้าๆ ไปข้างหน้า มองนางจากที่ไกลๆ ครู่หนึ่ง
นางเดินตามตื๊อหญิงชาวนาไปตามเส้นทางในชนบทที่ตัดกันไปมา หญิงชาวนาลงไปในนา นางก็ตามลงไปในนาข้าวที่มีน้ำด้วยโดยไม่กลัวว่ารองเท้าผ้าปักกับชุดกระโปรงจะเปื้อนโคลนในท้องนา ทำเอาหญิงชาวนาผู้นั้นตกตะลึง
เพราะเป็นคุณหนู ถึงได้ไม่กลัวหากรองเท้าจะสกปรกหรือเสียหาย แต่ก่อนครอบครัวนางจะต้องร่ำรวยมากแน่ๆ นางถึงได้ไม่ใส่ใจของนอกกายเช่นนี้ แต่เพราะอย่างนี้การที่นางสวมรองเท้าย่ำลงไปในท้องนาจึงยิ่งดูแปลกประหลาด
คุณหนูทั่วไปที่บ้านร่ำรวยอย่าว่าแต่ลงไปในท้องนาเลย เห็นหนอนแค่ตัวเดียวก็หวีดร้องเสียงดังลั่นแล้ว แม้แต่หญิงสาวในหอรับวสันต์ รองเท้าผ้าปักเปื้อนน้ำฝนยังโอดครวญอยู่ครึ่งค่อนวัน ใครบ้างที่เป็นเหมือนนาง
หลังจากนั้นอีกเดือนกว่า เขาเห็นนางกลับมาสวมชุดบุรุษ ลากห่อสัมภาระเดินลัดเลาะไปตามถนนและตรอกซอย ถามร้านค้าทีละร้าน ถามเถ้าแก่คนแล้วคนเล่าว่ามีใครจะรับซื้อสินค้าของนางบ้างหรือไม่
ไม่ใช่ว่าเขาสังเกตนางเป็นพิเศษ แต่เป็นเรื่องยากที่จะไม่สังเกต
คุณหนูที่ครอบครัวตกต่ำ เกินครึ่งล้วนปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามชะตากรรมหรือเลือกที่จะแต่งงาน แต่นางกลับไม่ได้ทำอย่างนั้น
นางคิดทำการค้า เอาลูกปัดหยกมาจำนำแลกเป็นเงินเพื่อไปทำการค้า อีกทั้งนางยังสามารถหาการค้าที่ทำเงินได้จริงๆ
เพียงแต่นางไม่รู้ว่าการทำการค้านั้นมีหลักการอยู่
เขาให้โม่หลีที่ติดตามข้างกายคอยสะกดรอยตามนาง ดูว่านางพักที่ใด เป็นลูกสาวบ้านใด
ข่าวที่โม่หลีนำกลับมารายงานทำเอาเขาตะลึงไปเล็กน้อย
เขาคิดว่าบ้านนางตกต่ำแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่ บิดานางเป็นเศรษฐีในเมือง ฐานะมั่งคั่งร่ำรวย นางเป็นคุณหนูใหญ่ แต่กลับอาศัยอยู่ในบ้านพักนอกเมือง ข้างกายมีเพียงบ่าวสูงวัยที่บ้างป่วยบ้างพิการคอยรับใช้
‘สามเดือนก่อน คนข้างกายนางใครกันที่ป่วย’
‘ติงชุ่ยที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เล็กจนโตเคยป่วยอยู่พักหนึ่ง’
ได้ยินเช่นนี้เขาก็อดเลิกคิ้วไม่ได้
โม่หลีเล่าถึงสาเหตุที่นางไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่แบบคร่าวๆ แม้แต่เรื่องที่นางไปหาแม่รอง ขอให้อีกฝ่ายเชิญหมอแต่กลับถูกปฏิเสธ เขาก็สืบมาอย่างชัดเจน โม่หลีผู้นี้ทำงานละเอียดมาแต่ไหนแต่ไร เขาเชื่อว่าต่อให้เขาถามถึงบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของนาง โม่หลีก็สามารถตอบได้
เพราะเขาถามไปแล้ว เพราะเขาเคยถาม โม่หลีจึงใส่ใจหญิงผู้นั้น
นั่นทำให้เวลาโม่หลีเห็นหญิงผู้นั้น เขามักจะเหลือบมองนางมากเป็นพิเศษ
เพราะเหตุนี้โอกาสที่ได้เห็นนางจึงมีมากขึ้น
ตอนอยู่ในหอสุรา เขาเห็นนางเดินอยู่บนท้องถนน เขาอยู่ชั้นบนของโรงจำนำก็มองเห็นนาง แม้แต่เดินอยู่บนถนนยังพบเจอกันโดยบังเอิญ
นางถูกคนไล่ออกมา ล้มคะมำอยู่บนพื้น สภาพอเนจอนาถยิ่ง กว่าจะได้สติ เขาก็เดินไปตรงหน้านางเสียแล้ว
นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาดำกระจ่างสะท้อนแววกระอักกระอ่วน
ดวงหน้าเล็กที่ถูกโจรทำร้ายจนบวมก่อนหน้านี้หายดีแล้ว แต่หลังจากเทียวไปเทียวมาในช่วงที่ผ่านมา นิ้วมือทั้งสิบของนางไม่ขาวเนียน ผิวพรรณไม่ขาวปานหิมะเหมือนตอนที่เขาเจอนางครั้งแรกอีกแล้ว ทว่าดวงตาคู่นั้นยังคงใสกระจ่างและมุ่งมั่น
แม้จะอับอาย แต่ดวงตายังคงฉายแววยืนหยัด
นางถูกไล่ออกมาจากร้านค้าหลายสิบร้าน เฉพาะที่เขาเห็นก็เจ็ดแปดครั้งแล้ว
แม้จะถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า นางกลับไม่ละความพยายาม ไม่คิดที่จะยอมแพ้
นางเก็บผ้าเหล่านั้นขึ้นมาอย่างรีบร้อนราวกับผ้าพวกนั้นเป็นของล้ำค่า
เพื่ออะไรกันแน่ เขาอยากถาม แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เพียงเอ่ยปากบอกให้นางไปซื้อยันต์คุ้มภัย
นางไป เขารู้