ฤดูใบไม้ผลิปีนั้น นางเห็นเขาเดินเข้ามาในหอสุรา
เนื่องจากผู้คนซุบซิบกันเสียงค่อยอย่างไม่เป็นธรรมชาติ นางจึงหันกลับไปมองและเห็นเขา
ชายหนุ่มก้าวข้ามธรณีประตู เดินเข้ามาจากข้างนอก ข้างหลังเป็นชายที่คอยติดตามข้างกายเขาเสมอ ยังมีเถ้าแก่ใหญ่คนหนึ่งและคนอื่นๆ
เขารูปร่างดีมาก เวลาเดินอยู่บนถนนมักดึงดูดสายตาผู้คนได้เสมอ แต่พอผู้คนตระหนักว่าเป็นเขาก็ต่างรีบเบนสายตาออกไป มีเพียงคนที่มาจากต่างถิ่นเท่านั้นที่อดมองเขาไม่ได้ จากนั้นก็จะถูกเตือนว่าอย่ามองส่งเดช
นางไม่ใช่คนต่างถิ่น แต่พอเห็นว่าเป็นเขา นางกลับอดมองมากขึ้นไม่ได้
เขาก้าวเดินตัดโถง ทุกคนหันหน้าไปทางอื่นพร้อมๆ กับเปิดทางให้เขาไปด้วย ราวกับด้านหน้าเขามีเสือนำทางอยู่อย่างไรอย่างนั้น
นางไม่ได้หันหน้าไปทางอื่น นางเห็นชายผู้นั้นผูกกุญแจอายุยืนไว้ที่เอว ห้อยอยู่ข้างๆ ยันต์คุ้มภัย
เห็นดังนั้นแล้วหัวใจนางก็พลันเต้นแรง มิอาจเบนสายตาออกไปได้
ตอนเขาเห็นนาง สายตาเขาหยุดอยู่บนใบหน้านางเพียงชั่วครู่เท่านั้น
ดวงหน้าแบบบางของนางร้อนซู่อย่างไร้สาเหตุ
‘น้องชาย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ไยหน้าจึงแดงขนาดนี้ คงมิใช่ถูกไอร้อนเข้ากระมัง’
ได้ยินคำถามของหลงจู๊ นางรีบดึงสายตากลับมา ตอบอย่างลนลาน
‘ไม่เป็นไรๆ เมื่อครู่ตอนอยู่กลางแดดเดินเร็วไปหน่อย เดี๋ยวสักพักก็ดีขึ้นเอง หลงจู๊ วันนี้ข้ามาจ่าย…’ นางชะงักไป พบว่าตัวเองพูดผิดจึงรีบแก้คำพูด ‘มาซื้อยันต์คุ้มภัยของเดือนนี้’
นางดึงสายตากลับมาแล้ว แต่กลับยังรู้สึกถึงตัวตนของเขาอย่างชัดเจน
ชายผู้นั้นขึ้นไปข้างบน ตอนเขาก้าวขึ้นบันได กุญแจเงินกระทบหยกประดับที่เขาห้อยไว้ที่เอวดังเป็นจังหวะ นางฟังแล้วหูแดงหน้าแดง
‘เจ้าชื่ออะไร ทำการค้าอะไร’ หลงจู๊ได้ยินจุดประสงค์ที่นางมาที่นี่ก็พลิกสมุดบัญชี หยิบพู่กันขึ้นมาแตะปลายลิ้นเตรียมจดบันทึก
‘เวิน…’
เสียงใสกังวานยามเขาขึ้นบันไดหยุดลง ทำเอานางชะงักไปด้วย รู้สึกได้อย่างไร้เหตุผลว่าเขามองนางอีกแล้ว บางทีเขาอาจไม่ได้มองนาง เป็นนางที่คิดมากไปเอง เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ชายผู้นั้นจะหยุดอยู่บนบันไดและมองนาง ไม่แน่เขาอาจขึ้นไปถึงข้างบนแล้วก็ได้
นางข่มความวู่วามที่คิดจะหันกลับไปมอง กระแอมไอให้คอโล่งและพูดต่อ
‘เวินจื่ออี้ ข้าชื่อเวินจื่ออี้ ค้าขายผ้า’
พอนางพูดจบ เสียงใสกังวานนั้นก็ดังขึ้นอีก ดังเป็นจังหวะครั้งแล้วครั้งเล่า
เขามองอยู่ นางรู้ ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้
ในที่สุดเสียงใสกังวานนั้นก็หยุดลงอีกครั้ง เขาขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว ส่วนใบหน้านางกลับแดงและร้อนยิ่งกว่าเดิมอย่างไร้สาเหตุ
รอจนหลงจู๊จดบันทึกเสร็จ นางจ่ายเงินและรับยันต์คุ้มภัยมา หันกลับไปอีกที บนบันไดไม่มีเงาของเขาแล้ว แต่นางรู้ว่าเขาอยู่ข้างบนนั้น กำลังเจรจากับผู้อื่น เอวห้อยยันต์คุ้มภัยกับกุญแจเงินโบราณของนาง
นางไม่คิดว่าเขาจะไปหยิบจริงๆ ยิ่งไม่คิดว่าเขาหยิบไปแล้วจะนำมาห้อยที่เอวอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็มองเห็น
ออกจากหอสุราแล้วนางเดินไปบนถนน หัวใจยังคงเต้นรัว ฝีเท้ายังคงล่องลอยเล็กน้อย หลังจากเดินออกไปไม่ไกล ในที่สุดก็อดใจไม่อยู่หันกลับไปมองที่ชั้นสองของหอสุรา
นางเห็นเขาแทบจะในแวบแรก
ชายผู้นั้นนั่งอยู่ริมหน้าต่างเหมือนเช่นทุกครั้งตรงที่เดิม
ราวกับรู้สึกถึงสายตาของนาง เขาหันมาและหลุบตาลงจ้องมองนาง
เขารู้ว่านางเป็นสตรี นางรู้ดีว่าเขาแยกแยะนางออกได้ตั้งแต่ตอนนางอยู่หน้าศาลเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว
ต่อให้นางสวมชุดบุรุษก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของเขาไปได้
ดวงหน้าเล็กร้อนผ่าวกว่าเดิม แต่นางยังคงด้านหน้าผงกศีรษะให้เขา จากนั้นก็แบกห่อสัมภาระ หมุนตัวก้าวยาวๆ จากไป เดินไปยังร้านขายผ้าด้านหน้าทำการค้าของตน
ฤดูหนาวครอบครัวชาวนามีเวลาว่างค่อนข้างมาก หญิงชาวนาหลายคนที่ร่วมงานกับนาง นอกจากทอผ้าแล้วยังทำงานปักด้วย นางตั้งใจซื้อผ้าไหมและเส้นไหมไปให้พวกชาวนาใช้แบบร่างที่นางวาดปักลายบุปผา สกุณา และผีเสื้อที่วิจิตรประณีตออกมา
งานปักไหมแท้ขายได้ราคาดีกว่างานปักผ้าฝ้ายมาก นอกจากเอาไปทำเสื้อผ้าแล้ว ยังเอาไปทำผ้าเช็ดหน้าและลายพัดได้อีกด้วย
บางส่วนนางใช้วิธีวาด บางส่วนนางขอให้คนปักเป็นลวดลาย
นางรู้ว่าของพวกนี้ทำเงินได้ ผลงานของช่างปักฝีมือดียิ่งมีมูลค่ามาก คุณหนูบ้านต่างๆ ไม่ค่อยออกจากบ้านก็จริง แต่บางครั้งก็มีงานชมบุปผา งานเลี้ยงน้ำชา บางทีก็ออกไปข้างนอกนั่งชมละครในเพิงที่จัดไว้สำหรับสตรีโดยเฉพาะ เมื่อมีโอกาสออกไปพบปะสังสรรค์กับคนอื่นข้างนอก นั่นย่อมเป็นเวลาที่คุณหนูทั้งหลายรวมไปถึงฮูหยินและเหล่าอนุประชันความงามกัน เพื่อมิให้ผู้อื่นดูถูกดูแคลน ต่อให้ต้องควักเงินมากเพียงใดพวกนางก็ยินดี
ของที่อยู่ในห่อสัมภาระนี้ของนางก็คืองานปักเหล่านั้น แม้งานปักของหญิงชาวนาจะไม่ประณีตเหมือนของช่างปักในเมือง แต่นางรู้ดีว่านอกจากฮูหยินและคุณหนูสกุลขุนนางกับพ่อค้าแล้ว เมืองแห่งนี้ยังมีพ่อค้าทั่วไปและหญิงสาวทั่วไป นางจึงแบ่งงานปักตามระดับฝีมือ นำสินค้าไปแนะนำกับเถ้าแก่และเจ้าของร้านทีละร้าน ไม่เพียงเฉพาะคนที่เคยทำการค้ากับนางเท่านั้น คนที่ไม่เคยค้าขายกับนาง นางก็ไปเช่นกัน