ทว่าพอเงาร่างของซู่ซินหายลับไปนอกประตูบุปผาคล้อยแล้ว นางก็หันกายกลับทันที เดินเข้าไปในห้องชั้นในด้วยฝีเท้าแผ่วเบา
ห้องชั้นในของเรือนจ้าวสุ่ยประดับตกแต่งอย่างหรูหราบรรจง ตั้งแต่ตั่งกับเตียงฉลุลายไปจนถึงตะขอเกี่ยวผ้าม่านสีขาวเงิน แต่ละอย่างล้วนมีที่มาที่ไปสลับซับซ้อน กำยานหอมในแต่ละฤดูแต่ละสภาพอากาศก็ล้วนพิถีพิถันเช่นเดียวกัน
วันนี้ภายในห้องจุดกำยานกลิ่นดอกสาลี่หอมอ่อนๆ บางเบาคล้ายมีคล้ายไม่มี กลิ่นหอมหวานสดชื่น และเย็นนิดๆ หมิงถานนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องประทินโฉม ยังคงเอามือเท้าศีรษะ ท่าทางเกียจคร้าน ไม่มีแก่ใจทำสิ่งใด
“คุณหนู บ่าวหวีผมให้ท่านต่อนะเจ้าคะ” ลวี่เอ้อขยับเข้าไปใกล้ๆ เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
หมิงถานมิได้ส่งเสียงตอบ ลวี่เอ้อจึงถือว่านั่นเป็นการตอบรับกลายๆ นางหยิบหวีขึ้นมาพลางสางผมให้หมิงถาน แล้วเอ่ยขึ้นโดยคิดไปเองว่าจะช่วยให้หมิงถานสบายใจขึ้น “คุณหนูกำลังกลุ้มใจว่าวันนี้คุณหนูญาติผู้พี่ก็จะเข้าวังเหมือนกันหรือเจ้าคะ วางใจเถิดเจ้าค่ะคุณหนู ท่านผู้นั้นมีฐานะอันใดกัน จะมาต้องตาต้องใจคุณหนูญาติผู้พี่ได้อย่างไร ต่อให้ถูกใจจริงๆ แต่ด้วยฐานะของคุณหนูญาติผู้พี่แล้ว ก็พอจะเป็นได้แค่ชายารองเท่านั้น จะมาเทียบกับท่านได้อย่างไร ต่อไปคุณหนูจะได้เป็นฮูหยินซื่อจื่อ* แห่งจวนลิ่งกั๋วกงตัวจริงเสียงจริงเชียวนะเจ้าคะ”
“…” หมิงถานไร้คำพูด
“อีกอย่าง ซื่อจื่อของพวกเรารูปโฉมงามสง่า ความสามารถโดดเด่น ทั่วทั้งเมืองหลวงมีใครบ้างไม่อิจฉาคู่กิ่งทองใบหยกอย่างท่านกับซื่อจื่อเล่าเจ้าคะ!”
ประโยคนี้ลวี่เอ้อกดเสียงต่ำเบาอย่างที่สุด ทว่าน้ำเสียงปลาบปลื้มปีตินั้นหมิงถานฟังแล้วเสียดแทงแก้วหูยิ่ง
ใครเป็นคู่กิ่งทองใบหยกกับคนไร้ยางอายผู้นั้นกัน เขาคู่ควรเสียที่ไหน!
นางกลัวว่าหากเด็กสาวผู้นี้ยังพูดต่อไปอีกสักสองประโยคตนเองคงจะโมโหจนกระอักเลือดออกมา นางจึงหลับตาลง ยกมือบอกให้หยุด “เอาคันฉ่องมาให้ข้า”
ลวี่เอ้อไม่รู้ว่าตนเองพูดอันใดผิดไป แต่โชคดีที่สมองทำงานไว นางรีบไปหยิบคันฉ่องเล็กมา ซ้ำยังเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างรู้ประสา ยืนเอ่ยชื่นชมรูปโฉมอันงดงามสะคราญตาจนทำให้ปักษีตกนภา มัจฉาจมวารี* ของหมิงถานอยู่อีกด้านหนึ่ง
หมิงถานพิศมองคนในคันฉ่องอย่างละเอียดลออ ไม่ได้เอ่ยตอบ ทว่าจากมุมปากที่ค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นนั้น สามารถมองออกได้ไม่ยากว่านางปักใจเชื่อตามคำชมเชยของลวี่เอ้อจริงๆ
เด็กสาวอย่างลวี่เอ้อพฤติกรรมคำพูดคำจาไม่อยู่ในกรอบ ซ้ำยังมักจะพูดแทงใจดำนางอยู่บ่อยครั้ง แต่มีคำพูดหนึ่งที่ลวี่เอ้อกล่าวได้ถูกต้อง… ‘เมื่อเห็นใบหน้าดวงนี้ ต่อให้มีแต่ข้าวเปล่าก็ยังกินข้าวได้หลายถ้วย’
หมิงถานถือคันฉ่องส่องตนเองอยู่ครึ่งเค่อ* เพลิงโทสะที่สูงเทียมฟ้าของนางก็ค่อยๆ สงบลงอย่างไม่มีสาเหตุ ในสมองเหลือแค่ความคิดเดียวเท่านั้น…ไฉนข้าถึงได้งดงามเพียงนี้หนอ!
เชิงอรรถ
* ชาวจีนสมัยโบราณแบ่งเวลาตอนกลางคืนออกเป็น 5 ยาม โดยยามแรกเริ่มเวลา 19.00 น. ถึง 21.00 น. ยามห้าจึงหมายถึงเวลา 03.00 น. ถึง 05.00 น. มีชื่อเรียกว่ายามอิ๋น
** โหว คือบรรดาศักดิ์ในสมัยโบราณ เป็นตำแหน่งซึ่งฮ่องเต้แต่งตั้งให้เชื้อพระวงศ์หรือผู้มีความดีความชอบ ซึ่งบรรดาศักดิ์ 5 ขั้นรองจากขั้นอ๋อง คือกง โหว ป๋อ จื่อ และหนาน แต่ละสมัยมีคำเรียกและลำดับแยกย่อยต่างกัน
* ถุงเหอเปา คือถุงผ้าพกติดตัวใบเล็กสำหรับใส่เศษเหรียญหรือของจุกจิก มักปักเป็นลายสัตว์หรือตัวอักษรที่มีความหมายเป็นมงคล
** ประตูบุปผาคล้อย คือประตูกลางของบ้านแบบเรือนสี่ประสาน เป็นตัวแบ่งเขตลานด้านหน้ากับเขตบ้านด้านใน ซึ่งส่วนชายคาที่ยื่นออกมาจากประตูจะมีเสาลอยห้อยลงมา เป็นเสาที่ไม่ได้ยาวจรดพื้น เรียกกันว่าเสาบัว
* ชาอิ๋นเซิง เป็นชื่อเดิมของ ‘ชาผู่เอ่อร์’ เป็นชาที่ปลูกทางใต้ของมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) มีสรรพคุณเป็นยา ใบชาถูกอัดเป็นก้อนรูปทรงต่างๆ ต่างจากชาชนิดอื่น
* เทศกาลซั่งหยวน เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของเทศกาลหยวนเซียว ตรงกับวันที่ 15 เดือน 1 ตามจันทรคติจีน ซึ่งเป็นคืนแรกของปีที่พระจันทร์เต็มดวง คนในครอบครัวจึงมาชมจันทร์กันพร้อมหน้า กินขนมบัวลอยซึ่งแสดงถึงความกลมเกลียว ภายหลังจัดเป็นงานฉลองยิ่งใหญ่ต่อเนื่องจากเทศกาลตรุษจีน มีประเพณีประดับโคมไฟ จึงเรียกอีกชื่อว่าเทศกาลซั่งหยวน โดยมากชื่อเทศกาลซั่งหยวนมักใช้ในบริบทของพิธีทางการ
* ถ่านไหมเงิน เป็นถ่านไม้ชนิดหนึ่ง ขี้เถ้าเป็นสีขาว ไร้ควัน ติดไฟยาก และมอดยาก ในสมัยโบราณมักใช้ในวังหลวง
* ซื่อจื่อ คือตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์อ๋อง ทายาทผู้ครองแคว้น หรือทายาทของเจ้าเมือง มักเป็นบุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก
* มาจาก ‘มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง’ คำกล่าวที่ใช้ชื่นชมความงามของสี่ยอดหญิงงามของจีน ได้แก่ ซีซือ หวังเจาจวิน เตียวฉาน และหยางกุ้ยเฟย หมายถึงงามชวนตะลึงจนเหล่าปลาจมลงไปในลำธาร เหล่านกร่วงหล่นจากท้องฟ้า ดวงจันทร์เขินอายจนต้องหลบเร้น หมู่มวลดอกไม้หุบกลีบลง
* เค่อ เป็นหน่วยนับเวลาของจีนในสมัยโบราณ เท่ากับ 15 นาที
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 4 มี.ค. 66 เวลา 12.00 น.