เมิ่งถังหยิบชามตะเกียบออกมาจากในแหวนเก็บทรัพย์ หลังจากยื่นให้มู่หวาฮุยแล้ว นางก็เจตนาถามติงเล่อเซวียน “เจ้าไม่กินธัญพืชแล้ว ของไม่สะอาดในแดนมนุษย์เหล่านี้เจ้ากินหรือไม่กิน”
นี่เพราะยังจำได้ถึงคำพูดที่ติงเล่อเซวียนพูดในโรงเตี๊ยมตอนเพิ่งลงจากเขาวันนั้น
ติงเล่อเซวียนหน้าแหยเล็กน้อย
แต่ตอนนั้นนางไม่ชอบหน้าเมิ่งถังนี่นา เมิ่งถังบอกอันใดดีนางก็ต้องบอกว่าไม่ดี แต่ตอนนี้นางกับเมิ่งถังสนิทสนมกันมาก
อีกทั้งของทะเลหม้อนี้สดใหม่หอมหวน ส่วนหนึ่งนางยังเป็นคนจับมาเองจะไม่กินได้อย่างไร
จึงพยักหน้าบอกอย่างหนักแน่น “กิน!”
เมิ่งถังไม่ได้หยอกล้อนางอีก หลังจากยิ้มๆ แล้วก็แบ่งชามตะเกียบให้นางชุดหนึ่ง
ส่วนหลิงซิงเหยา…
ก็เห็นเขานี้ลืมตา ลุกขึ้นมายืน แล้วยกม้านั่งเล็กตัวหนึ่งมานั่งที่ข้างเตาไฟที่ทำขึ้นมาง่ายๆ อย่างรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร
เตาไฟนี้เขาเป็นคนทำขึ้น ฟืนที่เอามาก่อไฟเมื่อครู่ส่วนหนึ่งเขาก็เป็นคนเก็บมา ดังนั้นอาหารทะเลหม้อนี้เขาย่อมมีส่วน
ดังนั้นเมิ่งถังจึงยื่นชามกับตะเกียบชุดหนึ่งไปให้เขา
ทั้งสี่คนเริ่มลงมือกินอาหารทะเล บรรยากาศแม้จะพูดไม่ได้ว่าอบอุ่นนัก แต่ก็กลมเกลียวยิ่ง
เพียงแต่เพิ่งกินไปได้ครึ่งหนึ่ง ปัจจัยที่ทำให้ไม่กลมเกลียวกันก็มาแล้ว
อวิ๋นชูเยวี่ยก้าวเข้ามาในบ้านภายใต้แสงจันทร์สลัวราง ใบหน้าบริสุทธิ์งดงามดุจเทพธิดาบนสรวงสวรรค์
นางมองพวกเขาสี่คนแวบหนึ่ง เม้มๆ ปาก แล้วเดินไปนั่งที่ด้านหนึ่งอย่างสงบเสงี่ยม
เมิ่งถังเพียงทำเป็นไม่เห็น ก้มหน้าก้มตากินต่อไป
อวิ๋นชูเยวี่ยเดิมเข้าใจว่าต้องมีคนเอ่ยปากเรียกนางไปกินด้วยกัน แต่รอจนพวกเขากินอิ่มแล้วก็ไม่เห็นมีใครเอ่ยปากเรียกนางแม้แต่ผู้เดียว
พลันรู้สึกว่าตนถูกพวกเขาทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวแล้ว ในใจรู้สึกน้อยอกน้อยใจอย่างยิ่ง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหน้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา
เมิ่งถังที่กำลังเก็บชามตะเกียบอยู่กับติงเล่อเซวียนพลันชะงักมือ
คุณหนูใหญ่ท่านนี้เป็นอะไรขึ้นมาอีกแล้ว อยู่ดีๆ เหตุใดจึงร้องไห้ขึ้นมา
จึงส่งสายตาแสดงเจตนาต่อติงเล่อเซวียน แต่ก่อนเจ้าไม่ใช่มีความสัมพันธ์อันดีกับนางหรือ หาไม่เจ้าก็เข้าไปปลอบนาง
ติงเล่อเซวียนสั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย
ความจริงนางรู้สึกผิดต่อเมิ่งถังอย่างยิ่ง
เพราะตอนอยู่เมืองเหิงหยาง อวิ๋นชูเยวี่ยมีเจตนาชั่วร้ายคิดจะเล่นงานเมิ่งถังถึงชีวิต เรื่องนี้นางไม่ได้พูดออกมาให้ใครรู้
นางคิดอยู่เสมอ อวิ๋นชูเยวี่ยอาจเพียงเลอะเลือนไปชั่วขณะถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้น ถ้านางเอาเรื่องนี้พูดออกมา ศิษย์พี่ใหญ่กับเมิ่งถังจะต้องไม่ละเว้นอวิ๋นชูเยวี่ยแน่ ด้วยเหตุนี้นางจึงยังคงปิดบังไว้ก่อน ให้โอกาสอวิ๋นชูเยวี่ยได้กลับตัวใหม่สักครั้ง
แต่ตัวนางเองกลับไม่กล้าใกล้ชิดสนิทสนมกับอวิ๋นชูเยวี่ยอีกแล้ว
เมิ่งถังเห็นติงเล่อเซวียนไม่ขยับ จึงมองไปที่หลิงซิงเหยา
ท่านนี้กลับดีเลย หลับตาเริ่มเข้าฌานบำเพ็ญเพียรไปแล้ว
เอาเถิด อย่างไรเสียนางเองก็ไม่มีทางไปปลอบอวิ๋นชูเยวี่ยอยู่แล้ว และไม่ให้มู่หวาฮุยไปปลอบอวิ๋นชูเยวี่ยด้วย ในเมื่อติงเล่อเซวียนกับหลิงซิงเหยาที่แต่ก่อนมีความสัมพันธ์อันดีกับอวิ๋นชูเยวี่ยต่างไม่ยอมไป เช่นนั้นก็ได้แต่ต้องปล่อยให้นางเศร้าโศกเสียใจอยู่ที่นั่นแล้ว
รอนางเก็บชามตะเกียบเสร็จแล้ว อวิ๋นชูเยวี่ยยังคงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่นั่น
แต่ไม่มีใครสนใจนาง
มู่หวาฮุยยังเรียกเมิ่งถัง “เราไปในหมู่บ้านเช่าเรือสักลำ พรุ่งนี้จะได้ออกทะเล”
เมิ่งถังรับคำเสียงใส
ทว่าพอเดินออกนอกประตู เมิ่งถังก็ขยับเข้ามาใกล้ กระซิบถาม “ศิษย์พี่ ความจริงท่านไม่อยากอยู่ในบ้านกระมัง”
หาไม่ค่ำมืดป่านนี้ผู้คนในหมู่บ้านต่างนอนกันหมดแล้ว ท่านบอกจะไปเช่าเรือเห็นชัดว่าเป็นข้ออ้าง
นางขยับเข้ามาใกล้มาก ปลายจมูกมู่หวาฮุยเต็มไปด้วยกลิ่นหอมบางเบาจากร่างหญิงสาว
ทะเลในใจเกิดระลอกคลื่นขึ้น รีบสงบสติอารมณ์ของตน จากนั้นก็ตอบไปตามตรง “อืม หนวกหูยิ่ง”
เมิ่งถังเอามือปิดปากลอบหัวเราะ
ทว่านางก็รู้สึกว่าอวิ๋นชูเยวี่ยร้องไห้ค่อนข้างหนวกหู จึงไม่อยากอยู่ในบ้านนานนักเช่นกัน
ในเมื่อตอนนี้ออกมาแล้วไม่สู้ไปชมทะเลในยามค่ำคืนกับมู่หวาฮุย
จึงบอกความคิดนี้ของตนออกมา มู่หวาฮุยย่อมรับปาก
รอพวกเขาสองคนเดินมาถึงริมทะเล แม้จะไม่ได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามจันทร์กระจ่างเหนือท้องทะเล แต่ก็ได้เห็นท้องทะเลที่สาดประกายระยิบระยับภายใต้แสงจันทร์
นอกจากนี้ท้องทะเลยามค่ำคืนดูเหมือนจะเงียบสงบกว่าตอนกลางวันอยู่บ้าง แม้จะยังมีคลื่นซัดเข้าออก แต่ยามคลื่นซัดเข้าออกกลับอ่อนโยนกว่าตอนกลางวันมาก
แต่ก่อนก็มีแต่ตอนไปท่องเที่ยวเมืองชายทะเล เมิ่งถังจึงจะมีโอกาสได้เห็นท้องทะเล ปกติแล้วไม่มีโอกาสได้เห็น บัดนี้จู่ๆ ได้มาที่ชายทะเลก็รู้สึกว่าถึงไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงเดินเล่นที่ชายหาดรับลมทะเลก็สนุกเพลิดเพลินแล้ว
แน่นอนว่าเพราะหาดทรายชายทะเลเปียกชื้น ดังนั้นย่อมต้องเปลือยเท้าจึงจะเป็นการดีที่สุด
เมิ่งถังจึงถอดถุงเท้ารองเท้า ยกชายกระโปรงขึ้น วิ่งไปยังชายหาดที่อยู่ใกล้น้ำทะเลสักหน่อย เช่นนี้ยามคลื่นซัดสาดเข้ามาระผ่านน่องขาของนางไป ยามไหลกลับก็ระผ่านน่องขาของนางดังซ่าจากทางด้านหลังไปอีกที
ใต้ฝ่าเท้าคือทรายละเอียดอ่อนนุ่ม น้ำทะเลยามค่ำคืนเย็นเยือก เมิ่งถังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานยิ่ง