ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา บทที่ 62-63 – หน้า 7 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา

ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา บทที่ 62-63

เมิ่งถังหยิบชามตะเกียบออกมาจากในแหวนเก็บทรัพย์ หลังจากยื่นให้มู่หวาฮุยแล้ว นางก็เจตนาถามติงเล่อเซวียน “เจ้าไม่กินธัญพืชแล้ว ของไม่สะอาดในแดนมนุษย์เหล่านี้เจ้ากินหรือไม่กิน”

นี่เพราะยังจำได้ถึงคำพูดที่ติงเล่อเซวียนพูดในโรงเตี๊ยมตอนเพิ่งลงจากเขาวันนั้น

ติงเล่อเซวียนหน้าแหยเล็กน้อย

แต่ตอนนั้นนางไม่ชอบหน้าเมิ่งถังนี่นา เมิ่งถังบอกอันใดดีนางก็ต้องบอกว่าไม่ดี แต่ตอนนี้นางกับเมิ่งถังสนิทสนมกันมาก

อีกทั้งของทะเลหม้อนี้สดใหม่หอมหวน ส่วนหนึ่งนางยังเป็นคนจับมาเองจะไม่กินได้อย่างไร

จึงพยักหน้าบอกอย่างหนักแน่น “กิน!”

เมิ่งถังไม่ได้หยอกล้อนางอีก หลังจากยิ้มๆ แล้วก็แบ่งชามตะเกียบให้นางชุดหนึ่ง

ส่วนหลิงซิงเหยา…

ก็เห็นเขานี้ลืมตา ลุกขึ้นมายืน แล้วยกม้านั่งเล็กตัวหนึ่งมานั่งที่ข้างเตาไฟที่ทำขึ้นมาง่ายๆ อย่างรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร

เตาไฟนี้เขาเป็นคนทำขึ้น ฟืนที่เอามาก่อไฟเมื่อครู่ส่วนหนึ่งเขาก็เป็นคนเก็บมา ดังนั้นอาหารทะเลหม้อนี้เขาย่อมมีส่วน

ดังนั้นเมิ่งถังจึงยื่นชามกับตะเกียบชุดหนึ่งไปให้เขา

ทั้งสี่คนเริ่มลงมือกินอาหารทะเล บรรยากาศแม้จะพูดไม่ได้ว่าอบอุ่นนัก แต่ก็กลมเกลียวยิ่ง

เพียงแต่เพิ่งกินไปได้ครึ่งหนึ่ง ปัจจัยที่ทำให้ไม่กลมเกลียวกันก็มาแล้ว

อวิ๋นชูเยวี่ยก้าวเข้ามาในบ้านภายใต้แสงจันทร์สลัวราง ใบหน้าบริสุทธิ์งดงามดุจเทพธิดาบนสรวงสวรรค์

นางมองพวกเขาสี่คนแวบหนึ่ง เม้มๆ ปาก แล้วเดินไปนั่งที่ด้านหนึ่งอย่างสงบเสงี่ยม

เมิ่งถังเพียงทำเป็นไม่เห็น ก้มหน้าก้มตากินต่อไป

อวิ๋นชูเยวี่ยเดิมเข้าใจว่าต้องมีคนเอ่ยปากเรียกนางไปกินด้วยกัน แต่รอจนพวกเขากินอิ่มแล้วก็ไม่เห็นมีใครเอ่ยปากเรียกนางแม้แต่ผู้เดียว

พลันรู้สึกว่าตนถูกพวกเขาทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวแล้ว ในใจรู้สึกน้อยอกน้อยใจอย่างยิ่ง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหน้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา

เมิ่งถังที่กำลังเก็บชามตะเกียบอยู่กับติงเล่อเซวียนพลันชะงักมือ

คุณหนูใหญ่ท่านนี้เป็นอะไรขึ้นมาอีกแล้ว อยู่ดีๆ เหตุใดจึงร้องไห้ขึ้นมา

จึงส่งสายตาแสดงเจตนาต่อติงเล่อเซวียน แต่ก่อนเจ้าไม่ใช่มีความสัมพันธ์อันดีกับนางหรือ หาไม่เจ้าก็เข้าไปปลอบนาง

ติงเล่อเซวียนสั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย

ความจริงนางรู้สึกผิดต่อเมิ่งถังอย่างยิ่ง

เพราะตอนอยู่เมืองเหิงหยาง อวิ๋นชูเยวี่ยมีเจตนาชั่วร้ายคิดจะเล่นงานเมิ่งถังถึงชีวิต เรื่องนี้นางไม่ได้พูดออกมาให้ใครรู้

นางคิดอยู่เสมอ อวิ๋นชูเยวี่ยอาจเพียงเลอะเลือนไปชั่วขณะถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้น ถ้านางเอาเรื่องนี้พูดออกมา ศิษย์พี่ใหญ่กับเมิ่งถังจะต้องไม่ละเว้นอวิ๋นชูเยวี่ยแน่ ด้วยเหตุนี้นางจึงยังคงปิดบังไว้ก่อน ให้โอกาสอวิ๋นชูเยวี่ยได้กลับตัวใหม่สักครั้ง

แต่ตัวนางเองกลับไม่กล้าใกล้ชิดสนิทสนมกับอวิ๋นชูเยวี่ยอีกแล้ว

เมิ่งถังเห็นติงเล่อเซวียนไม่ขยับ จึงมองไปที่หลิงซิงเหยา

ท่านนี้กลับดีเลย หลับตาเริ่มเข้าฌานบำเพ็ญเพียรไปแล้ว

เอาเถิด อย่างไรเสียนางเองก็ไม่มีทางไปปลอบอวิ๋นชูเยวี่ยอยู่แล้ว และไม่ให้มู่หวาฮุยไปปลอบอวิ๋นชูเยวี่ยด้วย ในเมื่อติงเล่อเซวียนกับหลิงซิงเหยาที่แต่ก่อนมีความสัมพันธ์อันดีกับอวิ๋นชูเยวี่ยต่างไม่ยอมไป เช่นนั้นก็ได้แต่ต้องปล่อยให้นางเศร้าโศกเสียใจอยู่ที่นั่นแล้ว

รอนางเก็บชามตะเกียบเสร็จแล้ว อวิ๋นชูเยวี่ยยังคงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่นั่น

แต่ไม่มีใครสนใจนาง

มู่หวาฮุยยังเรียกเมิ่งถัง “เราไปในหมู่บ้านเช่าเรือสักลำ พรุ่งนี้จะได้ออกทะเล”

เมิ่งถังรับคำเสียงใส

ทว่าพอเดินออกนอกประตู เมิ่งถังก็ขยับเข้ามาใกล้ กระซิบถาม “ศิษย์พี่ ความจริงท่านไม่อยากอยู่ในบ้านกระมัง”

หาไม่ค่ำมืดป่านนี้ผู้คนในหมู่บ้านต่างนอนกันหมดแล้ว ท่านบอกจะไปเช่าเรือเห็นชัดว่าเป็นข้ออ้าง

นางขยับเข้ามาใกล้มาก ปลายจมูกมู่หวาฮุยเต็มไปด้วยกลิ่นหอมบางเบาจากร่างหญิงสาว

ทะเลในใจเกิดระลอกคลื่นขึ้น รีบสงบสติอารมณ์ของตน จากนั้นก็ตอบไปตามตรง “อืม หนวกหูยิ่ง”

เมิ่งถังเอามือปิดปากลอบหัวเราะ

ทว่านางก็รู้สึกว่าอวิ๋นชูเยวี่ยร้องไห้ค่อนข้างหนวกหู จึงไม่อยากอยู่ในบ้านนานนักเช่นกัน

ในเมื่อตอนนี้ออกมาแล้วไม่สู้ไปชมทะเลในยามค่ำคืนกับมู่หวาฮุย

จึงบอกความคิดนี้ของตนออกมา มู่หวาฮุยย่อมรับปาก

รอพวกเขาสองคนเดินมาถึงริมทะเล แม้จะไม่ได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามจันทร์กระจ่างเหนือท้องทะเล แต่ก็ได้เห็นท้องทะเลที่สาดประกายระยิบระยับภายใต้แสงจันทร์

นอกจากนี้ท้องทะเลยามค่ำคืนดูเหมือนจะเงียบสงบกว่าตอนกลางวันอยู่บ้าง แม้จะยังมีคลื่นซัดเข้าออก แต่ยามคลื่นซัดเข้าออกกลับอ่อนโยนกว่าตอนกลางวันมาก

แต่ก่อนก็มีแต่ตอนไปท่องเที่ยวเมืองชายทะเล เมิ่งถังจึงจะมีโอกาสได้เห็นท้องทะเล ปกติแล้วไม่มีโอกาสได้เห็น บัดนี้จู่ๆ ได้มาที่ชายทะเลก็รู้สึกว่าถึงไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงเดินเล่นที่ชายหาดรับลมทะเลก็สนุกเพลิดเพลินแล้ว

แน่นอนว่าเพราะหาดทรายชายทะเลเปียกชื้น ดังนั้นย่อมต้องเปลือยเท้าจึงจะเป็นการดีที่สุด

เมิ่งถังจึงถอดถุงเท้ารองเท้า ยกชายกระโปรงขึ้น วิ่งไปยังชายหาดที่อยู่ใกล้น้ำทะเลสักหน่อย เช่นนี้ยามคลื่นซัดสาดเข้ามาระผ่านน่องขาของนางไป ยามไหลกลับก็ระผ่านน่องขาของนางดังซ่าจากทางด้านหลังไปอีกที

ใต้ฝ่าเท้าคือทรายละเอียดอ่อนนุ่ม น้ำทะเลยามค่ำคืนเย็นเยือก เมิ่งถังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานยิ่ง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com