ลู่ไป่จวิ้นพยักหน้า เขากุมขมับด้วยท่าทางกลัดกลุ้ม แล้วย้อนถามว่า “เหตุใดฝ่าบาทจึงทรงมั่นพระทัยว่าโจรสลัดที่พบที่เซียงโจวเมื่อสี่ปีก่อนไม่ใช่โจรสลัดจริงๆ แต่เป็นองครักษ์ประตูมังกรปลอมตัวมา”
“เจ้ารู้จักองครักษ์ประตูมังกรดีเพียงใด”
“ข้ารู้ว่าพวกเขาคือกองทัพเรือที่ฉีอ๋องเป็นผู้ฝึกฝน” ‘ฉีอ๋อง’ เป็นน้องชายของไท่จู่ ตอนที่บ้านเมืองตกอยู่ในความวุ่นวายพี่น้องสองคนได้ร่วมมือกันช่วงชิงแผ่นดินมาได้ คนหนึ่งชำนาญการสู้รบบนดิน อีกคนเชี่ยวชาญการรบทางน้ำ และเป็นกองทัพเรือที่ฉีอ๋องฝึกฝนมานี้เองที่สามารถข้ามผ่านกองกำลังของฝ่ายต่างๆ แฝงตัวเข้าเมืองหลวง ร่วมมือกับไท่จู่ประสานกันระหว่างภายในภายนอกเปิดประตูเมืองหลวงให้กองทัพต้าโจวสำเร็จ
องครักษ์ประตูมังกรนับว่ามีคุณูปการใหญ่หลวงต่อการก่อตั้งราชวงศ์ต้าโจวนี้ ทว่าหลังจากไท่จู่ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว เรื่องแรกที่ออกคำสั่งกลับเป็นการยุบองครักษ์ประตูมังกรทิ้ง ไท่จู่เห็นว่าการดำรงอยู่ของกองทัพเรือไม่มีความหมายอีกต่อไป ศัตรูของต้าโจวคือแคว้นเหลียงทางตะวันตกเฉียงเหนือ แคว้นเยียนทางเหนือ และแคว้นเยวี่ยทางใต้ ทว่าในสายตาของฉีอ๋องแล้วไท่จู่อาศัยโอกาสนี้แย่งอำนาจทางทหารไปจากมือเขามากกว่า สองพี่น้องจึงหมางใจกันนับแต่นั้นมา ภายหลังฉีอ๋องยังแกล้งตาย ก่อนจะพาบุตรและชายาไปจากต้าโจว สิ่งที่หายไปพร้อมกันนั้นยังมีองครักษ์ประตูมังกรด้วย
“แม้ไท่จู่จะมีพระราชประสงค์ยุบองครักษ์ประตูมังกรด้วยเจตนาส่วนตัวจริง แต่ยามนั้นต้าโจวเพิ่งสร้างแคว้นได้ไม่นาน ความเสียหายของบ้านเมืองกำลังรอการฟื้นฟูอยู่ ย่อมไม่มีเงินพอให้ไปเลี้ยงกองทัพเรือที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ หรือต่อให้มีโจรสลัดโผล่มาเรื่อยๆ ทว่าพวกเขาก็แค่กลุ่มคนที่ไร้กฎระเบียบ เป็นเพียงคนเร่ร่อนพเนจรในทะเล ไม่พอจะสร้างแรงคุกคามบ้านเมืองได้ ไท่จู่ย่อมมีพระดำริว่าหากมีกองทัพเรือต่อไปก็คงไร้ความหมาย” เซียวอวี้เห็นว่าทั้งไท่จู่และฉีอ๋องต่างเป็นคนมุทะลุไร้เล่ห์เหลี่ยม ทางฉีอ๋องย่อมมองว่ากองทัพเรือจะยุบทิ้งไม่ได้เป็นอันขาด แต่การเลี้ยงดูทหารเรือกองหนึ่งก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดคือการใช้ประโยชน์จากการต่อสู้ทางน้ำของพวกเขามาหาเลี้ยงตนเอง ซึ่งข้อนี้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ตระหนักได้แล้ว
“เพราะองครักษ์ประตูมังกรคือทหารเรือ ฝ่าบาทจึงสงสัยว่าโจรสลัดที่จู่โจมเมืองเซียงโจวเมื่อสี่ปีก่อนคือองครักษ์ประตูมังกร?”
“ฝ่าบาททรงเห็นความสามารถที่แท้จริงของโจรสลัดในคราวนั้นด้วยพระเนตรตนเองแล้ว พวกเขาไม่ได้ไร้ระเบียบเลยสักนิด พ่อข้าเองก็อยู่ในตอนนั้นด้วย เขาเล่าถึงโจรสลัดกลุ่มนั้นว่าแต่ละคนล้วนเก่งกล้าราวกับผ่านสมรภูมิมานับร้อย”
หลังใคร่ครวญเล็กน้อยลู่ไป่จวิ้นก็เข้าใจ “หากเป็นโจรสลัดจริงพวกเขาคงไม่อาจก่อความวุ่นวายใหญ่โตที่เซียงโจวได้กระมัง ในเมื่อฝ่าบาททรงสงสัยว่าโจรสลัดพวกนั้นคือองครักษ์ประตูมังกรจริง แล้วเหตุใดจึงไม่ทรงรายงานเรื่องนี้ต่ออดีตฮ่องเต้เล่า”
“ยามนั้นเจียงหนาน* เกิดอุทกภัยขึ้น ราชสำนักจำเป็นต้องรีบให้ความช่วยเหลือ ถึงขนาดส่งองค์ชายที่เกิดจากฮองเฮามาที่เจียงหนานมา อดีตฮ่องเต้ไหนเลยจะมาใส่พระทัยเรื่ององครักษ์ประตูมังกร อีกทั้งฝ่าบาทก็มีพระดำริแตกต่างจากอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้มีพระราชประสงค์จะทำลายองครักษ์ประตูมังกร ขณะที่ฝ่าบาททรงไม่เห็นด้วย” ไท่จู่ต้องการตามหาร่องรอยขององครักษ์ประตูมังกรเสมอมา ก่อนสวรรคตยังเอ่ยกำชับต่ออดีตฮ่องเต้ไม่ให้ลืมเรื่องนี้ แต่เนื่องจากอดีตฮ่องเต้พระวรกายไม่แข็งแรง จึงไม่มีเวลาไปใส่ใจเรื่องกองทัพเรือนี้อีก เมื่อฝ่าบาททราบความคิดของอดีตฮ่องเต้ จึงไม่มีทางเอ่ยสิ่งที่พบเห็นตอนเดินทางมาเซียงโจวอย่างแน่นอน
“ฝ่าบาทมีพระราชประสงค์จะคืนฐานะให้องครักษ์ประตูมังกร?”
“ข้าไม่แน่ใจว่าฝ่าบาททรงมีแผนการเช่นไรกับองครักษ์ประตูมังกรบ้าง ยามนี้เพียงมีพระราชประสงค์จะตามหาองครักษ์ประตูมังกรให้พบก่อน” บิดาของเซียวอวี้เป็นอาจารย์สอนการต่อสู้ของฮ่องเต้ พูดได้ว่าเซียวอวี้นั้นเติบโตมาด้วยกันกับฮ่องเต้ เขาย่อมคาดเดาความคิดของฮ่องเต้ได้ไม่มากก็น้อย แต่ตราบใดที่ฮ่องเต้ไม่พูด เขาก็ไม่มีวันปริปาก