“เจ้าอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว จะต้องหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังออกมาได้แน่”
“ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้มอบให้ข้าจัดการได้”
“รอบคอบสักหน่อย อย่าทำให้คนตื่นกลัวจนหนีไปเล่า” เซียวอวี้ไม่คิดว่าจะสืบหาอะไรจากอันธพาลพวกนี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจเมินเฉยพวกนั้น เพราะทุกเงื่อนงำล้วนนำไปสู่เรื่องราวที่น่าสนใจบางอย่างได้เสมอ
จู่ๆ ลู่ไป่จวิ้นก็เบิกตาโตราวกับค้นพบอะไรบางอย่าง เขาโน้มร่างไปข้างนอก ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “แม่นางฉู่เป็นหญิงสาวที่น่าสนใจที่สุดที่ข้าเคยพบเลย”
เซียวอวี้ลุกขึ้นเดินเข้าไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน เพียงมองตามสายตาของลู่ไป่จวิ้น เขาก็เห็นฉู่อวิ๋นจิ้งกำลังต่อแถวซื้อขนมห้าหอม
“ขนมที่นางทำรสชาติอร่อยล้ำเลิศเพียงนั้น แค่กินคำเดียวก็ติดใจ แต่พอนางได้ยินว่าที่ใดมีของอร่อย นางเป็นต้องไปร่วมชิมด้วยเสมอ ถึงต้องต่อแถวนางก็ยินดีไม่เหนื่อยหน่าย…”
ลู่ไป่จวิ้นพลันนึกเรื่องหนึ่งได้ในทันใด ข้าเผลอเปิดเผยฐานะสตรีของแม่นางฉู่ออกมาจนได้!
เซียวอวี้อ่านความคิดของสหายออกในปราดเดียว จึงขยับเข้าไปจ้องอีกฝ่ายอย่างมีเจตนาร้ายพลางเอ่ยเนิบช้า “จริงด้วย ข้าเหมือนจะลืมบอกเจ้าไป แม่นางฉู่เป็นบุตรสาวคนโตของฉู่ซื่อเหยีย”
ลู่ไป่จวิ้นพลันงงงัน เจ้านี่รู้แล้ว? แล้วยังบอกว่าแม่นางฉู่เป็น…
เซียวอวี้แค่นเสียงเฮอะคำหนึ่ง “คิดว่าข้าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเพียงนั้นเชียวหรือ เพราะเห็นเป็นสตรีก็เลยปฏิเสธไม่ยอมรับความสามารถของนาง คัดค้านไม่ให้เจ้าร่วมงานด้วย?”
ลู่ไป่จวิ้นพลันได้สติ สมองกลับมาทำงานเป็นปกติ เรื่องแรกที่พูดก็คือ… “แม่นางฉู่เป็นภรรยาในนามที่ยังไม่ได้แต่งเข้าของเจ้านี่”
ตะลึงไปชั่วอึดใจเซียวอวี้ก็ผงกศีรษะเอ่ย “จนกว่าจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย นางก็เป็นภรรยาที่ยังไม่แต่งเข้าของข้าจริงๆ”
“น่าเสียดาย ต่อให้เจ้ายินดีรับงานมงคลนี้ สกุลฉู่ก็ไม่กล้ารับหรอก” ลู่ไป่จวิ้นไม่มีทางยอมรับเป็นอันขาดว่าที่เขาพูดมานั้นเป็นการท้าทายยั่วยุ เนื่องจากความจริงก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นแม่นางฉู่เป็นคนหยิ่งทะนงยิ่งนัก นางไม่ชอบวิธีการทวงบุญคุณบีบให้ต้องตอบแทนเช่นนี้แน่
เซียวอวี้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นอย่างเผด็จการ “แต่หากข้ายอมรับการแต่งงานนี้ การแต่งงานนี้ก็ไม่มีทางยกเลิก”
“เจ้าอยากยอมรับการแต่งงานนี้?” ลู่ไป่จวิ้นเพียงคิดว่าสหายกำลังเอ่ยวาจาไม่เป็นจริงเป็นจังอะไร
“เหตุใดจึงต้องไม่ยอมรับเล่า”