ขณะนั้นแม่นมที่เชิญตัวมาล่วงหน้ากำลังอาบน้ำให้กับทารก เห็นฉู่ไท่เฟยเข้ามาก็ยิ้มเอ่ย “ยินดีด้วยเจ้าค่ะไท่เฟย ยินดีด้วยเจ้าค่ะท่านอ๋อง พระชายาพวกเราให้กำเนิดบุตรชายออกมาเจ้าค่ะ!”
ฉู่ไท่เฟยมองดูแขนขาก้อนเนื้อเป็นมัดๆ ก้นจ้ำม่ำเป็นก้อน เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นเด็กชายแข็งแรงคนหนึ่ง ถึงแม้ท้องของหลิ่วเหมียนถังจะดูไม่ใหญ่ แต่เด็กน้อยคนนี้ก็ไม่ได้ตัวเล็ก ฉู่ไท่เฟยพนมสองมือขอบคุณสวรรค์ที่คุ้มครองให้แม่ลูกปลอดภัยกันทั้งคู่
ยามนั้นชุยสิงโจวเองก็เดินเข้ามารับบุตรชายในผ้าอ้อมจากมือแม่นม มองดูดวงตาที่ยังไม่ลืมของเขากับริมฝีปากเล็กๆ ที่อ้าหุบหานม สภาพดูคล้ายเขาอย่างมาก
หลิ่วเหมียนถังกับชุยสิงโจวคิดกันไว้แต่แรกแล้วว่าหากเป็นบุตรชายจะตั้งชื่อเล่นให้ว่า ‘เสี่ยวอี้เอ๋อร์’
ตอนนี้เสี่ยวอี้เอ๋อร์ว่านอนสอนง่ายอย่างมาก หลังหลิ่วเหมียนถังรับทารกน้อยมาจากมือชุยสิงโจว เด็กชายก็ซุกอยู่ในอ้อมอกหลิ่วเหมียนถังตลอดเวลา นางกอดก้อนกลมๆ อบอุ่นอ่อนนุ่มไว้ด้วยความรู้สึกเสมือนฝันไปไม่หาย เมื่อเช้ายังอยู่ในท้องอยู่เลย ตอนนี้มานอนอยู่ในอ้อมแขนแล้วหรือ
ฉู่ไท่เฟยไม่อยากรบกวนลูกสะใภ้พักผ่อน หลังได้กอดหลานชายแล้วก็เดินออกไปอย่างพึงพอใจ
ชุยสิงโจวยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้างมองหลิ่วเหมียนถังที่อุ้มบุตรชาย ก่อนจะโอบกอดนางอย่างอดไม่ได้ พร้อมจุมพิตลงบนหน้าผากนาง “ลำบากเจ้าแล้ว…”
พูดถึงเรื่องลำบากหลิ่วเหมียนถังคลอดง่ายเสียจนละอายใจ ได้ยินคำว่า ‘ลำบาก’ แล้วนางไม่กล้ารับไว้ บ่นพึมพำ “คลอดง่ายเพียงนี้ กลายเป็นแม่วัวไปแล้วจริงๆ…”
ทารกในอ้อมอกนางคล้ายเข้าใจคำพูดของมารดา กลับยกมุมปากทั้งที่ตาปิด ดูคล้ายกำลังอมยิ้มอยู่
หลิ่วเหมียนถังสะกิดศีรษะน้อยๆ ของเขาแล้วเอ่ย “ยังกล้ายิ้มอีก! เจ้าคนเดียวเลยทำแม่ขายหน้าครั้งใหญ่ วันพรุ่งนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงก็จะรู้เรื่องที่ข้าคลอดบุตรหน้าประตูวังแล้ว”
ชุยสิงโจวหอมแก้มบุตรชายตนเอง “เด็กดีช่วยล้างมลทินให้บิดา คนต่างลือกันว่าตอนที่มารดาเจ้าคลอดเจ้าจะต้องตกเลือดแน่ๆ ผลปรากฏว่าเพียงนั่งรถม้าโยกเยกก็คลอดเจ้าออกมาได้! วันหน้าหากเจ้าเป็นเด็กดื้อ บิดาก็จะตีก้นเจ้าให้น้อยลงสักหน่อย!”
หลิ่วเหมียนถังมองหนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งทารกที่เหมือนออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันแล้วก็ยิ้มหวานอย่างอดไม่ได้
การเกิดของเสี่ยวอี้เอ๋อร์ช่วยตัดปัญหาให้มารดาเขาไปได้ไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดนางก็ไม่ต้องเข้าวังไปช่วยสือฮองเฮาออกความคิดเห็นแล้ว แต่ว่ากลับมีของพระราชทานจากในวังส่งมาเป็นคันรถแทน
สือฮองเฮาได้ยินเหตุการณ์เสี่ยงอันตรายที่ชายาไหวหยางอ๋องให้กำเนิดบุตรบนรถม้าหน้าประตูวังก็รู้สึกผิดอย่างมาก สั่งให้คนเตรียมของบำรุงเครื่องราชบรรณาการ รวมถึงของเล่นที่พระราชทานให้ซื่อจื่อน้อยส่งมายังจวนอ๋องเต็มไปหมด
สภาพการณ์เช่นนี้มากพอจะแสดงให้เห็นว่าสือฮองเฮากับชายาไหวหยางอ๋องสนิทสนมกันมากเพียงไร
ภายใต้ความโปรดปรานเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าแต่งเรื่องในอดีตระหว่างไหวซังเซี่ยนจู่ตอนเป็นโจรกับฮ่องเต้หลิวอวี้อีก รอเสี่ยวอี้เอ๋อร์ครบเดือน คนที่มามอบของขวัญที่จวนก็มีมากมายนัก
หลิ่วเหมียนถังมองรายการของขวัญแล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองมีมิตรภาพกับผู้คนมากมายเพียงนี้
สือฮองเฮาเองก็มาเยี่ยมหลิ่วเหมียนถังด้วยตนเอง กระทั่งโอรสยังตามมาด้วย ยืนอยู่ข้างเปลโยก ใช้นิ้วมือจิ้มแก้มนุ่มนิ่มของซื่อจื่ออย่างใคร่รู้ ทั้งยังตะโกน “เสด็จแม่ เขาตัวอ้วนกว่าน้องสาวข้าอีก!”
เสี่ยวอี้เอ๋อร์อ้วนมากจริงๆ
หลิ่วเหมียนถังยืนหยัดป้อนนมด้วยตนเอง น้ำนมยังมีมากเกินพอ ดังนั้นเสี่ยวอี้เอ๋อร์จึงดื่มจนแขนราวกับปล้องบัว บนมือน้อยอ้วนท้วนเองก็มีแต่รอยบุ๋ม
แต่ว่าสือฮองเฮากลับดูผ่ายผอมลงไม่น้อย พอถามถึงได้รู้ว่าช่วงนี้หลิวอวี้ร่างกายไม่สู้ดี จำเป็นต้องให้สือฮองเฮาช่วยตรวจฎีกาแทน เมื่อเป็นเช่นนี้สือฮองเฮากลับตรากตรำงานหนักจนผ่ายผอมลงแล้ว
สือฮองเฮาแสดงออกว่าอิจฉาหลิ่วเหมียนถังที่อยู่เดือนจนใบหน้าอวบอิ่มอย่างมาก “สตรีเราควรเป็นอย่างพระชายา ไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องอะไรทั้งนั้น ทุกวันนี้ผู้อื่นต่างอิจฉาข้าที่เป็นนายหญิงแห่งหกตำหนัก แต่ข้ากลับคิดถึงความสุขในเรือนเล็กๆ ของตนเองสมัยตอนเพิ่งอภิเษกสมรสกับฝ่าบาทมากกว่า”
หลิ่วเหมียนถังเอ่ย “หม่อมฉันมีอันใดให้น่าอิจฉากันเพคะ ทุกวันนี้อยู่เดือนจนแทบราขึ้นอยู่ในจวนแล้ว ไม่รู้ว่าระยะนี้ภายในเมืองหลวงมีเรื่องแปลกใหม่อะไรเกิดขึ้นบ้างหรือไม่”
สือฮองเฮาถอนหายใจ “จะมีเรื่องแปลกใหม่อะไรได้เล่า ก็มีแต่ขุนนางเก่าแก่โวยวายจะขอพบไทฮองไทเฮาทุกสามวันห้าวัน แต่พระวรกายของไทฮองไทเฮาไม่สู้ดี จะทนเหน็ดเหนื่อยได้เยี่ยงไร เหตุเปลี่ยนแปลงในวังครั้งนี้สกุลกงมีส่วนร่วมด้วยมาก ไม่ว่าอย่างไรฝ่าบาทก็ต้องทรงจัดการ ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเกิดใจก่อกบฏขึ้นอีก แต่ไม่รู้ว่าใครกลับแพร่ข่าวลือว่าฝ่าบาทมิใช่สายเลือดราชสกุล ทำร้ายเสด็จลุงอย่างสุยอ๋อง…”
หลิ่วเหมียนถังขมวดคิ้วเอ่ย “มีแต่คำพูดที่คนสารเลวจะพูดออกมาได้ ทั้งสองพระองค์อย่าได้ทรงรำคาญพระทัยด้วยเรื่องนี้เลยเพคะ ชาวบ้านใช้ชีวิตอยู่กันอย่างสงบสุขจึงจะสำคัญ เรื่องราวภายในวังหลวงเกี่ยวอันใดกับพวกเขาด้วย”
สือฮองเฮายิ้มเอ่ย “หากขุนนางในราชสำนักล้วนเข้าใจเหตุผลอย่างพระชายาได้ก็ดี เจ้าเองก็อยู่เดือนครบแล้ว วันหน้าเข้าวังไปเยี่ยมข้าบ่อยๆ ด้วยเล่า!”