หลังไปถึงกองรักษาเมืองเขาหยิบเอกสารมาอ่านก่อนสักพัก แล้วถึงได้ส่งคนไปสอบถามที่ประตูเมือง ผลปรากฏว่าตอนเช้าตรู่มีรถม้าของจวนอ๋องผ่านประตูเยวี่ยหวาออกจากเมืองไปจริงๆ
นางตั้งใจจะไปตามหาโจรที่เขาไล่ออกไปกลับมาให้หมดนี่!
พูดตามตรงก่อนหน้านี้ชุยสิงโจวคาดไม่ถึงว่าหลิ่วเหมียนถังจะตัดใจจากพวกโจรภูเขาหยั่งซานไม่ได้เพียงนี้ แต่ว่านางห่วงหาผู้อื่นเช่นนี้ ทำให้ในใจเขายิ่งโมโหกว่าเดิม
วันนี้ชุยสิงโจวกลับจวนไปเร็วสักหน่อย ตอนกลับมาเขาถามโดยไม่เจตนา รู้ว่าหลังพระชายาออกจากเมืองไปวนหนึ่งรอบก็กลับมาป้อนนมซื่อจื่อ แต่หลังกล่อมซื่อจื่อนอนหลับเสร็จก็ออกไปวนนอกเมืองอีกรอบ
ชุยสิงโจวไม่เป็นห่วงว่านางจะตามหาคนพวกนั้นกลับมาได้ ครั้งที่สองที่ไล่พวกเขาออกไปจากเมือง เขาส่งทหารคุมตัวพวกเขาไปส่งยังที่ไกลๆ แล้ว
คิดมาถึงตรงนี้เขาก็หลุบตาลง กลับไปที่ห้องหนังสือตามเดิม ครั้งนี้หลี่มามายกน้ำแกงไก่มาให้ท่านอ๋อง เขาสบายใจขึ้น เดิมทีหลงนึกว่าหลิ่วเหมียนถังคิดตกยอมให้แล้ว
นึกไม่ถึงว่าหลี่มามากลับเอ่ยว่า “เดิมทีบ่าวตุ๋นน้ำแกงให้พระชายา แต่นางกินไม่ลง บ่าวเลยยกมาให้ท่านอ๋องแทน บ่าวอยู่ในจวนอ๋องมาค่อนข้างนาน มีบางคำพูดแม้รู้ว่าไม่เหมาะสม แต่รู้สึกว่าควรจะพูดกับท่านอ๋องอยู่ดีเจ้าค่ะ ตอนนี้พระชายากำลังป้อนนมซื่อจื่อ สิ่งที่ห้ามมากที่สุดคือไม่ให้โมโหจนมีไฟในตัว ไม่อย่างนั้นน้ำนมจะไม่ออก ถ้าเกิดอาการปวดบวมขึ้นมา ถึงเวลาสตรีเราจะต้องลำบากน่าดู ท่านอ๋องมิสู้ใจกว้างสักหน่อย พระชายาทำอะไรผิดไป ท่านค่อยๆ สั่งสอน หรือรอซื่อจื่อหย่านมแล้วค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย…”
ปกติสตรีสูงศักดิ์ในจวนอ๋องจะไม่ป้อนนมบุตรด้วยตนเอง มีแต่มอบให้แม่นมทำแทนทั้งสิ้น กระทั่งตอนชุยสิงโจวยังเด็กก็ดื่มนมของแม่นมโตมา เขาจะไปรู้ถึงความลำบากของบรรดาแม่นมได้อย่างไร
แต่ว่าหลี่มามาเลี้ยงดูบุตรด้วยตนเองมาหลายคน ย่อมกระจ่างถึงรายละเอียดดี ตอนนี้เห็นหลิ่วเหมียนถังเหมือนจะโมโห มีโอกาสว่าน้ำนมจะติดขัด เลยรีบมาตักเตือนท่านอ๋องสักคำสองคำ
ชุยสิงโจวเม้มปาก สุดท้ายยังคงลุกเดินไปที่เรือนนอน
พอเข้าห้องไปบุตรชายเสี่ยวอี้เอ๋อร์เหมือนจะกินไม่อิ่ม กำลังร้องโวยวายซุกไซ้หน้าอกมารดา สีหน้าของหลิ่วเหมียนถังเองก็ดูเจ็บปวดอย่างมาก
ครานี้อารมณ์ไม่พอใจทั้งหมดของชุยสิงโจวแทบถูกโยนลับหายไป เขาก้าวฉับไวไปนั่งลงข้างนางพลางเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป”
หลิ่วเหมียนถังเป็นมารดาคนครั้งแรก นึกไม่ถึงว่าเพียงโมโหเล็กน้อยจะเจอกับผลลัพธ์เช่นนี้ นางเองก็รู้สึกเสียใจ กลัวว่าบุตรชายไม่มีนมดื่ม ทั้งเห็นชุยสิงโจวมาหาแล้ว น้ำตาเลยคลอเอ่อขึ้นมาทันที “ทำอย่างไรดี ข้าป้อนนมลูกไม่อิ่ม…”
ชุยสิงโจวดึงตัวทารกที่เหมือนลูกหมูในอ้อมอกนางออกมา ก่อนสั่งฟางเซีย “ไปเรียกแม่นมที่พักอยู่เรือนในมา ให้นางป้อนนมซื่อจื่อ”
ฟางเซียเอ่ยเสียงเบา “ซื่อจื่อติดคน นอกจากพระชายาแล้ว ผู้อื่นแตะต้องไม่ได้ด้วยซ้ำเจ้าค่ะ…”
ชุยสิงโจวนึกไม่ถึงว่าบุตรชายตนเองจะเหมือนบิดา เลือกกินและจดจำรสชาติ หากหลิ่วเหมียนถังน้ำนมไม่ออกจริงๆ มิใช่จะทำให้เสี่ยวอี้เอ๋อร์หิวตายหรอกหรือ
ทีนี้ความโกรธสามส่วนที่เดิมยังหลงเหลือในอกสลายหายไปไม่เห็นเงาทันควัน
เขาเอ่ยกล่อมหลิ่วเหมียนถังในอ้อมอกเสียงอ่อนโยน “อย่าโมโห วันพรุ่งนี้ข้าจะสั่งให้คนไปพาพวกจงอี้เหลี่ยงเฉวียนกลับมาให้เจ้าทั้งหมด แม้แต่ขนยังไม่มีทางหลุดหายไปสักเส้น เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าหาหมอมาตรวจเจ้า ร่างกายจะได้ไม่เจ็บป่วยขึ้นมา เจ้าเองก็ไม่ต้องห่วงเสี่ยวอี้เอ๋อร์ แม่นมมีมากเพียงนั้น เขาจะยังหิวตายได้อีกหรือ นี่เป็นเพราะถูกตามใจทั้งนั้น ให้เขาหิวไปหนึ่งวันเถอะ ดูว่าจะยังเลือกกินหรือไม่!”
เสี่ยวอี้เอ๋อร์ที่เดิมทีก็กินไม่อิ่มกำลังรู้สึกน้อยอกน้อยใจ ครั้นได้ยินบิดาตนเองพูดคำพูดไม่สมเป็นบิดาออกมา เขาก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความใจดำในคำพูด ริมฝีปากน้อยเบ้คว่ำ ร้องไห้โฮออกมาทันที