หลิ่วเหมียนถังเอ่ยอย่างจริงจัง “พวกผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านทำตัวเยี่ยงโจร ขับไล่คนไปไม่ให้พกข้าวของเงินทองไปด้วยมากพอ ทุกวันนี้พวกเขามีครอบครัวกันแล้ว เมื่อไม่มีเงินทองในมือ ซ้ำเข้าเมืองมาหาข้าก็ถูกพวกท่านขับไล่ ย่อมต้องตามหาที่อยู่เพื่อใช้ชีวิต…แต่ก่อนข้าเคยได้ยินพวกเขาพูดว่าก่อนหน้าจะลงจากภูเขาหยั่งซานเคยซ่อนเงินก้อนหนึ่งไว้บนภูเขา ตอนนี้น่าจะกลับไปนำเงินก้อนนั้นมาใช้แล้ว”
เมื่อก่อนหลิ่วเหมียนถังพูดว่าสี่พี่น้องจงอี้เหลี่ยงเฉวียนนี้มีนางเป็นคนดูแล ไหวหยางอ๋องยังไม่ค่อยเชื่อ ตอนนี้ดูไปแล้วนิสัยขุดหลุมซ่อนเงินไปทั่วกลับได้รับสืบทอดกันมาจริงๆ
ทว่าในเมื่อหลิ่วเหมียนถังบอกทิศทางออกมา ถ้าอย่างนั้นชุยสิงโจวก็จะส่งคนไปค้นหาตามนั้น
ก่อนหน้านี้เขาแทบอยากจะให้พวกลูกเต่าเหล่านั้นเกิดเรื่องไม่คาดฝันสักอย่าง ไม่ต้องกลับมาอีก แต่ตอนนี้ ไหวหยางอ๋องนอกเหนือจากกรำงานของราชสำนัก ก็เป็นห่วงกังวลว่าพี่น้องเหล่านั้นจะไม่ดูแลตนเอง หากไปเร่ร่อนจนเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น มารดาของบุตรเขาก็จะทุกข์ใจจนไม่มีน้ำนมอีก ถึงเวลาคนที่หิวจะเป็นบุตรชายของเขาเอง!
หลิ่วเหมียนถังออกจากการอยู่เดือน ในที่สุดก็พอจะสบายขึ้น นางออกไปพบปะสังสรรค์เป็นเพื่อนฉู่ไท่เฟยกับพี่สาวชุยฝูได้บ้างแล้ว
นับตั้งแต่โค่นสุยอ๋องลงประตูจวนของไหวหยางอ๋องเรียกได้ว่าคึกคักราวกับตลาดนัด สหายที่เอาใจใส่ฉู่ไท่เฟยกับชุยฝูก็มีเพิ่มขึ้นมากกะทันหัน
แต่ว่าหลายวันมานี้งิ้วที่หลิ่วเหมียนถังนำมาจัดแสดงในจวน แต่ละเรื่องล้วนเป็นงิ้วเกี่ยวกับเรื่องนายหญิงไร้คุณธรรม พลาดพลั้งคบหากับคนมีเจตนาร้าย ชักนำภัยจนถูกฆ่าล้างชั่วโคตรพวกนี้มา
ฉู่ไท่เฟยชมงิ้วจนลำคอเย็นวาบ ถามหลิ่วเหมียนถังตรงๆ ว่า “เจ้าให้ซองแดงกับคณะงิ้วไม่มากพอหรือ เหตุใดเอาแต่แสดงงิ้วที่บ้านแตกสาแหรกขาดเช่นนี้”
ชุยฝูที่อยู่ด้านข้างกลับมองเข้าใจ ยิ้มเอ่ยกับมารดา “ท่านแม่ นี่ลูกสะใภ้ท่านกำลังตักเตือนท่านว่าตัวคนอยู่ในเมืองหลวง ยามคบหากับคนนอกจวนเหล่านั้นให้คบเพียงผิวเผินดั่งสายน้ำจะดีที่สุด อย่าได้ทำตัวเหมือนสมัยอยู่เจินโจว พูดจาไม่ระมัดระวัง ทุกวันนี้ศัตรูในราชสำนักของสิงโจวมีอยู่มาก คำพูดไม่เจตนาของท่านประโยคเดียวอาจแลกมาด้วยต้นไม้ล้มลิงกระเจิง”
ฉู่ไท่เฟยถลึงตาใส่หลิ่วเหมียนถังที่กำลังแทะเมล็ดแตง “เจ้าเห็นว่าข้าเป็นหญิงชาวนาด้อยปัญญาเพียงนี้หรือไร สมัยที่ข้าอยู่เมืองหลวงเข้าร่วมงานเลี้ยงกับพ่อสามีเจ้า เจ้ายังเป็นทารกดื่มนมอยู่เลย!”
หลิ่วเหมียนถังยิ้มแย้มขณะคว้าเมล็ดแตงคั่วนมแพะหนึ่งกำมือยื่นให้ฉู่ไท่เฟยพลางเอ่ย “ท่านแม่อย่าฟังพี่หญิงพูดจาเหลวไหล ก็แค่งิ้วพวกนี้เป็นเรื่องใหม่ของช่วงนี้ ข้ารู้สึกว่าแปลกใหม่ดีเท่านั้น ในเมื่อท่านไม่ชอบดู เพียงเปลี่ยนเป็นเรื่องที่รื่นเริงสักหน่อยก็พอ ประเดี๋ยวให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นเรื่องราวความรักชายหญิง บุรุษมีความสามารถลอบนัดพบกับคนรัก ถึงจะน่าดูชม…”
ได้ยินประโยคนี้ชุยฝูอดมองหลิ่วเหมียนถังไม่ได้ นึกสงสัยว่างิ้วเรื่องนี้กำลังกระทบกระทั่งตนเอง
ช่วงนี้ใต้เท้าหลี่มักจะนัดนางไปนั่งเรือสำราญท่องทะเลสาบ น่าเสียดายที่แม้ใต้เท้าหลี่จะเป็นผู้มีความสามารถโดดเด่น ปฏิบัติตัวในเส้นทางขุนนางอย่างระมัดระวังรอบคอบ ทว่าค่อนข้างอ่อนด้อยในเรื่องการคบหาระหว่างบุรุษและสตรี
อากาศเพิ่งจะเริ่มอบอุ่นขึ้นมา น้ำแข็งบนผิวทะเลสาบเองก็เพิ่งละลาย ยามยืนอยู่บนเรือต่อให้มีเตาถ่านอยู่มากก็จะโดนลมพัดกรูเข้าใส่จากทุกทิศอยู่ดี
นางตอบรับนัดไปครั้งหนึ่ง เหมือนสวรรค์กำลังเตือนว่าบุพเพนี้ของนางไม่เหมาะสมอย่างไรอย่างนั้น หลังกลับมาที่จวนก็ไม่สบายเป็นหวัดไปเจ็ดวัน
ความจริงการนัดพบครั้งนี้ของใต้เท้าหลี่ หลิ่วเหมียนถังได้ยินจากปากชุยฝูในภายหลัง