นางประหลาดใจที่ใต้เท้าหลี่จัดเตรียมการนัดพบที่ไม่ได้เรื่องเช่นนี้ออกมา
ดอกเหมยที่เบ่งบานไปทั่วทุกมุมเรือนของเมืองหลวงไม่งามพอหรือ ไปกินข้าวในโรงเตี๊ยมส่วนตัวแถวชานเมืองหลวงไม่อร่อยหรือ มีสถานที่ให้ออกไปมากมายเพียงนี้ กลับจะไปรับลมหนาวกลางทะเลสาบ ทำคนรักล้มป่วย ช่างชวนให้คนกลุ้มใจจริงๆ!
แต่ว่านางพูดเรื่องนี้กับชุยสิงโจวแล้ว ท่านอ๋องกลับเลิกคิ้วน้อยๆ เอ่ย “ล่องเรือไม่เหมาะสมหรือ ตอนที่สหายกวงไฉถามข้า ข้าเป็นคนบอกเขาเองว่าพี่สาวชอบล่องเรือ…”
หลิ่วเหมียนถังนึกไม่ถึงว่าตัวต้นเหตุคือสามีตนเอง นางถามเขาอย่างอดทน “พี่สาวบ้านท่านล่องเรือในฤดูหนาวหรือ”
ชุยสิงโจวครุ่นคิดเล็กน้อย พลันนึกได้ว่าสภาพอากาศของทางใต้กับทางเหนือไม่เหมือนกัน
เมืองหลวงในเวลานี้ไม่เหมาะจะล่องเรือจริงๆ มิน่าหลายวันมานี้เวลาสหายกวงไฉเห็นเขาจึงมีสีหน้าไม่น่ามอง
จวบจนทุกวันนี้หลิ่วเหมียนถังเองก็นับว่าเข้าใจสามีนางทะลุปรุโปร่งแล้ว
อย่าได้เห็นว่าเขารูปโฉมหล่อเหลาเชียว เพราะหากไม่มีชาติกำเนิดโดดเด่น อาศัยเพียงระดับความไม่ใส่ใจสตรีของเขา คาดว่าเขาจะเป็นเหมือนสหายกวงไฉ ไม่ได้แต่งงานเสียที
ได้ยินคำหยอกเย้าของหลิ่วเหมียนถัง ไหวหยางอ๋องเอ่ยอย่างไม่สนใจ “ใครว่ากัน ข้าไม่ได้อาศัยความสามารถของตนเองหลอกภรรยาแสนหวานมาคลอดบุตรให้ข้าหรอกหรือ”
ประโยคนี้ตอกกลับให้หลิ่วเหมียนถังไร้คำพูด ในเวลานั้นคิดขึ้นได้ว่านางกับชุยสิงโจวคบหาอยู่กินกันมาแต่แรก ไม่ได้มีความทรงจำอะไรอย่างพูดคุยเกี้ยวพานหรือบุรุษไล่ตามเกี้ยวเลย
เมื่อคิดเช่นนี้คนที่โง่งมที่สุดกลับเป็นตัวนางเอง!
ชุยสิงโจวสามารถไม่สนใจสีหน้าบึ้งตึงของสหายร่วมรุ่น แต่สีหน้าหดหู่ของชายาตนเองยังต้องสนใจบ้าง ดังนั้นจึงเอ่ย “หากเจ้าคิดดีๆ ก็ยังมีส่วนที่ใส่ใจอยู่ ตอนนั้นข้าไม่ได้พาเจ้าไปแช่น้ำพุร้อนเป็นพิเศษหรือ”
หลิ่วเหมียนถังแค่นเสียงฮึออกมา “แช่เพียงครั้งเดียวก็ถูกท่านหลับนอนด้วยแล้ว…”
ไหวหยางอ๋องสะอึก ใบหน้าประดับรอยยิ้มน้อยๆ ย้อนนึกถึงว่าสถานการณ์เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ในเมื่อขาดแคลนขั้นตอนนัดพบเกี้ยวพานชายาอย่างมาก เวลานี้ว่างแล้วเขาย่อมต้องชดเชยให้
พอดีกับที่เขาผิดต่อสหายกวงไฉ ดังนั้นสี่คนจึงนัดหมายกันเดินทางไปล่าสัตว์ที่ลานฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง
หลิ่วเหมียนถังเองก็อุดอู้อยู่ในจวนอ๋องมานานเกินไป ได้ยินว่าท่านอ๋องจะพานางไปล่าสัตว์ก็ตื่นเต้นไปตลอดทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นชายาอ๋องตื่นขึ้นมาเรียกให้บรรดาสาวใช้ช่วยนางแต่งตัวสวมชุดล่าสัตว์สีดำครบชุด ใช้แถบคาดศีรษะประดับอัญมณีรัดหน้าผากไว้ เรือนผมยาวดกหนาเองก็มัดรวบเป็นหางม้าสูง ขาเรียวยาวถูกรองเท้าหนังหุ้มข้อสูงขับเน้นจนดูยาวตรงกว่าเดิม สายรัดเอวผืนกว้างรัดเอวคอดกิ่ว ด้านหลังเอวยังเหน็บมีดสั้นไว้สองเล่ม
ตอนที่ชายาอ๋องในชุดต่อสู้กระโดดลงมาจากรถม้าอย่างคล่องแคล่วด้วยตนเองโดยไม่ต้องให้ใครช่วย ช่างห้าวหาญจนชวนให้คนกะพริบตาไม่ลงจริงๆ
แต่พอหลิ่วเหมียนถังมองสำรวจรอบๆ อย่างตื่นเต้นกลับต้องโง่งมไป เอ่ยถามท่านอ๋อง “ท่านไม่ได้บอกว่าพาข้ามาล่าสัตว์หรือ”
ชุยสิงโจวไม่ได้เปลี่ยนเป็นชุดล่าสัตว์ด้วยซ้ำ ยังคงอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวหลวมกับกวานหยก ชี้ไปยังกระต่ายตัวอ้วนพีที่กระโดดไปมาพลางเอ่ย “พวกนี้ไม่มากพอให้เจ้าล่าหรือ”
ยามนี้ตรงกับช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ หากไปเจอพวกหมีหรือสัตว์ป่าดุร้ายหิวโซที่เพิ่งตื่นจากการจำศีลในป่าเข้า ไม่ใช่เรื่องสนุกแต่อย่างใด
ดังนั้นลานล่าสัตว์ฝั่งตะวันออกไม่เหมือนกับลานล่าสัตว์ฝั่งตะวันตกที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้าย แต่อาศัยรูปแบบละเล่นสนุกสนานดึงดูดให้บรรดาสตรีสูงศักดิ์มาฆ่าเวลาแทน
กระต่ายโง่งมที่ถูกมัดขาหลังกระจัดกระจายกันอยู่ไปทั่ว ยังมีกวางดอกเหมยจับกลุ่มกันให้บรรดานายท่านยกคันธนูไม้อ่อนขึ้นมาแสดงท่วงท่าอันองอาจด้วย
สำหรับชุยสิงโจวที่ใช้คันธนูแข็งมาจนเคยชิน พวกเหยื่ออืดอาดเหล่านี้ย่อมไร้ความหมาย จึงคร้านจะเปลี่ยนชุดมาที่นี่ แต่ว่าโรงเตี๊ยมที่อยู่ที่นี่ทำอาหารปิ้งย่างได้ไม่เลว ดังนั้นเขาสามารถพาหลิ่วเหมียนถังกับพี่สาวมาเดินเล่นผ่อนคลายจิตใจได้พอดี
หลิ่วเหมียนถังมองพวกเขาทั้งสี่คน เห็นมีเพียงนางที่แต่งตัวเต็มที่ ในเวลานั้นก็หมดสนุกขึ้นมาทันที
นางรู้สึกมั่นใจอีกครั้งว่าสามีผู้นั้นของนาง หากไม่ใช่อาศัยการหลอกลวง คงไม่มีทางตบแต่งภรรยาได้แน่นอน!