เมื่อเป็นเช่นนี้สือซิ่วจินที่อายุกำลังเหมาะสมจึงกลายมาเป็นคุณหนูในห้องหออันดับหนึ่งของเมืองหลวง คุณชายจวนสูงศักดิ์ที่ยังไม่แต่งงานต่างกำลังสืบข่าววันเดือนปีเกิดของคุณหนูท่านนี้
และตอนนี้ดวงตากลมโตสุกใสของคุณหนูผู้นี้ก็กำลังมองตรงมาที่ไหวหยางอ๋องผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา สวมชุดตัวหลวมสบายๆ ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป
ที่จริงสมัยสือซิ่วจินอยู่บ้านเก่าที่ชิงโจวก็เคยพบเจอไหวหยางอ๋อง สมัยนั้นนางยังเด็ก แต่ก็แยกแยะความงามกับความอัปลักษณ์ออกได้แล้ว ถึงอย่างนั้นยามได้เห็นไหวหยางอ๋องนางก็ยังตกใจจนนึกว่าเจอกับเทพเซียนเข้า
เดิมทีหลงนึกว่าเป็นเพราะตนเองพบเห็นโลกมาน้อย แต่พอมาอยู่เมืองหลวงและได้พบเจอกับคุณชายเสเพลมากมายเพียงนั้น ไม่ว่าใครก็มีรูปโฉมบุคลิกสู้ไหวหยางอ๋องไม่ได้
นั่นเป็นบุคลิกที่ผสานระหว่างความสง่างามของบัณฑิตกับความองอาจของผู้ฝึกยุทธ์ที่ดึงดูดคนเกินไป ทุกครั้งในงานเลี้ยง เมื่อสายตานางมองไปเห็นเขาก็ชวนให้คนไม่อาจละสายตาได้อีก
ที่น่าชิงชังคือเขาตบแต่งชายาเอกแล้ว ซึ่งมิใช่คู่ครองที่เหมาะสม
แต่ว่าภายหลังปรากฏข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับชายาไหวหยางอ๋องขึ้นมากะทันหัน เล่าลือกันให้ทั่วเมืองหลวง สือซิ่วจินผุดความหวังขึ้นใหม่อย่างห้ามไม่ได้ เฝ้ารอให้ข่าวลือเป็นจริง ชายาไหวหยางอ๋องคลอดยากตกเลือดเสียชีวิต ถึงเวลานั้นนางจะให้บิดาไปพูดคุยเรื่องแต่งงาน ตนเองกลายเป็นนายหญิงจวนไหวหยางอ๋องอย่างมีหน้ามีตา
ผู้คนต่างพูดว่าพี่สาวบุตรอนุของนางแต่งงานได้ดิบได้ดี แต่ในสายตาของคุณหนูสือ ต่อให้หลิวอวี้เป็นฮ่องเต้ คนขี้โรคอ่อนแอผู้หนึ่งก็ไม่มีอะไรให้น่าอิจฉาอยู่ดี
หากไม่มีไหวหยางอ๋อง บัลลังก์ของหลิวอวี้ก็ไม่อาจนั่งอยู่อย่างมั่นคง ทุกวันนี้บิดาเองก็ระแวงท่านอ๋องผู้นี้มาก เห็นได้ว่าเขาเป็นบุรุษที่มีความสามารถจริงๆ หากชุยสิงโจวแต่งงานกับนาง กลายมาเป็นบุตรเขยของสกุลสือเช่นกัน สุดท้ายคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์จะสกุลหลิวหรือไม่…นั่นก็ไม่แน่แล้ว
และหากวันหน้านางได้เป็นมารดาแห่งแผ่นดินก็จะเหมาะสมกว่าพี่สาวที่เหมือนดั่งสุกรอ้วนผู้นั้นของนางมากนัก
เมื่อเป็นเช่นนี้ อาการแอบรักข้างเดียวของคุณหนูสือจึงยิ่งหนักขึ้น มักจะเข้าไปพูดคุยทักทายกับท่านอ๋องตามงานเลี้ยงน้อยใหญ่อยู่บ่อยๆ
ที่น่าเสียดายคือชายาไหวหยางอ๋องกลับคลอดอย่างราบรื่นเพียงนั้น ไม่เหมือนในข่าวลือที่ว่าจะเก็บเพียงบุตรไว้แต่อย่างใด
ในเวลานั้นความหวังของคุณหนูสือดับสลาย รสชาติทุกข์ตรมเช่นนั้นชวนให้คนกินอะไรไม่ลง
นึกไม่ถึงว่าวันนี้กลับได้มาพบไหวหยางอ๋องที่นี่ ดังนั้นคุณหนูสือจึงไม่ทันสังเกตสตรีในชุดล่าสัตว์ข้างกายไหวหยางอ๋องสักนิดเดียว นึกว่าเป็นเพียงองครักษ์ของไหวหยางอ๋องเท่านั้น ดวงตาเร่าร้อนของสือซิ่วจินมองตรงไปที่ไหวหยางอ๋อง
จนกระทั่งสตรีในชุดล่าสัตว์ก้าวขึ้นมาข้างหน้ากะทันหัน แล้วหยุดยืนตรงหน้านางอย่างมั่นคง นางถึงจำได้ว่านี่ไม่ใช่ชายาไหวหยางอ๋องที่เพิ่งคลอดบุตรหรอกหรือ
ต่างไปจากสตรีที่เปลี่ยนไปอวบอ้วนหลังคลอด ชายาอ๋องผู้นี้รูปร่างยิ่งดูสะโอดสะองมากกว่าแต่ก่อน เพียงแต่ดวงตาคู่งามที่มองนางนั้นไร้ความเกรงใจ ทั้งยังแฝงกระไอสังหารอยู่เล็กน้อย
ในเวลานั้นสือซิ่วจินไม่ทันตั้งตัว นางตกใจประหนึ่งเห็นผี กรีดเสียงร้องทำตัวเสียมารยาทออกมา
หลิ่วเหมียนถังยิ้มน้อยๆ เอ่ย “ข้าไม่ได้พบคุณหนูสือมานานหลายวัน คิดถึงยิ่งนัก! สบายดีหรือไม่”
สือซิ่วจินฝืนยิ้ม รีบคารวะให้หลิ่วเหมียนถังพร้อมเอ่ย “อาศัยบารมีของท่าน ข้าสบายดีเจ้าค่ะ พระชายาน่าจะเพิ่งอยู่เดือนครบ นึกไม่ถึงว่าจะออกมาเที่ยวเล่นแล้ว ฟื้นตัวได้ดียิ่ง ชวนให้คนอิจฉาจริงๆ ข้าไม่รบกวนเวลาท่องเที่ยวของท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” พูดจบนางก็รีบพาสาวใช้กับองครักษ์เดินเลี้ยวไปบนถนนสายเล็กอีกสายหนึ่งทันที
หลิ่วเหมียนถังมองแผ่นหลังที่จากไปอย่างลุกลี้ลุกลนของคุณหนูสือ ก่อนหันกลับมามองสามีตนเองอย่างแฝงความนัยลึกซึ้ง
นางต้องการเก็บคำพูดเดิมกลับมา ต่อให้จะเป็นท่อนไม้ที่ไม่เข้าใจความหวานชื่นปานใด เขาก็ยังเป็นดอกไม้หอมงดงามดึงดูดคนอยู่ดี! ช่วงเวลาที่นางเก็บตัวอยู่ในจวนอ๋อง ไม่รู้เหมือนกันว่าชุยสิงโจวทำความรู้จักเด็กสาวอายุน้อยรูปโฉมงดงามในงานเลี้ยงน้อยใหญ่ไปมากเพียงไร
ชุยสิงโจวไม่ทันสังเกตเห็นคลื่นใต้น้ำระหว่างหญิงสาวสองคนเมื่อครู่นี้ ในสายตาของเขา สือซิ่วจินก็แค่คุณหนูที่ค่อนข้างพูดมากคนหนึ่ง ไม่ได้คิดไปทางด้านนั้นโดยสิ้นเชิง
เรื่องที่ไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองขบคิด หากเมินข้ามได้ไหวหยางอ๋องก็เมินข้ามมาโดยตลอด
แต่ว่าตอนที่หลิ่วเหมียนถังเอ่ยแก้มพองว่าวันหน้านางจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงน้อยใหญ่ทุกงานเป็นเพื่อนเขา เขากลับยิ้มน้อยๆ เอ่ย “หากเจ้าชอบจะตามมาก็ได้ แต่ข้าไม่ชอบความวุ่นวายในงานเลี้ยงพวกนั้น ปกติล้วนอ้างว่าเจ้าอยู่ที่จวนสุขภาพไม่ดี จำเป็นต้องรีบกลับไปดูแลถึงได้ออกจากงานแต่หัววันได้ หากวันหน้าเจ้าตามไปด้วย ข้าก็ต้องเปลี่ยนข้ออ้างแล้ว”
หลิ่วเหมียนถังอ้าปากค้างก่อนเอ่ย “ข้าก็ว่าเหตุใดคนข้างนอกเอาแต่ลือกันว่าข้าร่างกายอ่อนแอ จะไม่รอดตอนคลอด ที่แท้ต้นตอของข่าวลือกลับมาจากท่านอ๋อง! ทว่าท่านมักป่าวประกาศว่าร่างกายข้าไม่ดีเช่นนี้ อย่าได้กระตุ้นให้คุณหนูที่มีใจหลงคิดว่าข้าใกล้ไม่รอด นางจะได้มาแทนที่เล่า…”