ไหวหยางอ๋องไม่ชอบฟังคำพูดพวกนี้ ตอนที่ตีหน้าเคร่งกำลังจะตำหนิหลิ่วเหมียนถังก็มีองครักษ์ผู้หนึ่งรีบวิ่งมารายงาน “ท่านอ๋อง แย่แล้วขอรับ ที่ตีนเขาเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันขึ้นมาแล้ว”
ที่แท้เรียกได้ว่าออกจากจวนโดยไม่ได้ตรวจดูดวงชะตาก่อน บรรดาเจ้านายของจวนชิ่งกั๋วกงกลับมาเที่ยวที่ลานล่าสัตว์ฝั่งตะวันออกวันนี้เช่นกัน
ทุกวันนี้จวนชิ่งกั๋วกงเรียกได้ว่างัดทุกกลยุทธ์ออกมา ทว่ากลับทำให้บุตรชายเสียอนาคตแทน
ได้เห็นจวนไหวหยางอ๋องยืนอยู่อย่างมั่นคงในเมืองหลวง อนาคตในราชสำนักของไหวหยางอ๋องมั่นคงเข้มแข็ง ฮูหยินชิ่งกั๋วกงก็เสียใจภายหลังจะตายอยู่แล้ว
ทุกวันนี้กัวอี้เองก็คิดถึงความดีของชุยฝูมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนเรื่องราวน้อยใหญ่ในจวนล้วนมีชุยฝูคอยจัดการดูแล ไม่มีทางให้กัวอี้ต้องมาหงุดหงิด ทั้งในมือก็มีเงินพอใช้อยู่ตลอด ออกไปเที่ยวเล่นดื่มสุรากับสหายร่วมงานข้างนอกก็ไม่เคยเป็นปัญหา
แต่ทุกวันนี้เขาต้องขอเงินผ่านมารดา เพิ่มความยุ่งยากเข้ามามาก จำนวนเงินเองก็ไม่พอใช้ ยากจะรักษาหน้าตาเอาไว้ได้
ตอนนี้ไม่มีนายหญิงของบ้าน ภาระงานส่วนมากมอบหมายให้อนุสูงศักดิ์อวี้เหราจัดการ แต่วิธีทำงานของอวี้เหราต่างไปจากชุยฝูโดยสิ้นเชิง คิดแต่อยากหาเงินให้กับบ้านสกุลเดิมของตนเอง พวกที่นาของจวนต่างสอดแทรกพี่น้องอนุของตนเองเข้ามารับช่วงต่อ
ผลปรากฏว่าตอนสิ้นปีคำนวณบัญชีออกมาเงินค่าเช่ากับผลกำไรลดน้อยลงจากปีก่อนๆ เยอะมาก
เมื่อถามอวี้เหรานางก็เต็มไปด้วยข้ออ้างมากมาย ทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย พูดตรงๆ ว่าตอนที่สกุลไก้รับนางเข้ามาเอ่ยเสียดิบดี บอกว่าแม้จะเป็นอนุ แต่ไม่ด้อยไปกว่าภรรยาเอกที่ตรงใด
ไม่นึกว่าทุกวันนี้ชีวิตของนางจะไร้เกียรติเสียยิ่งกว่าหัวหน้าสาวใช้ของจวนอื่น
ก็แค่เติมเงินให้กับบ้านสกุลเดิม กลับซักถามละเอียดไม่จบไม่สิ้นราวกับไต่สวนคดี เป็นถึงจวนชิ่งกั๋วกง เทียบกับครอบครัวเจ้าของที่ดินทั่วไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!
กัวอี้เถียงสู้นางไม่ได้ นอกจากความอับจนปัญญาเขาก็ยิ่งคิดถึงชุยฝูมากกว่าเดิม ในที่สุดก็ตระหนักถึงความดีของชุยฝูผู้ปากแข็งใจอ่อน ตอนที่ชุยฝูแต่งให้ตนเองเคยขนย้ายข้าวของกลับบ้านสกุลเดิมเหมือนมุสิกย้ายบ้านเช่นนี้ที่ใดกัน ซ้ำยังคอยชดเชยให้เขาแทน ไม่เคยต้องให้เขาเป็นกังวลเรื่องเงินทอง
หลังมีความคิดเช่นนี้ กัวอี้ยิ่งมีความตั้งใจในเรื่องคืนดีกับชุยฝูมากกว่าเดิม
แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ที่ลานล่าสัตว์ เขาจะได้เห็นเจ้าหลี่กวงไฉผู้นั้นยืนอยู่ข้างกายชุยฝู ชื่นชมดอกเหมยกันในสวนดอกเหมย ทั้งยังยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นาง ปัดกลีบดอกไม้ที่โปรยปรายลงมาอย่างกระตือรือร้นอีกต่างหาก
กัวอี้โมโหจนหน้าแดง รู้สึกว่าตนเองมีเมฆเขียวปกคลุมศีรษะ เขาเดินเข้าไปพูดจาถากถางหลี่กวงไฉทันที
ฝีปากของหลี่กวงไฉนั้นฝึกฝนมาตั้งแต่ตอนเป็นผู้ช่วยนายอำเภอในชนบท ปรับท่าทีระหว่างสง่างามกับป่าเถื่อนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยามเอ่ยจิกกัดคนขึ้นมาราวกับคมใบหลิวเฉือนเนื้อ เพียงไม่กี่คำก็ยั่วโมโหกัวอี้จนตัวระเบิดแล้ว
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 16 ก.พ. 66 เวลา 12.00 น.