ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 142-143
แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของพี่สาวสำคัญกว่า ระหว่างเขากับสหายกวงไฉย่อมมีเรื่องให้คุยกันในภายหลัง
หลังกัวอี้ได้ยินว่าชุยฝูหมั้นหมายกับหลี่กวงไฉแล้วดวงตาก็เบิกกว้างทันใด รอให้ชุยฝูแย้งกลับ
แต่ว่าชุยฝูก้มหน้าไม่พูดอะไรราวกับยอมรับเงียบๆ ทำเอากัวอี้โมโหจนชี้หน้าชุยฝูแล้วเอ่ย “ในเมื่อเจ้าคิดแต่งงานใหม่ ถ้าอย่างนั้นจิ่นเอ๋อร์ก็ไม่อาจอยู่กับเจ้าแล้ว วันพรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปรับบุตรกลับมา! หากเจ้าไม่ยอมปล่อยจิ่นเอ๋อร์ ข้าจะฟ้องร้องไปถึงศาลเฉิงเทียน ต่อให้เจ้าเป็นบุตรสาวจวนไหวหยางอ๋องก็ต้องทำตามกฎหมาย! คอยดูว่ากฎหมายของต้าเยี่ยนจะยอมให้แย่งบุตรคนโตของผู้อื่นไปหรือไม่!”
พูดจบกัวอี้ก็ไม่สนใจอวี้เหราที่กำลังเช็ดเลือดกำเดาให้เขา เอ่ยประโยคข่มขู่อย่างโมโหเสร็จก็กลับหลังหันจากไป
ฮูหยินชิ่งกั๋วกงเองก็โมโหจนตัวสั่น พูดว่าจะจับตัวหลี่กวงไฉไปส่งที่ว่าการ
หลิ่วเหมียนถังเลิกคิ้วถามบ่าวรับใช้ของหลี่กวงไฉ “เมื่อครู่นี้ผู้ใดลงมือก่อน”
บ่าวรับใช้ผู้นั้นตะโกนเสียงดัง “เป็นใต้เท้ากัวไม่พูดไม่จาก็เข้ามารัดคอใต้เท้าพวกเราก่อนขอรับ!”
หลิ่วเหมียนถังหันกลับไปเอ่ยกับฮูหยินชิ่งกั๋วกง “คุณชายบ้านพวกท่านลงมือทำร้ายคนแล้ว ยังไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายตอบโต้กลับหรือไร มิหนำซ้ำเรื่องที่วันนี้พวกท่านหยามเกียรติความบริสุทธิ์ของพี่สาวข้ายังต้องมาถกกันโดยละเอียดอีกด้วย ต่อให้พวกท่านไม่ไปที่ว่าการ พวกเราจวนไหวหยางอ๋องเองก็ไม่มีทางปล่อยไป!”
ฮูหยินชิ่งกั๋วกงโมโหจนพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายนำคนหันหลังจากไป
ยามนี้ชุยฝูเองก็โมโห เพียงถลึงตาใส่ ‘คู่หมั้นสดใหม่’ อย่างหลี่กวงไฉไปหนหนึ่ง ก่อนหันตัวกลับจากไปเช่นกัน
รอเข้าไปในห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยม ชุยฝูปลดเสื้อกันลมออก จัดผมแล้วเริ่มเล่นงานหลี่กวงไฉ “ใครบอกว่าจะแต่งกับท่าน ท่านพูดต่อหน้าคนมากมายเพียงนั้นว่าข้าเป็นคู่หมั้นท่านได้อย่างไร”
หลี่กวงไฉเอ่ยอย่างไม่ลนลาน “ข้าเป็นขุนนางมาหลายปี เบี้ยรายเดือนมีจำกัด ที่นากับบ้านของบิดามารดาที่เสียไปนานแล้วเหลือทิ้งเอาไว้ต่างจดลงสมุด รวมถึงเทียบตกฟากของข้าก็มอบให้ไหวหยางอ๋องทั้งหมดไปนานแล้ว เพียงแต่ไหวหยางอ๋องเอ่ยชัดว่าทุกวันนี้หากท่านจะแต่งงาน ครั้งแรกอิงตามบิดามารดา ครั้งที่สองให้อิงตามตนเอง ดังนั้นเขาเลยไม่สามารถตัดสินใจแทนท่านได้เช่นกัน ให้ข้ารอคำตอบรับจากท่าน วันนี้กัวอี้พูดว่าระหว่างข้ากับท่านมีลับลมคมในกัน ข้าเองก็ร้อนใจถึงได้พูดโพล่งออกไป…หากท่านไม่เต็มใจ รอเรื่องนี้ผ่านพ้นก็ให้ไหวหยางอ๋องเอาเทียบตกฟากของข้ามาขว้างใส่หน้าข้าต่อหน้าสหายร่วมงานก็ได้ บอกว่าวันเกิดของข้าเป็นอริกับคุณหนู หากแต่งงานกันเกรงว่าจะไม่เหมาะสม ถอนหมั้นกันก็พอแล้ว…”
“ท่าน…” หลี่กวงไฉพูดอย่างอ่อนน้อมยอมให้ทุกทาง ชุยฝูถึงขั้นไร้คำพูดไปชั่วขณะ
ชุยสิงโจวเห็นหลิ่วเหมียนถังเบิกตากว้าง รับชมงิ้วอย่างสนุกสนาน ขาดก็เพียงกำเมล็ดแตงกับยกเก้าอี้มานั่งรับชมแล้ว
ดังนั้นเขาจึงดึงตัวหลิ่วเหมียนถังออกไปจากห้องส่วนตัว ย้ายไปห้องข้างๆ แทน “ในเมื่อเป็นเรื่องที่ให้พวกเขาสองคนปรึกษากัน พวกเราอยู่ที่นั่นมิใช่ส่วนเกินหรือ…กับข้าวยกมาวางแล้ว ปลาเปรี้ยวหวานของร้านนี้รสชาติดีเยี่ยม เจ้ากินดูตอนร้อนๆ”
เพราะว่าอยู่ในช่วงให้นม อาหารที่หลิ่วเหมียนถังกินในช่วงนี้จึงไม่ใส่เกลือเท่าไรนัก เรียกได้ว่าจืดชืดอย่างมาก ตอนนี้เสี่ยวอี้เอ๋อร์อุตส่าห์โตขึ้นบ้างแล้ว นางเองก็พลอยกินอาหารรสชาติอ่อนๆ ได้บ้างแล้วเช่นกัน
พอได้ยินชุยสิงโจวเอ่ยเช่นนี้ หลิ่วเหมียนถังมองขาหมูวาววับเนื้อเด้งด้วยสายตาลุกวาว คีบหนึ่งชิ้นมากินแก้อยากก่อน จากนั้นค่อยกินปลาเปรี้ยวหวานที่ผัดเข้ารส รู้สึกว่าลิ้นตนเองได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ถึงกระนั้นหลิ่วเหมียนถังก็ยังรู้สึกว่าหลี่กวงไฉแอบเจ้าเล่ห์เกินไป ตอนนี้มาคิดดู คำพูดที่ทำให้คนสุภาพอย่างกัวอี้ยังลงมือก่อนได้นั้นจะเป็นประโยคที่น่าโมโหเพียงใดหนอ!
คงไม่ใช่ว่าหลี่กวงไฉจงใจทำเช่นนี้เพื่อยั่วยุให้กัวอี้ลงมือหรอกนะ!
พอคิดเช่นนี้หลิ่วเหมียนถังก็ถามอย่างอดไม่ได้ “เมื่อครู่นี้ใต้เท้าหลี่พูดจริงหรือ ไม่กลัวท่านจะเอาเทียบตกฟากของเขาไปขว้างใส่หน้าเขาต่อหน้าสหายร่วมงานจริงๆ?”
ชุยสิงโจวเอ่ยเอื่อยๆ “น่าจะเอาจริง แต่ว่าอีกไม่นานข้าต้องเดินทางผ่านหลิ่งหนานไปดูแลเป่ยไห่ เขาเองก็ต้องติดตามข้าไป ถึงเวลานั้นในกระโจมทหารน่าจะมีเพียงข้ากับเขา เขาย่อมไม่เสียหน้า”
หลิ่วเหมียนถังกินไปได้ครึ่งทางก็หยุดลงทันควัน สายตาจับจ้องมองเขา
เป่ยไห่เป็นสถานที่เลวร้ายเช่นไรน่ะหรือ ที่นั่นเป็นสถานที่ของสองพรมแดน มีอากาศพิษลอยล่อง ทุกหนแห่งต่างเป็นเจ้าเมืองขึ้นต่างชนเผ่า เลือดร้อนรับมือยาก เป็นสถานที่เนรเทศนักโทษมานับแต่โบราณ
เหตุใดเขาต้องไปทำงานที่นั่น แล้วไฉนนางถึงไม่รู้เรื่องนี้
ชุยสิงโจวส่ายหน้าก่อนเอ่ยอย่างจนใจ “เดิมทีพาเจ้าออกมาเที่ยว ยังไม่อยากพูดเรื่องนี้ เป่ยไห่ถูกชาววอ* รุกราน ก่อปัญหาใหญ่โตมากมาย ทหารท้องถิ่นแพ้ติดต่อกันหลายครั้ง จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก แต่ที่แห่งนั้นกลับเป็นพรรคพวกเก่าของสกุลกง หยั่งรากไว้ซับซ้อน ฝ่าบาททรงสั่งการไม่ได้จึงได้แต่ส่งข้าไปรับมือ…”
หลิ่วเหมียนถังรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีสาเหตุเพียงสั่งการคนเก่าแก่ของสกุลกงไม่ได้ ตั้งแต่สุยอ๋องเสียชีวิต สกุลสือกับคนเก่าแก่ของภูเขาหยั่งซานต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันรุนแรง แต่ละคนล้วนทุ่มสุดกำลังเพื่อจะแทนที่สกุลกง ไม่มีทางขาดแคลนลูกไม้ตุกติกอัปลักษณ์
ต่อให้ทางฝั่งเจินโจวของชุยสิงโจวอยู่นิ่งเฉยไม่ขยับไปตลอด หรือถึงไม่เคยเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย สองฝั่งนั้นก็มองไหวหยางอ๋องไม่ค่อยรื่นตา ครั้งนี้ส่งตัวขุนนางใหญ่ของราชสำนักอย่างชุยสิงโจวไปยังสถานที่เช่นนั้น ยากจะพูดว่าไม่มีแรงผลักดันจากสองขั้วอำนาจรวมอยู่ด้วย
หรือไม่แน่ว่านี่อาจเป็นแผนการฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้งของฮ่องเต้หลิวอวี้ ต้องการกำจัดชุยสิงโจวทิ้ง แน่นอนว่าหากชุยสิงโจวไม่เต็มใจย่อมมีเป็นร้อยเป็นพันวิธีให้ปฏิเสธ แต่งานที่ไม่ว่าใครก็ไม่เต็มใจทำนี้เขากลับยอมรับเอาไว้…
ความคิดนางหมุนวนไปนับไม่ถ้วน แต่หลังค่อยๆ กลืนอาหารลงไปกลับเอ่ยว่า “ข้ากับลูกจะตามท่านไปด้วย”
เดิมทีชุยสิงโจวนึกว่านางจะโมโหไม่ยินยอม ซักไซ้ว่าเหตุใดเขาต้องรับงานที่เปรียบดั่งเผือกร้อนนี้ด้วย
ย่อมไม่คาดคิดว่านางไม่แม้แต่ถามก็ต้องการจะติดตามไปด้วย เช่นเดียวกับที่เคยไล่ตามเขาไปยังซีเป่ยอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ชุยสิงโจวหัวใจอุ่นวาบ แต่ปากกลับพูดว่า “เหลวไหล! เสี่ยวอี้เอ๋อร์ยังเล็ก จะทนความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางได้อย่างไร ข้าปรึกษากับฝ่าบาทเรียบร้อย เงื่อนไขให้ข้าไปเป่ยไห่ก็คือฝ่าบาทต้องทรงอนุญาตให้เจ้ากับเสี่ยวอี้เอ๋อร์กลับเจินโจว รอกำหนดงานแต่งพี่สาวเรียบร้อย นางกับท่านแม่ก็จะกลับไปเจินโจวด้วยเช่นกัน”
หลิ่วเหมียนถังค่อยๆ วางตะเกียบลง กระทั่งขนคิ้วยังไม่ขยับ “ท่านเป็นสามีของข้า ข้าจะปล่อยให้ท่านอยู่ห่างข้าไปไกลพันลี้ได้อย่างไร ข้าเองก็รู้ว่าที่นั่นลำบาก แต่ข้าก็ตัดใจให้เสี่ยวอี้เอ๋อร์แยกจากข้า ทิ้งเขาไว้ให้ท่านแม่กับบรรดาแม่นมเลี้ยงดูจนโตไม่ได้ ในเมื่อเขาเกิดมาเป็นบุตรของท่านกับข้า บิดามารดาอยู่ที่ใด เขาก็ต้องอยู่ที่นั่น หากความลำบากแค่นี้ยังทนไม่ไหว ถ้าอย่างนั้นเขาควรไปเกิดในตระกูลอื่นแต่แรก นอนอยู่บนความดีความชอบของบิดา นั่งกินนอนกินรอความตาย ทำตัวเป็นคุณชายเสเพลที่รู้จักแต่กินดื่ม”
ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่เคยเป็นโจร คำพูดเด็ดขาดที่นางเอ่ยออกมาเป็นคำที่คุณหนูในห้องหอทั่วไปไม่มีทางพูด ในเมื่อนางเอ่ยเช่นนี้แล้ว ต่อให้ชุยสิงโจวจะพูดอะไรก็ไร้ความหมาย หากเขาไม่อนุญาตให้นางไป นางย่อมแอบตามไปได้อยู่ดี
ก่อนหน้านี้ชุยสิงโจวไม่เคยเสียใจที่ตัดสินใจไปทำลายรังชาววอยังเป่ยไห่ แต่ชั่วขณะนี้ ยามมองดูหัวหน้าโจรหญิงที่ดื้อรั้น เขาก็แอบนึกเสียใจภายหลังขึ้นมาจริงๆ แล้ว