บทที่ 145
เพียงไม่นานเด็กอ้วนก็จุมพิตลำคอมารดาจนเปียกชุ่ม
หลิ่วเหมียนถังรู้ว่าเจ้าก้อนเนื้อน้อยกำลังหิวนมก็ไม่มีเวลาสนใจซักไซ้ชุยสิงโจวอีก รีบอุ้มบุตรชายเข้าไปในห้องแทน
แต่ขณะที่บุตรชายกำลังกินอย่างอิ่มหนำ นางก็อดย้อนนึกถึงเหตุการณ์ตอนได้เจอคุณหนูสกุลสือ สือซิ่วจินที่ลานล่าสัตว์ฝั่งตะวันออกขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
คุณหนูผู้นั้นหน้าตางดงามผุดผ่อง แววตาที่มองชุยสิงโจวในยามนั้นก็ดูผิดปกติ ตอนนั้นนางยังสงสัยว่าตนเองคิดมากเกินไป ตอนนี้คิดดูอีกที บ้านตนเองตุ๋นขาหมูออกมาได้เนื้อเปื่อยส่งกลิ่นหอมปานนี้ จะไม่ล่อลวงให้สุนัขตัวอื่นน้ำลายหกได้อย่างไร
ชุยสิงโจวเดินตามเข้ามา เห็นสภาพหลิ่วเหมียนถังโมโหจนแก้มพองก็หลุดหัวเราะ “เหตุใดยังโมโหอยู่อีก สืออี้ควนเอาอนาคตมาข่มขู่ข้า เห็นว่าบุรุษทั่วใต้หล้าเป็นจื่ออวี๋บุตรเขยเขาไปกันหมด เจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนประเภทจะถูกข่มขู่ได้หรือ”
หลิ่วเหมียนถังเอียงศีรษะซบในอ้อมอกชุยสิงโจว เอ่ยอย่างอัดอั้นใจ “ผู้อื่นเพ่งเล็งท่านเช่นนี้ ข้าไม่พอใจ”
ชุยสิงโจวเห็นท่าทางหึงหวงของนางทั้งดูดุร้ายและน่ารัก ในใจก็อ่อนยวบอย่างยิ่ง กอดทั้งผู้ใหญ่และเด็กก่อนเอ่ย “ข้าเป็นของเจ้าทุกอย่างแล้ว นอนด้วยกันกับเจ้าทุกวัน ไฉนเลยจะเหลือเรี่ยวแรงไปเกี้ยวพานสตรีอื่น”
หลิ่วเหมียนถังถูกเขาเย้าจนหลุดหัวเราะในที่สุด “พูดราวกับว่าข้าเป็นคนหลงหน้าตา นอนกับท่านทุกวันที่ใดกัน ไม่ใช่ว่าท่านทำหน้านอนไม่พอทุกวันหรือไร”
ชุยสิงโจวกอดนางแน่นแล้วเอ่ย “น่าเสียดายที่ข้ากำลังจะต้องนำทัพออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน มิสู้อาศัยโอกาสที่ตอนนี้ยังไม่ไป ชายายังจะได้นอนด้วยอีกสักหน่อย…”
เพิ่งจะพูดจบชุยสิงโจวยังไม่ทันทำอะไร เสี่ยวอี้เอ๋อร์ที่กินอิ่มในอ้อมอกหลิ่วเหมียนถังก็แสดงบารมีออกมาก่อน ขมิบก้นน้อยๆ พุ่งปัสสาวะอุ่นร้อนใส่บิดาตนเองเต็มๆ
ชุยสิงโจวมองชุดคลุมยาวเปียกปอนของตนเอง จากนั้นมองบุตรชายที่พอสบายตัวแล้วก็หาวออกมาอิงแอบนอนในอ้อมกอดหลิ่วเหมียนถัง ในเวลานั้นเขาถลึงตาคิดอยากแสดงอำนาจใส่ยังไม่รู้ว่าจะแสดงใส่ใคร
หลิ่วเหมียนถังยิ้มแย้มยื่นเสี่ยวอี้เอ๋อร์ให้เขา “ข้าว่าอาศัยโอกาสที่ท่านยังไม่ไป รีบเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บุตรชายท่านเถอะ!”
ชุยสิงโจวดมกลิ่นนมอ่อนๆ บนตัวเสี่ยวอี้เอ๋อร์ รู้สึกว่าไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็กตรงหน้าล้วนชวนให้คนตัดใจไม่ลง น่าเสียดายที่เขาใกล้ออกเดินทัพเต็มที ไม่อาจเสียเวลาได้อีก
ช่วงเวลาอบอุ่นตรงหน้าคงอยู่อีกไม่นานแล้วจริงๆ หลังกองทัพใหญ่ของชุยสิงโจวรวมกำลังพลเรียบร้อย ชุยสิงโจวกับพวกผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างหลี่กวงไฉก็กรีธาทัพไปยังเป่ยไห่ก่อนแล้ว
เพราะไม่ได้จัดพิธีเดินทัพ ย่อมไม่มีชาวบ้านกลุ่มใหญ่ออกมาส่ง
มีเพียงสหายร่วมงานที่แต่ละคนรู้จักมักคุ้นมายืนส่งสุราริมถนนใหญ่เท่านั้น
ย่อมมีคนในครอบครัวทหารอย่างหลิ่วเหมียนถังมายืนส่งอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่ละคนต่างถือสัมภาระใบน้อยใหญ่ กำชับเรื่องราวในชีวิตประจำวันต่อสามีตนเอง
แต่หลิ่วเหมียนถังต่างไปจากคนในครอบครัวที่อาลัยอาวรณ์เหล่านั้น นางไม่ได้โศกเศร้ามากเกินไป ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรอีกไม่นานนางก็จะออกเดินทางตามไปแล้ว
ด้วยกังวลถึงสภาพแวดล้อม หลิ่วเหมียนถังพาทารกที่ร้องไห้กระจองอแงไปด้วยย่อมไม่อาจออกเดินทางไปพร้อมกับกองทัพได้ ดังนั้นนางจึงเตรียมตัวทำเหมือนช่วงเวลาที่ตามเขาไปซีเป่ย ติดสอยห้อยตามหลังกองทัพไปไม่ห่างก็พอ
ออกเดินทางตามหลังหนึ่งวันกำลังดี ตอนส่งสามีนางย่อมไม่ได้โศกเศร้าทุกข์ใจมากมาย
แต่ระหว่างเดินทางกลับหลิ่วเหมียนถังเห็นรถม้าแขวนป้ายสกุลสือจอดอยู่ข้างศาลาริมถนนหลัก
และคุณหนูสือซิ่วจินผู้นั้นก็ออกมาจากศาลาด้วยขอบตาแดงก่ำ ไม่รู้จริงๆ ว่าญาติคนใดในสกุลนางจะไปร่วมรบที่เป่ยไห่ด้วย
ก่อนหน้านี้หลิ่วเหมียนถังไม่รู้ความคิดของคุณหนูสือ แต่ยามนี้นางเพิ่งรู้เรื่องที่เจ้าสืออี้ควนเอาผลประโยชน์มาข่มขู่ล่อลวงให้สามีตนเองแต่งงานกับบุตรสาวคนเล็กของเขา ตอนนี้ยังเห็นคุณหนูสือผู้นี้จงใจมายืนหลั่งน้ำตาอยู่ในศาลาข้างทางด้วยสภาพหนุ่มสาวรักใคร่ลึกซึ้ง นางก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาจากใจ
ยามนั้นนางคร้านจะทำตัวมีมารยาท เพียงเหลือบมองสือซิ่วจินอย่างเย็นชาก็ปิดม่านรถม้าลงเตรียมกลับจวน