ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 144-145
วันนี้สือซิ่วจินมาหาไหวหยางอ๋องจริงๆ
เมื่อบิดาได้รู้ว่านางหลงรักไหวหยางอ๋อง เขาตำหนินางไม่หนักไม่เบาว่าไม่รู้จักสำรวม แต่ภายหลังกลับไปพูดคุยเรื่องแต่งงานเป็นนัยๆ กับไหวหยางอ๋องให้
สืออี้ควนเป็นคนรู้จักใช้โอกาส ความตั้งใจเดิมคืออยากส่งบุตรสาวภรรยาเอกของตนเองผู้นี้เข้าวังไปเพิ่มเติมสิ่งดีงาม สองพี่น้องรับใช้บุรุษคนเดียวกัน ส่งเสริมรากฐานให้สกุลสือ
ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรตอนแรกคนที่เขาให้แต่งเข้าไปก็เป็นเพียงบุตรสาวอนุที่รูปโฉมธรรมดา หากในใจฮ่องเต้จะรู้สึกรังเกียจก็เข้าใจได้ เขาจำเป็นต้องส่งบุตรสาวภรรยาเอกเข้าไปอีกคน แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดของพระสัสสุระ
แต่ว่าฮองเฮาบุตรสาวอนุผู้นั้นของเขากลับเรียกตัวมารดาของสือซิ่วจิน หรือก็คือมารดาเลี้ยงของนางเข้าวัง พูดคุยเรื่องทางบ้านด้วยสีหน้าเป็นมิตร ตอนเดินผ่านตำหนักเย็นยังได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนจากในกำแพงตำหนักเย็นของอวิ๋นเฟยอีกด้วย
ทุกประโยคที่บุตรสาวอนุผู้นี้ของเขาพูดล้วนเหมาะสม แต่ไม่รู้เหตุใดกลับทำให้มารดาเลี้ยงของนางตกใจจนกลับจวนสกุลสือไปแล้วล้มป่วยหนักไปยกหนึ่ง ซ้ำยังประกาศว่าหากจะส่งบุตรสาวคนเล็กเข้าไปในวังนางจะทุ่มสุดชีวิตกับเขา ทำเอาภายในจวนวุ่นวายไปหมด หงุดหงิดจนเขารับอนุมาอีกสองคนถึงได้ดับเพลิงเรื่องของฮูหยินลงได้
แต่ว่าพอเกิดเรื่องเช่นนี้เขาก็พอจะรู้ความคิดอ่านของบุตรสาวอนุในวังผู้นั้นแล้ว ฮ่องเต้ร่างกายอ่อนแอ ไม่อาจเข้าใกล้สตรีมากเกินไป ต่อให้เขาส่งน้องสาวแท้ๆ ของนางเข้าไปในวัง นางเองก็มีความสามารถทำให้น้องสาววัยสาวสะพรั่งนั่งเฝ้าตำหนักอย่างโดดเดี่ยว กึ่งเสียสติกึ่งเขลาเหมือนอวิ๋นเฟยได้
ตอนที่โค่นอำนาจของสุยอ๋อง สือฮองเฮาแอบวางแผนอยู่เบื้องหลังหลิวอวี้ ท่าทีเก็บงำล้ำลึกภายใต้เปลือกนอกที่ดูโผงผางชวนให้คนหวั่นเกรงอย่างห้ามไม่ได้
สืออี้ควนตระหนักถึงความร้ายกาจของบุตรสาวผู้นี้ ในเวลานั้นจึงล้มเลิกความคิดเอ๋อหวงหนี่ว์อิงธิดาจักรพรรดิเหยา หันเหไปคิดถึงเรื่องหว่านแห กลายไปเป็นพ่อตาของบุรุษที่อาจหาญมากกว่านี้แทน ไหวหยางอ๋องย่อมเป็นคนแรกที่เขาคิดดึงตัวมาเป็นพวก
รวมกับบุตรสาวคนเล็กรักใคร่อีกฝ่ายจากใจจริง ยามเขาพูดเรื่องแต่งงานขึ้นมาก็ราบรื่น
ส่วนชายาเอกจวนอ๋องอย่างหลิ่วเหมียนถัง สืออี้ควนไม่ได้เก็บมาใส่ใจโดยสิ้นเชิง แม้หลิ่วซื่อผู้นั้นจะรูปโฉมงดงาม เป็นความงามที่บุตรสาวเทียบไม่ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แต่งงานทั้งยังมีบุตรด้วยกันแล้ว บุรุษคนใดจะไม่ได้ใหม่แล้วลืมเก่าบ้าง ทั้งเมื่อเทียบกับหลิ่วเหมียนถังซึ่งปราศจากภูมิหลังใดๆ บุตรสาวภรรยาเอกผู้นี้ของเขามีภูมิหลังสะอาดสะอ้าน ทั้งยังให้ความช่วยเหลือในตำแหน่งขุนนางแก่ไหวหยางอ๋องได้อีกด้วย
แต่คิดไม่ถึงว่าไหวหยางอ๋องจะหน้าบึ้งตึง ไม่รอให้เขาพูดจบก็ไล่เขาออกไปอย่างไม่ไว้หน้า
สืออี้ควนอับอายขายหน้าจนสิ้น พอกลับไปถึงจวนก็บันดาลโทสะครั้งใหญ่ บอกให้สือซิ่วจินล้มเลิกความคิดนี้เสีย
เดิมทีคุณหนูสือผุดความหวังขึ้นมาโชติช่วง ทว่านึกไม่ถึงว่ามันจะดับมอดลงอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ จิตใจของเด็กสาวเองก็ไม่อาจยอมรับได้
วันนี้นางได้ยินว่าเป็นวันที่ไหวหยางอ๋องจะเคลื่อนทัพ จึงแอบเดินทางลับหลังบิดามาถนนนอกเมืองพร้อมกับสาวใช้
เมื่อครู่นี้อยู่ในศาลาริมทาง นางมองเห็นไหวหยางอ๋องสวมชุดเกราะทองคำเงาวับ ขี่อยู่บนหลังม้าอย่างผึ่งผาย แลดูน่าหลงใหลเสียยิ่งกว่าอยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวสวมเข็มขัดหยกตามปกติเสียอีก
บุรุษที่องอาจเพียงนี้กลับไม่อาจเป็นสามีของนาง จะไม่ให้ในใจเกิดความขัดเคืองขึ้นมาได้อย่างไร
และตอนนี้พอนางได้เห็นชายาไหวหยางอ๋อง ก็คิดว่าเป็นเพราะสตรีนางนี้ ตนเองถึงไม่อาจครองคู่กับไหวหยางอ๋องได้
ขอเพียงสตรีนางนี้เป็นเหมือนสตรีแสนดีในงิ้ว ยอมถอยเองก่อน เต็มใจลดขั้นลงเป็นอนุ ก็จะช่วยสนับสนุนอนาคตของสามีได้ ไม่ต้องให้เขาถึงขั้นต้องเดินทางไปสู้รบไกลยังถิ่นทุรกันดารอย่างเป่ยไห่แล้วไม่ใช่หรือ
มนุษย์เรามักเป็นเช่นนี้ ยามคิดอะไรล้วนมองจากมุมที่ตนเองได้ผลประโยชน์ พอสือซิ่วจินคิดเช่นนี้ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น แน่ใจว่าหลิ่วเหมียนถังไม่ดีพอ ศีลธรรมไม่คู่ควรกับตำแหน่ง!
เส้นทางไปกลับของคนในครอบครัวที่มาส่งล้วนเป็นถนนใหญ่สายหนึ่ง ตอนเดินทางอยู่บนถนนใหญ่ยังดี ก็แค่รถม้าเคลื่อนตามกันไป
แต่พอไปถึงคูเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากประตูเมือง เนื่องจากบนสะพานมีการติดตั้งแนวกั้นให้รถม้าเดินทางช้าลง ป้องกันไม่ให้สะพานโคลงเคลง ดังนั้นคนในครอบครัวส่วนใหญ่จึงลงจากรถม้าข้างสะพานแล้วเดินเท้าไปต่อ
หลิ่วเหมียนถังเองก็ทำเหมือนกับหญิงสาวของจวนอื่น ลงจากรถม้าไปเดินภายใต้การประคองของสาวใช้
เพราะส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในครอบครัวทหาร ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคยกันดี จึงเดินไปคุยกันไป ครึกครื้นอย่างมาก
ในบรรดาคนเหล่านั้นมีหญิงสาวของครอบครัวทหารตอนอยู่ซีเป่ย ซึ่งเคยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับหลิ่วเหมียนถังด้วย ต่างเคยมาซื้อยาที่ร้านยาของนางกันทั้งนั้น
เพียงแต่ตอนนั้นตำแหน่งการงานของสามีพวกนางล้วนไม่สูง ยิ่งไม่รู้ว่าหลิ่วเหมียนถังเป็นคนของไหวหยางอ๋อง แต่ตอนนี้สามีพวกนางส่วนใหญ่พากันได้เลื่อนขั้น บางคนถึงขั้นเป็นแม่ทัพ ขณะที่เถ้าแก่เนี้ยร้านยาของซีเป่ยยิ่งแล้วใหญ่ สูงศักดิ์เป็นถึงชายาไหวหยางอ๋องแล้ว
ในสายตาของคนในครอบครัวทหารเหล่านั้น ไม่เคยมองว่าหลิ่วเหมียนถังเป็นอนุของท่านอ๋องแต่อย่างใด
สมัยหลิ่วเหมียนถังอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ของซีเป่ยมีความสามารถมากเพียงไรทุกคนล้วนได้เห็นกับตา ท่านอ๋องไม่ได้เลือกสรรดอกไม้งดงามอย่างบุตรสาวของตระกูลสูงศักดิ์ แต่เลือกหญิงสาวที่พร้อมร่วมเป็นร่วมตายกับตนเอง ถึงชวนให้คนเลื่อมใสมากที่สุด!
ความรู้สึกที่ผ่านทุกข์สุขร่วมกับบุรุษ จนกระทั่งรอมาถึงวันที่หมดทุกข์ได้เช่นนี้ มีเพียงคนที่เคยผ่านมาเหมือนกันถึงจะเข้าใจลึกซึ้ง
แม้หลิ่วเหมียนถังจะสูงศักดิ์เป็นถึงชายาอ๋อง ทว่ากลับสนิทสนมกับบรรดาคนในครอบครัวทหารเหล่านี้ เรียกขานกันเป็นพี่สะใภ้น้องภรรยา ซึ่งก็เรียกตามความเคยชินเหมือนยามอยู่ซีเป่ย ถึงแม้พวกนางส่วนมากจะเป็นหญิงสาวจากบ้านนอก แต่สามีพวกนางล้วนเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบกับท่านอ๋องทั้งสิ้น
หลิ่วเหมียนถังปฏิบัติต่อพวกนางด้วยความเป็นมิตรไม่ต่างจากปฏิบัติต่อญาติพี่น้องตนเอง ทำให้บรรดาหญิงสาวในครอบครัวที่เพิ่งเศร้าเสียใจกับการแยกจากสามีรู้สึกอบอุ่นใจ รู้สึกว่าคู่สามีภรรยาอ๋องช่างคบหาด้วยง่าย
สือซิ่วจินเองก็ลงจากรถม้าเตรียมเดินผ่านสะพาน เมื่อเห็นบรรดาหญิงสาวข้างหน้าแต่ละคนพูดคุยเสียงดังแฝงสำเนียงท้องถิ่นกันทั้งนั้น นางก็รู้สึกดูถูกขึ้นมาจากใจ
จากนั้นมองหลิ่วเหมียนถังที่สนิทสนมกลมเกลียวกับพวกนางอีกทีก็ยิ่งดูแคลนมากขึ้นกว่าเดิม เป็นถึงชายาอ๋องบรรดาศักดิ์ คำพูดคำจากลับไม่ต่างจากหญิงชาวบ้าน ไม่รู้จริงๆ ว่าไหวหยางอ๋องถูกใจอะไรในตัวนาง
กลุ่มสาวใช้ของสือซิ่วจินรู้ถึงความไม่เป็นธรรมที่คุณหนูของตนเองได้รับ ตอนนี้เห็นสภาพวุ่นวายข้างหน้าก็โมโห
หนึ่งในสาวใช้ชอบทำตัวเป็นสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีพยัคฆ์ ตะโกนเสียงแหลมสูงขึ้นมา “แต่ละคนเห็นสตรีสกุลสือเดินทางก็ไม่รู้จักหลบเลี่ยง หรือไม่รู้ว่าคุณหนูของพวกเราเป็นพระขนิษฐาของสือฮองเฮาหรือไร!”
หากพูดถึงเรื่องออกหน้าระบายโทสะแทนเจ้านาย ปี้เฉ่าแห่งจวนไหวหยางอ๋องเองก็นับเป็นอันดับต้นๆ เช่นกัน
ครั้นได้ยินสาวใช้ของสกุลสือที่อยู่ด้านหลังทำตัวอวดดีเพียงนี้ ปี้เฉ่าพลันตะโกนเสียงสูงตอบกลับทันที “วันนี้เป็นวันที่กองทัพใหญ่เจินโจวกรีธาทัพไปออกรบยังเป่ยไห่ ผู้ที่มาส่งล้วนเป็นคนในครอบครัว พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณหนูสกุลสือจะมาส่งด้วย ย่อมไม่รู้ว่าต้องหลบเลี่ยง แต่ว่าขอหาญกล้าถามสักคำ คนที่คุณหนูพวกเจ้ามาส่งเป็นญาติผู้พี่ผู้น้องคนใดของสกุลสือหรือ!”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนกุมภาพันธ์ 66)