บทที่ 4
นางพบเขาอีกครั้งที่นอกเมือง
วันนั้นท้องฟ้ามีเมฆหนาและลอยต่ำมาก หลายวันนั้นฝนตกอยู่เสมอ พอเห็นฝนหยุด นางก็รีบเปลี่ยนมาสวมชุดบุรุษ ให้ลู่อี้พาออกจากบ้าน
ผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้ว ป้าชุ่ยไม่โต้แย้งกับนางเรื่องที่นางออกไปทำการค้าข้างนอกอีก ลุงชิวกับลู่อี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทุกครั้งเวลานางจะออกจากเมือง ไม่ว่าอย่างไรลุงชิวก็ต้องสั่งให้ลู่อี้พานางไปให้ได้
นางจำได้ว่าครั้งแรกที่ลู่อี้เห็นนางสวมชุดบุรุษ เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
นางเป็นคุณหนู เป็นเจ้านายของเขา เขาจึงหลับตาข้างลืมตาข้างกับการกระทำของนาง ไม่เคยปริปากพูดอะไรสักคำ แม้ว่าอันที่จริงเขาจะพูดน้อยมากอยู่แล้วก็ตาม
ภายหลังเมื่อรู้ว่านางทำอะไรอยู่ เขายิ่งไม่พูดอะไรสักคำ ให้เขาบรรทุกคน เขาก็บรรทุกคน ให้เขาบรรทุกของ เขาก็บรรทุกของ แม้ขาจะพิการ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษ จะอย่างไรก็มีเรี่ยวแรงมากกว่านางเยอะ
ลู่อี้บังคับรถเทียมลา บรรทุกนางที่สวมชุดบุรุษไปรับสินค้าจากหญิงชาวนานอกเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ คิดไม่ถึงว่าขากลับ ทั้งสองกำลังจะออกจากทางเล็กเข้าสู่ถนนใหญ่ สุนัขล่าเนื้อตัวหนึ่งพลันพุ่งออกมาข้างหน้า ลาแก่ได้รับความตกใจจึงพารถเอียงไปด้านข้าง จังหวะที่รถเอียง ล้อรถก็จมลงไปในแอ่งโคลน
สุนัขล่าเนื้อเห่ารถไม่หยุด แต่พอลู่อี้ลงจากรถ มันก็ตกใจจนวิ่งหนีหายไป นางจึงลงมาจากรถ ให้ลู่อี้บังคับลาแก่ตัวนั้นและพยายามลากรถขึ้นมา แต่ลาแก่ออกแรงสุดกำลังแล้ว รถก็ยังไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ลู่อี้เดินกะเผลกไปด้านหลัง ม้วนแขนเสื้อขึ้นและทำไม้ทำมือ ตอนแรกนางไม่เข้าใจ จากนั้นก็เห็นเขาพยายามจะเข็นรถ ทำเอานางตะลึงงัน ขาของเขาพิการ จะเข็นไหวได้อย่างไร
นางรีบเข้าไปห้ามเขา
‘ไม่ต้องลู่อี้ อย่าลำบากเลย เจ้ารออยู่ตรงนี้ เฝ้าลากับรถไว้รวมถึงสินค้าในรถด้วย ข้าจะไปด้านหน้าหาคนมาช่วย’
ลู่อี้จ้องนาง ขมวดคิ้วส่ายหน้า เอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้งอย่างหาได้ยากยิ่ง
‘ข้าไปเอง’
‘ข้ารออยู่ที่นี่คนเดียว หากเจอโจรแล้วถูกปล้นเอาของไป พวกเรายังจะทำการค้าอะไรได้อีก’ นางไม่ให้โอกาสเขาปฏิเสธ ก้าวฉับๆ ไปข้างหน้าพลางหันกลับมาพูด ‘รอข้าอยู่ที่นี่ ข้าไปเดี๋ยวเดียวเท่านั้น’ พูดพลางก้าวขึ้นไปบนถนนใหญ่อย่างว่องไว
วันนี้แม้ฝนจะไม่ตก แต่บนถนนมีแอ่งน้ำและโคลนขังอยู่ไม่น้อย เดินไม่นานรองเท้าผ้าของนางก็เปียกชื้น แม้แต่ขากางเกงก็เปื้อนโคลนไปด้วย
แม้ตรงนี้จะเป็นถนนใหญ่แล้ว แต่อยู่ห่างจากทางหลวงพอสมควร บนถนนไม่เห็นเงาคนเลยสักคน นางเดินอยู่พักใหญ่จึงเห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นมาแต่ไกลจึงยื่นมือไปโบกและร้องตะโกน คนบังคับรถม้าก็ชูมือขึ้น เดิมทีนางคิดว่าคนขับจะหยุดรถ คิดไม่ถึงว่าคนขับรถจะชูมือเพียงเพื่อสะบัดแส้ แส้สีดำของเขาฟาดไปที่สะโพกของม้า ด้วยความเจ็บม้าจึงออกแรงเหยียดฝีเท้าเต็มที่ ลากรถม้าแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
นางเห็นดังนั้นก็ตกใจ ไม่กล้ายืนขวางอยู่บนถนนและรีบหลบไปด้านข้าง แต่ยังคงถูกโคลนที่กระเด็นมาจากล้อรถสาดจนเปื้อนไปทั้งศีรษะและใบหน้า
นางยืนอึ้งอยู่ริมทาง ทั้งโมโหและขบขัน ได้แต่เช็ดโคลนบนใบหน้า ขณะที่คิดจะหาลำธารเพื่อล้างหน้านั้นเอง นางก็ได้ยินเสียงเกือกม้าดังมาแต่ไกล