ทดลองอ่านคู่อุ่นไอร่ายรัก บทที่สี่ – หน้า 10 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

คู่อุ่นไอร่ายรัก

ทดลองอ่านคู่อุ่นไอร่ายรัก บทที่สี่

10 of 10หน้าถัดไป

ไกลออกไป นางเห็นสีหน้าเขาไม่ชัด แม้แต่เงาร่างเขาก็แทบมองไม่เห็น เห็นความครึกครื้นทางฝั่งนั้นแล้วนางก็รู้ว่าเขาคงไม่มีเวลามา จึงได้แต่หันกลับไปบอกให้ป้าชุ่ยกับอวิ๋นเซียงนั่งลง พวกนางสามคนกินข้าวด้วยกัน

‘คิดไม่ถึงว่าการแข่งเรือมังกรจะน่าสนุกขนาดนี้ เมื่อครู่ข้าดูอยู่ ยังคิดว่าเรือจะล่มแล้วเสียอีก’ ป้าชุ่ยกินไปพลางย้อนคิดถึงภาพอันน่าตื่นตกใจเมื่อครู่นี้ไปพลาง ลืมคำพูดติดปากที่นางมักพูดอยู่เป็นประจำว่าเวลากินข้าวต้องตั้งใจกิน อย่าพูดคุยไร้สาระ

‘ใช่ เมื่อครู่ตอนลงจากรถข้าก็ได้ยินคนบอกว่าเมื่อเช้ามีเรือล่ม’ เวินโหรวยิ้มพลางตักน้ำแกงถ้วยหนึ่งให้อวิ๋นเซียงที่สายตาไม่ดี ‘โชคดีที่ล้วนแล้วแต่เป็นชาวประมงที่ว่ายน้ำเก่ง ตกน้ำกันเป็นประจำอยู่แล้ว’

‘นั่นสิ จะว่าไปแล้ว โจวชิ่งผู้นั้นฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ เดิมทีข้าคิดว่าเขาต้องตกน้ำแน่ แต่บังเอิญเหลือเกินที่บ่าวของเขาขว้างเสาธงออกไปเสียก่อน’

เวินโหรวอมยิ้มพูดต่อ ‘ไม่ใช่ความบังเอิญ คนผู้นั้นชื่อโม่หลี เป็นคนที่คอยติดตามข้างกายโจวชิ่ง ละเอียดรอบคอบมาก เขาน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว หาไม่ธงนั้นปกติเสียบอยู่ท้ายเรือ หากเพิ่งนึกขึ้นได้กะทันหันจะไปคว้ามาทันได้อย่างไร’

‘ก็ใช่ ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบจริงๆ ถึงคว้าธงมาได้ทัน’ ป้าชุ่ยพยักหน้า ‘ธงผืนใหญ่นั้นหนักทีเดียว ชายคนนั้นสามารถยกธงขึ้นได้ช่างร้ายกาจจริงๆ น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เช่นกันกระมัง’

‘หากมิใช่ผู้ฝึกยุทธ์จะติดตามข้างกายโจวชิ่งได้อย่างไร’ เวินโหรวหยิบชาร้อนขึ้นมาเป่า ‘มากน้อยอย่างไรก็คงเคยฝึกวิชายุทธ์มาบ้าง’

ป้าชุ่ยฟังแล้วขมวดคิ้ว

‘เจ้าอยู่ข้างนอกต้องระวัง ครั้งหน้าหากเจอโจวชิ่งผู้นี้อีก ควรหลบเลี่ยงให้ไกลที่สุด ใช่แล้ว ไหนเจ้าบอกว่าวันนี้จะมีแขกคนอื่นด้วยมิใช่หรือ ไฉนจึงยังไม่เห็นมีใครมาเลย’

ได้ยินดังนั้นชาที่เวินโหรวดื่มลงไปครึ่งหนึ่งก็เกือบถูกพ่นออกมา

นางกลัวป้าชุ่ยจะบ่นนี่แหละ จึงไม่ได้บอกก่อนว่าแขกที่มาเป็นใคร บอกเพียงว่าเป็นการกินข้าวสังสรรค์กับคู่ค้า ตอนนี้ได้ยินเช่นนี้จึงตัดสินใจตอบไปว่า

‘แขกผู้นั้นมีธุระ ไม่มาแล้วล่ะ’

มีเรื่องมากมิสู้มีเรื่องน้อย ในเมื่อเขาไม่ว่างมา นางก็อย่าพูดถึงเลยดีกว่า ป้าชุ่ยจะได้ไม่ต้องติดใจเรื่องนี้และกลับไปบ่นนางอีก

‘อาหารโต๊ะนี้ราคาไม่น้อยเลยกระมัง’ ป้าชุ่ยมองอาหารที่เรียงรายเต็มโต๊ะแล้วอดถามไม่ได้

‘พอไหว’ นางยิ้มตอบ ‘กินไม่หมดพวกเราค่อยเอากลับไปให้ลุงชิวกับลู่อี้เป็นกับแกล้มสุรา’

‘หากจะให้เป็นกับแกล้มสุราก็เยอะเกินไปหน่อย พวกเขาสองคนจะกินหมดได้อย่างไร’ ป้าชุ่ยยิ้มพูด ‘ของพวกนี้นำไปเป็นอาหารของพวกเราได้หลายมื้ออย่างเหลือเฟือด้วยซ้ำ ไก่ขาวสับเอากลับไปสามารถต้มน้ำแกงไก่ได้ พระกระโดดกำแพงสามารถเอาไปต้มโจ๊ก เนื้อวัวหมักซีอิ๊วเอาไปต้มบะหมี่ ไก่ผัดพริกกินกับข้าว ตอนนี้พวกเรากินแค่ซี่โครงหมูน้ำแดงกับปลาก็พอ’

นางฟังแล้วยิ้ม ‘เช่นนั้นหลายวันต่อจากนี้คงต้องดูป้าชุ่ยแสดงฝีมือเสียแล้ว’

‘เจ้าเด็กคนนี้ ปากหวานขนาดนี้หัดมาจากใครกันนะ’

‘แน่นอนว่าย่อมเป็นป้าชุ่ยอยู่แล้ว’ พูดพลางไม่ลืมส่งขนมจ้างไส้หวานลูกหนึ่งออกไป ‘ป้าชุ่ยรีบกินของหวานเถอะ ปากหวานแล้วใจจะได้หวานไปด้วย’

ป้าชุ่ยมองนางอย่างขบขัน แต่ยังคงยื่นมือไปรับ

เวินโหรวดูแลอวิ๋นเซียงข้างกายพลางพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับป้าชุ่ย กินอาหารไปไม่มากเท่าไร แต่จิตใจกลับผ่อนคลายขึ้นมาก

แม้โจวชิ่งจะไม่ว่างมา แต่นางกลับรู้สึกโล่งอก

ที่นี่เป็นสถานที่ปลอดโปร่งสะอาดสะอ้าน อาหารอร่อย มองออกไปข้างนอกเห็นท้องน้ำกว้างขวาง ได้มองน้ำในทะเลสาบ มองคลื่นน้ำที่พลิ้วไหวน้อยๆ แล้ว ทำให้คนอารมณ์ดีตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

กว่าครึ่งปีที่ผ่านมานางยังไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเหมือนเช่นครั้งนี้มาก่อนเลย

แม้สุดท้ายตอนหยิบถุงใส่เงินขึ้นมาจ่ายค่าอาหาร หัวใจนางจะเจ็บปวดนิดๆ แต่เห็นป้าชุ่ยกับอวิ๋นเซียงกินข้าวอย่างมีความสุขเช่นนี้ นางก็คิดว่าคุ้มแล้ว

 

* เทศกาลตวนอู่ จัดขึ้นทุกวันที่ห้าเดือนห้าตามจันทรคติเพื่อระลึกถึงชวีหยวน กวีและขุนนางผู้พลีชีพตนเพื่อต่อต้านความอยุติธรรมในราชสำนัก ในเทศกาลนี้ผู้คนจะทำขนมจ้างเซ่นไหว้เทพเจ้า มีประเพณีแข่งเรือมังกรในแม่น้ำ

* พระกระโดดกำแพง เป็นชื่ออาหารขึ้นชื่อของมณฑลฝูเจี้ยน ปรุงด้วยเนื้อสัตว์สิบแปดชนิด เครื่องเทศและสมุนไพรสิบสองอย่าง เล่ากันว่าในสมัยราชวงศ์ถังมีหลวงจีนรูปหนึ่งได้กลิ่นหอมของอาหารชนิดนี้แล้วถึงกับอดใจไม่ไหว ยอมละทิ้งตบะที่บำเพ็ญเพียรมาหลายปีปีนกำแพงออกไปลิ้มรส จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘พระกระโดดกำแพง’

** เทพซานไท่จื่อ เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของเทพนาจา

* ลายหมั่ง เป็นชื่อลวดลายโบราณของจีน ลักษณะคล้ายลายมังกร แต่อุ้งเท้ามีสี่นิ้ว ต่างจากมังกรที่มีห้านิ้ว

* ต้อนเป็ดขึ้นคอน ปกติเป็ดจะไม่สามารถบินขึ้นไปเกาะคอนเหมือนไก่ได้ สำนวนนี้จึงเปรียบเปรยถึงการบังคับให้ผู้อื่นทำในสิ่งที่ความสามารถไม่เพียงพอที่จะทำได้

10 of 10หน้าถัดไป

Comments

comments

Continue Reading

More in คู่อุ่นไอร่ายรัก

  • คู่อุ่นไอร่ายรัก

    ทดลองอ่านคู่อุ่นไอร่ายรัก บทที่ห้า

    By

      บทที่ 5 พ้นเทศกาลตวนอู่ไป อากาศค่อยๆ ร้อนขึ้น เนื่องจากอากาศร้อน ผ้าเช็ดหน้ากับผ้าเช็ดมือปักลาย ตลอดจนพัดที่ปักลวดลายจึงขายดีเป็นพิเศ...

  • คู่อุ่นไอร่ายรัก

    ทดลองอ่านคู่อุ่นไอร่ายรัก บทที่สาม

    By

    บทที่ 3 คนบอกโมงยามเคาะกรับไม้ เวลานี้ยามสี่แล้ว ด้วยสาเหตุใดก็มิทราบได้ นางตื่นขึ้นมากลางดึก พระจันทร์นอกหน้าต่างเคลื่อนตัวเงียบๆ เกือบจะจม...

  • คู่อุ่นไอร่ายรัก

    ทดลองอ่านคู่อุ่นไอร่ายรัก บทที่สอง

    By

    บทที่ 2 “นายท่าน นายท่าน...ข้าขอร้องล่ะ...” บนถนนการค้า เสียงอ้อนวอนอย่างทุกข์ระทมลอยมา ผู้คนได้ยินเสียงต่างหันกลับไปมอง เห็นสามีภรรยาคู่หนึ...

  • คู่อุ่นไอร่ายรัก

    ทดลองอ่านคู่อุ่นไอร่ายรัก บทที่หนึ่ง

    By

    บทนำ อ่อนโยน   ฤดูใบไม้ผลิ เหนือคลื่นน้ำสีเขียว ต้นหลิวเขียวขจีพลิ้วโบกตามสายลม ชายหนุ่มนั่งงอเข่า พิงราวกั้นบนเรือสำราญด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย ...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com