บทที่ 339
ขณะเฉินกวงพูดว่า ‘นึกออก’ แล้ว เขากลอกตามองไม่หยุด อยากจะตรึงสายตาอยู่ที่ใบหน้าของผู้เป็นนายใจจะขาด
มือของเซ่าหมิงยวนกระตุกเล็กน้อย เขาคิดจะฟาดเฉินกวงสักที แต่คำนึงถึงว่าคนตรงหน้ายังเป็นคนป่วยถึงฝืนข่มใจไว้ เอ่ยเสียงห้วน “รีบพูด!”
เจ้าหนุ่มตัวเหม็น ไม่โดนสั่งสอนมาพักหนึ่งก็ชักกำเริบ
“ท่านแม่ทัพมอบของขวัญให้สหายผู้นั้นได้ขอรับ”
เซ่าหมิงยวนทำหน้าผิดหวัง “พวกแก้วแหวนเงินทองดูเหมือนฝ่ายนั้นไม่เห็นอยู่ในสายตามากเท่าไร อีกอย่างมอบให้ในเวลาเช่นนี้ก็ไม่เหมาะสม”
คุณหนูหลีกำลังเสียใจ เขามอบเงินหยวนเป่าให้หนึ่งหีบ? แม้ว่าเขาไร้ประสบการณ์ แต่แค่นึกภาพนั้นในหัวก็ยังรู้สึกไม่เข้าที
เฉินกวงเบะปาก ท่านแม่ทัพปากไม่ตรงกับใจ ยังจะทำปฏิเสธว่าไม่ใช่คุณหนูหลี เขาจำได้ชัดเจนแจ่มแจ้งว่าท่านแม่ทัพเคยมอบเงินหยวนเป่าให้คุณหนูหลีสองหีบ หาไม่แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่านางไม่เห็นอยู่ในสายตา?
“ท่านแม่ทัพ สหายธรรมดาผู้นี้ของท่านเป็นบุรุษหรือสตรีขอรับ” เฉินกวงจงใจเน้นเสียงหนักตรงคำว่า ‘สหายธรรมดา’
“หือ?”
เฉินกวงเอ่ยอธิบายกลั้วเสียงหัวเราะ “ถ้าเป็นบุรุษ อันที่จริงจะมอบเงินหยวนเป่าสักหีบก็ไม่เลว แต่ถ้าเป็นสตรีล่ะก็…”
ถึงข้าเป็นสตรี เห็นเงินหยวนเป่าหีบหนึ่งก็แสนจะยินดีปรีดาเฉกเดียวกัน!
เฉินกวงรีบปัดความคิดนี้ทิ้งไป กล่าวอย่างจริงจังขึ้นว่า “สามารถมอบสัตว์ที่น่ารักให้นางสักตัวได้ขอรับ”
“สัตว์?”
“ใช่แล้ว สัตว์ขอรับ ท่านแม่ทัพลองคิดดู หมาๆ แมวๆ พวกนั้นน่าเอ็นดูเพียงใด เวลาสหายของท่านทุกข์ใจอยู่แล้วได้เห็นพวกมัน ไม่แน่อาจช่วยเบี่ยงเบนความสนใจได้นะขอรับ”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้า “เจ้าพูดมีเหตุผลอยู่บ้าง เช่นนั้นมอบแมวให้ดี หรือว่ามอบสุนัขให้ดีล่ะ”
เฉินกวงเกือบกลอกตาขึ้นอย่างสุดระงับ
ท่านจะคิดอะไรที่มันแปลกใหม่สักนิดมิได้หรือ ท่านแม่ทัพทื่อมะลื่อเช่นนี้ ถ้าไม่ได้ข้าช่วยจะทำฉันใดนะ
“ท่านแม่ทัพ ข้าเพียงยกสุนัขกับแมวเป็นตัวอย่าง ท่านมอบสัตว์ที่พิเศษๆ ได้ขอรับ”
“เช่นว่า…” เซ่าหมิงยวนครุ่นคิดอย่างเอาจริงเอาจัง “มอบลูกม้าให้นางสักตัวเป็นอย่างไร”
เฉินกวงเหล่ตามองเซ่าหมิงยวนพลางทำสีหน้าเหยียดหยาม
ท่านแม่ทัพสมองทึบใช่หรือไม่ เคยมอบลูกม้าให้คุณหนูเฉียวหว่านไปแล้ว ตอนนี้จะมอบของขวัญอย่างเดียวกันให้คุณหนูหลี
นี่จะมอบของขวัญหรือกวนโทสะกันเล่า
“เจ้าทำหน้าเช่นนี้หมายความว่าอะไร” เซ่าหมิงยวนขมวดคิ้ว คุณหนูหลีตัวไม่สูง มอบลูกม้าให้ก็เหมาะดีนี่นา พออารมณ์ไม่ดีจะได้ไปขี่ม้าหย่อนใจ
เอ่อ…ไม่รู้ว่าคุณหนูหลีขี่ม้าเป็นหรือไม่
ครั้นคิดได้เช่นนี้ เซ่าหมิงยวนรู้สึกว่ามอบลูกม้าให้ดูจะไม่เข้าท่าจริงๆ
เฉินกวงลอบถอนใจเฮือก เห็นทีว่าจะให้ท่านแม่ทัพคิดออกเองว่ามอบของขวัญอะไรถึงจะเหมาะสม ยังมิสู้ตั้งความหวังให้แม่สุกรปีนต้นไม้จะดีกว่า
สารถีน้อยรู้สึกว่าตนมีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ตกลงปลงใจชี้ทางสว่างสายหนึ่งให้แก่ท่านแม่ทัพที่เคารพ “ท่านแม่ทัพ ยังจำนกขุนทองที่ท่านได้รับมาตอนย้ายเรือนได้หรือไม่ขอรับ”
เซ่าหมิงยวนส่ายหน้า
แม้ว่าวันที่ย้ายเรือนไม่ได้จัดงานเลี้ยงสุราใหญ่โต กลับได้รับของขวัญอวยพรไม่น้อย แค่ว่าวันนั้นถูกลิขิตให้เป็นวันแห่งความมืดมนในความทรงจำของเขาไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เรื่องสัพเพเหระพวกนั้นล้วนถูกมอบหมายให้พวกผู้ใต้บังคับบัญชาไปจัดการสะสาง ตัวเขาไม่เคยสนใจ
“นกขุนทองตัวนั้นแสนรู้ยิ่งนัก มันพูดเก่งมากขอรับ สหายของท่านเห็นแล้วต้องรู้สึกว่ามันน่ารักและแปลกใหม่ พอได้ฟังเจ้านกกล่าวคำมงคลสองสามคำ เรื่องกลัดกลุ้มใจใดๆ ล้วนหมดสิ้นไปเป็นแน่”
“เอานกขุนทองตัวนั้นมาให้ข้าดูหน่อยสิ” เขาเอ่ยสั่งขึ้น
สองเค่อต่อมา องครักษ์ผู้หนึ่งกุลีกุจอหิ้วกรงนกงามวิจิตรมาถึง
เซ่าหมิงยวนพิศดูอย่างละเอียด เห็นนกขุนทองในกรงสีดำปลอดทั้งตัว ขนเป็นมันเงา ดูท่าทางแข็งแรงปราดเปรียว
“มันพูดเป็นจริงๆ หรือ” หลังจ้องตากับเจ้านกขุนทองครู่หนึ่งเขาก็ถามขึ้น
“สมดังปรารถนา…สมดังปรารถนา…” เจ้านกขุนทองรับรู้ได้ว่าตนเองโดนสบประมาท มันจึงเปล่งเสียงอย่างร่าเริงสดใส
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างอัศจรรย์ใจ พูดเลียนเสียงคนได้เหมือนจริงถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่!
เฉินกวงลอบถอนใจ ท่านแม่ทัพขอรับ พวกคุณชายทั้งหลายในเมืองหลวงมีคนใดที่ไม่ได้เล่นกัดจิ้งหรีดหรือเลี้ยงนกจนเบื่อบ้าง ไฉนท่านทำท่าทำทางละม้ายเจ้ากวางน้อยหน้าซื่อกระนั้น