“ดูสีหน้าคุณหนูหลีไม่สู้ดีเลย”
เฉียวเจามองเขาแวบหนึ่ง นางพูดเสียงเบา “ได้ยินข่าวอย่างนั้น เป็นธรรมดาที่จะหลับไม่สนิท”
“ข้าขอโทษ…”
เฉียวเจาอดหงุดหงิดไม่ได้ นางกล่าวเอื่อยๆ “ประสบภัยธรรมชาติเป็นความผิดของแม่ทัพเซ่าหรือไร นอกจากขอโทษ ท่านพูดอย่างอื่นไม่เป็นแล้วหรือเจ้าคะ”
พูดอย่างอื่น? บอกตามตรงเรื่องจะปลอบใจสตรีนางหนึ่งเช่นไร เขาไม่มีประสบการณ์อันใดจริงๆ
เซ่าหมิงยวนขบคิดอย่างจริงจังก่อนถามขึ้น “ของขวัญเมื่อวาน คุณหนูหลีถูกใจหรือไม่”
“ของขวัญ?”
“ก็นกขุนทองตัวนั้น เดิมทีมันชื่อว่าเสี่ยวเฮย ไม่รู้ว่าท่านตั้งชื่อเพราะๆ ให้มันหรือยัง…” สังเกตเห็นเด็กสาวเบื้องหน้าทำสีหน้าแปลกไป เซ่าหมิงยวนกลืนถ้อยคำหลังกลับลงคอ
นกขุนทองตัวนั้นเปล่งเสียงเป็นคำพูดได้ อีกทั้งล้วนเป็นถ้อยคำมงคล หรือว่าคุณหนูหลีไม่ชมชอบ?
เฉียวเจามองบุรุษซึ่งทำหน้าเหลอหลาด้วยสายตาชอบกล นางเอ่ยถาม “ท่านแม่ทัพนึกอะไรขึ้นมาถึงมอบนกขุนทองให้ข้าเจ้าคะ”
แม่ทัพหนุ่มคิดคำนึงในใจ เพราะรู้สึกว่าท่านไม่ค่อยชื่นชอบแก้วแหวนเงินทองมากเท่าใดน่ะสิ
แน่นอนว่าคำกล่าวนี้เขาไม่มีทางพูดออกมา แม่ทัพหนุ่มกระแอมกระไอให้คอโล่งก่อนกล่าว “นกขุนทองตัวนั้นพูดจาได้ชวนหัวดี”
แม่นางเฉียวเลิกคิ้วขึ้นอย่างข่มใจ เรียกข้าว่าน้องหญิงตลอด นี่หรือคือที่เซ่าหมิงยวนเห็นว่าชวนหัว
“แม่ทัพเซ่าเคยได้ยินนกขุนทองตัวนั้นพูดแล้วหรือ”
เขาผงกศีรษะ “แน่นอน ข้าก็รู้สึกว่ามันพูดจาชวนหัวถึงมอบให้คุณหนูหลี หวังว่ามีมันเป็นเพื่อนท่านจะเบิกบานใจขึ้นบ้าง”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
“ท่านถูกใจก็พอ”
เฉียวเจาเก็บเข็มขึ้นแล้วเริ่มซักถามเรื่องของหมอเทวดาหลี่ “แม่ทัพเซ่า ขัดข้องหรือไม่ถ้าข้าจะขอดูสารด่วนของเยี่ยลั่วสักหน่อย”
ชายหนุ่มสวมเสื้อพลางกล่าว “อยู่ในห้องหนังสือ คุณหนูหลีตามข้ามาสิ”
ห้องหนังสืออยู่ไม่ไกลนัก นางตามเขาไปถึงที่นั่น มองปราดเดียวก็เห็นภาพวาดคนที่แขวนอยู่บนผนังฝั่งซ้าย
ในภาพเป็นสตรีชุดสีขาวยืนอยู่ข้างดอกจินอิ๋นช่อหนึ่ง มือจับดอกไม้ไว้ สีหน้าเฉยเมย นี่คือร่างเดิมของนางอย่างจะแจ้ง
เมื่อเห็นเฉียวเจามองภาพจนตาไม่กะพริบ เซ่าหมิงยวนจึงส่งเสียงเรียก “คุณหนูหลี?”
นางดึงสายตาคืนมา “ภาพนี้…”
“เอ่อ…ในภาพเป็นภรรยาข้าเอง” เขาบอกอย่างเปิดเผย
นางเหลียวหน้าไปมองภาพบนผนังซ้ำอีกคราอย่างอดใจไม่อยู่
เซ่าหมิงยวนหยักยิ้ม “วาดได้ไม่ดีเท่าคุณหนูหลี”
“ข้าได้ยินว่าแม่ทัพเซ่าเดินทางไปออกรบในวันพิธีมงคล…”
เขาอาศัยแค่เห็นนางบนกำแพงเมืองเยี่ยนชั่วแวบนั้นก็วาดได้ถึงเพียงนี้ นางรู้สึกว่าหาได้ยากแล้ว
แววตาของเซ่าหมิงยวนหม่นแสงลง เขาเอ่ยเสียงเบา “คุณหนูหลี นี่คือสารของเยี่ยลั่ว”
เฉียวเจารับสารไว้เงียบๆ นางรู้สึกได้ว่าเขาไม่เต็มใจเอ่ยถึงเรื่องของภรรยาที่ล่วงลับไปมากกว่านี้
หลังอ่านเนื้อความในสารจบโดยไม่ตกหล่นสักคำ นางก้มหน้าไม่กล่าววาจานานครู่หนึ่ง
“คุณหนูหลี หักห้ามใจด้วย”
เฉียวเจากำแผ่นสารไว้ นางสงบอารมณ์อยู่เงียบๆ ก่อนเงยหน้ามองเขา “ในสารบอกว่าเรือของพวกเขาล่มเพราะโดนพายุซัด หลังเยี่ยลั่วฟื้นขึ้นมาก็อยู่บนเรือที่ผ่านทางมาลำหนึ่ง พูดอีกนัยหนึ่งคือเขายังไม่ได้เห็นศพของหมอเทวดาหลี่ ถูกต้องหรือไม่เจ้าคะ”
นัยน์ตากระจ่างใสของเด็กสาวสะท้อนเงาดวงหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม ประกายในดวงตานางทำให้เงาสะท้อนของเขาแผ่รัศมีเรื่อเรืองไปด้วย
เซ่าหมิงยวนรู้ว่านี่คือประกายแห่งความหวังที่บังเกิดขึ้นยามคนผู้หนึ่งเผชิญหน้ากับข่าวร้ายที่ไม่อยากเชื่อ เช่นเดียวกับเขา ในห้วงความฝันกี่ราตรีต่อกี่ราตรี เขายืนอยู่ตรงเชิงกำแพงเมืองเยี่ยนที่แดนเหนือ ยิงธนูดอกนั้นออกไปแล้วตื่นขึ้นพร้อมเหงื่อออกท่วมตัว ล้วนทำให้เขาอุปาทานไปเองว่าตนไม่เคยยิงธนูดอกนั้น ภรรยายังอยู่ในเมืองหลวงที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูรอเขากรีธาทัพกลับไปพร้อมชัยชนะ
“ถูกต้อง เยี่ยลั่วยังไม่พบศพของหมอเทวดาหลี่” เซ่าหมิงยวนกล่าวเช่นนี้
กลางท้องทะเลเวิ้งว้างกว้างใหญ่ เกิดเหตุเรืออับปางหาศพไม่พบเป็นเรื่องธรรมดา เขากระจ่างแจ้งดี คุณหนูหลีก็เช่นกัน
“เมื่อเยี่ยลั่วกลับมา แม่ทัพเซ่าโปรดแจ้งให้ข้าทราบทันทีนะเจ้าคะ”
“แน่นอน คุณหนูหลี พวกเราออกไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
ทั้งสองออกจากห้องหนังสือกลับไปหาเฉียวโม่
* ฝูหลิง หรือโป่งรากสน คือสมุนไพรจีน มีสรรพคุณขับน้ำและความชื้น บำรุงม้าม และทำให้จิตใจผ่อนคลาย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 18 ส.ค. 65 เวลา 12.00 น.