วันต่อมาเฉียวเจาพาปิงลวี่แอบหนีออกมาทางประตูด้านข้างของจวนสกุลหลี ไม่ทันไรก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งส่งเสียงเรียก “คุณหนูหลี เชิญตามข้าน้อยมาขอรับ”
ปิงลวี่เอาตัวบังอยู่ข้างหน้าเฉียวเจา เอ่ยด้วยสีหน้าระวังระไว “เจ้าเป็นใคร”
เฉียวเจาความจำดี นางมองปราดเดียวก็จดจำได้ “องครักษ์ของแม่ทัพเซ่า?”
“ถูกต้องขอรับ นี่คือป้ายคำสั่งของท่านแม่ทัพ เชิญคุณหนูหลีผ่านตา” องครักษ์ถือป้ายด้วยสองมือยื่นออกไปอย่างพินอบพิเทา
เฉียวเจาดูป้ายแล้วเอ่ยถาม “ไปที่ใดหรือ”
“เชิญคุณหนูหลีตามข้าไปเป็นพอ”
“ทำเป็นมีลับลมคมในอะไรกัน” ปิงลวี่เบะปาก คนผู้นี้ไม่น่ารักอย่างเฉินกวงสักน้อยนิด!
เฉียวเจาโบกมือปรามปิงลวี่ให้หยุดพูดบ่นแล้วบุ้ยใบ้บอกให้องครักษ์นำทาง
“คุณหนู เขาจะพาพวกเราไปที่ใดเจ้าคะ” ปิงลวี่กระซิบถาม
“ตามไปก็จะได้รู้กัน”
ในเมื่อเป็นคนที่เซ่าหมิงยวนส่งมา เขาย่อมเป็นผู้เตรียมการไว้เป็นธรรมดา
เฉียวเจาเพิ่งกล่าวคำนี้จบองครักษ์ก็หยุดฝีเท้า ยื่นมือไปเปิดประตูออก “คุณหนูหลีเชิญเข้าไปข้างในขอรับ”
นางผงกศีรษะเล็กน้อยกับองครักษ์แล้วก้าวขาเดินเข้าไป
ปิงลวี่มองซ้ายแลขวา พูดอย่างฉงนใจว่า “คฤหาสน์ด้านข้างจวนสกุลของเราหลังนี้ว่างเปล่ามาตั้งนานแล้ว เจ้าพาคุณหนูของข้ามาที่นี่ทำอะไร…เอ๊ะ แม่ทัพเซ่า?”
บุรุษหนุ่มซึ่งยืนอยู่ในลานกว้างหน้าเรือนโถงหมุนกายมา ก้าวขาเรียวยาวเดินฉับๆ มาต้อนรับ “คุณหนูหลี”
เฉียวเจาสะดุดใจวูบ “ที่นี่…”
เซ่าหมิงยวนยกยิ้ม “ข้ารู้มาว่าเรือนหลังนี้ไม่มีคนอยู่เลยไปขอซื้อต่อจากเจ้าของ วันหน้าก็ไม่ต้องรบกวนท่านต้องไปไกลๆ อย่างนั้น ทุกวันเวลานี้ข้าจะมารอท่านที่นี่เอง”
“แม่ทัพเซ่าซื้อคฤหาสน์หลังนี้ไว้หรือ” เมื่อเห็นเขาปรากฏกายขึ้นที่นี่ นางคาดเดาถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว แต่ได้ยินเขายืนยันกับปากยังคงอดทอดถอนใจมิได้
คนผู้นี้ร่ำรวยกล้าได้กล้าเสีย ยังทำอะไรเด็ดขาดฉับไวดีแท้ ในเวลาวันเดียวก็ซื้อคฤหาสน์ข้างเรือนนางไว้แล้ว
ไม่รู้ด้วยเหตุใดแม่นางเฉียวรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว
“คุณหนูหลีเชิญด้านใน” เซ่าหมิงยวนพาเฉียวเจาเดินเข้าสู่เรือนพำนักหลังหนึ่ง กล่าวอย่างขอลุแก่โทษ “ยังรกรุงรังอยู่ เพิ่งทำความสะอาดเรือนหลังนี้เสร็จแบบลวกๆ”
เฉียวเจาแย้มปากยิ้ม “ข้าจำได้ว่านายท่านเจ้าของเรือนหลังนี้รับราชการอยู่ในกรมอากร ต่อมากระทำความผิด คฤหาสน์หลังนี้ว่างเปล่าเป็นเวลานาน ยังเคยเล่าลือกันว่ามีผีสิง แม่ทัพเซ่าเก็บกวาดเรือนที่ถูกทิ้งร้างมาเนิ่นนานได้อย่างนี้ภายในวันเดียวก็น่าประหลาดใจเป็นอันมากแล้วเจ้าค่ะ”
“คุณหนูหลีรู้สึกว่าสะดวกเป็นพอ” เซ่าหมิงยวนขบคิดคำพูดของเฉียวเจาแล้วกล่าวปลอบ “สำหรับเสียงลือว่ามีผีสิง คุณหนูหลีไม่ต้องกลัว เวลาที่ท่านมา ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่ก่อนเสมอ”
“ฝังเข็มก่อนเถอะเจ้าค่ะ” นางกล่าวเสียงเรียบ
เมื่อวานยังนึกว่าเขาทื่อเป็นท่อนไม้อยู่เลย คาดไม่ถึงว่าจะซื้อคฤหาสน์ข้างเรือนนางไว้โดยไม่บอกไม่กล่าว ยังนับว่ามีความเห็นอกเห็นใจต่อสตรีตัวเล็กๆ ดี นี่เลยคิดจะเป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกันใช่หรือไม่
หลังฝังเข็มเสร็จ เฉียวเจาไม่รั้งอยู่นาน นางยอบกายคารวะแล้วอำลากลับไป
สองนายบ่าวใช้เวลาเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงเรือน เฉียวเจารู้สึกสะดวกอย่างมาก ขณะที่ปิงลวี่กลับทำหน้าเศร้าเต็มที
“เป็นอะไรไป”
ปิงลวี่ถอนใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง “คุณหนู แม่ทัพเซ่ากลายเป็นเพื่อนบ้านของเรา เช่นนั้นเฉินกวงไม่ต้องเป็นสารถีให้ท่านแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
สาวใช้น้อยขมวดคิ้ว สีหน้าหม่นหมองโดยไม่ปิดบัง
เฉียวเจานึกอิจฉาอยู่หลายส่วนอย่างปราศจากเหตุผล นางอมยิ้มกล่าว “หรือว่าข้าไปที่อื่นจะไม่ต้องการสารถีเล่า”
ปิงลวี่ถึงถอนหายใจโล่งอก