บทที่ 343
ผ่านไปไม่กี่วันทางเจียงถังก็ได้ข่าวหมอเทวดาหลี่ประสบเคราะห์ร้ายเสียชีวิตไปแล้ว
ด้วยช่วงที่ผ่านมาบุตรสาวเซ้าซี้ถามเบาะแสของหมอเทวดาหลี่มาโดยตลอด เจียงถังจึงไม่ปิดบัง บอกข่าวนี้กับเจียงซือหร่านตามตรง
นางฟังแล้วอึ้งไปเป็นนานถึงพูดพึมพำ “เช่นนี้เจินเจินก็หมดทางรักษาแล้วหรือ ไม่ได้ ข้าต้องเข้าวังสักหน”
เจียงถังโคลงศีรษะเมื่อเห็นบุตรสาวผลุนผลันออกไป
เจ้าลูกผู้นี้หนอ ใจร้อนเฉกนี้เสมอ
ตำหนักบรรทมขององค์หญิงเจินเจิน
พอได้ยินว่าเจียงซือหร่านมาถึง องค์หญิงเจินเจินลูบผ้าโปร่งบางเบาที่คลุมหน้าไว้พลางกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย “บอกคุณหนูเจียงว่าข้านอนหลับอยู่”
นางกำนัลฟางหลันออกไปบอกความ เจียงซือหร่านย่อมคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงเจินเจินเพียงไม่อยากพบหน้าตน นางนั่งเฉยไม่ขยับแม้สักนิดจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะอยู่ตรงนี้รอองค์หญิงตื่นแล้วกัน ข้ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับนาง”
“ไม่ทราบว่าคุณหนูเจียงมีเรื่องสำคัญอะไรเจ้าคะ กำชับบ่าวไว้ได้หรือไม่ เช่นนี้รอองค์หญิงตื่นบรรทม ข้าจะได้ทูลรายงานองค์หญิงให้ทรงทราบเป็นอันดับแรก” ฟางหลันไต่ถามอย่างนอบน้อม
เพราะยาที่คุณหนูเจียงนำมาทำให้อาการที่ใบหน้าขององค์หญิงสาหัสขึ้น องค์หญิงโกรธเคืองอยู่ในใจถึงไม่อยากพบหน้าอีกฝ่าย ทว่าในฐานะนางกำนัลประจำตัวขององค์หญิง นางไม่อาจไม่คำนึงถึงองค์หญิง มาตรว่าคุณหนูเจียงผู้นี้ไม่สูงศักดิ์เท่าองค์หญิง แต่กลับล่วงเกินมิได้
“เป็นเรื่องที่ข้ารับปากว่าจะช่วยสืบถามให้นางก่อนหน้านี้ รอองค์หญิงตื่นแล้ว เจ้าบอกกับนางเช่นนี้ก็ได้”
ฟางหลันกลับไปที่ตำหนักด้านในกล่าวรายงานองค์หญิงเจินเจินทันควัน องค์หญิงเจินเจินได้ยินแล้วรีบเชิญเจียงซือหร่านเข้ามา
“เจินเจิน เจ้านอนหลับอยู่มิใช่หรือ”
องค์หญิงเจินเจินสะกดความตื่นเต้นในใจไว้และกล่าวอธิบายว่า “เดิมทีนอนหลับอยู่ แต่รู้สึกกระหายน้ำเลยลุกขึ้นมาดื่มน้ำถึงรู้ว่าเจ้ามาหา ข้าอบรมสั่งสอนฟางหลันยกใหญ่ไปแล้ว เจ้าอุตส่าห์มาหากลับไม่รู้จักปลุกข้าตื่นทันที”
เจียงซือหร่านโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ “สุขภาพเจ้าไม่แข็งแรง พึงควรพักผ่อนมากๆ ข้ารอครู่หนึ่งได้ไม่เป็นอะไร”
องค์หญิงเจินเจินรินน้ำชาถ้วยหนึ่งยื่นให้เจียงซือหร่านเอง นางหลุบตาลงเก็บซ่อนความร้อนรนในใจ “ซือหร่าน มีข่าวหมอเทวดาหลี่ใช่หรือไม่”
เจียงซือหร่านวางถ้วยน้ำชาลงด้านข้าง “อื้อ ท่านพ่อข้าสืบข่าวของหมอเทวดาหลี่ได้แล้ว”
“ตอนนี้หมอเทวดาหลี่อยู่ที่ใด”
เจียงซือหร่านถอนใจเฮือก “ท่านพ่อได้ข่าวว่าหมอเทวดาหลี่ประสบพายุกลางทะเล…มีอันเป็นไปแล้ว”
องค์หญิงเจินเจินนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อราวกับโดนฟ้าผ่า
“เจินเจิน เจ้าไม่เป็นไรกระมัง” เจียงซือหร่านยื่นมือไปผลักตัวนาง แต่นางไม่มีอาการตอบสนองใดๆ
“เจินเจิน เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจสิ เจ้าเป็นอะไรกันแน่”
“ข้า…” องค์หญิงเจินเจินมองนางแวบหนึ่งแล้วล้มตึงลงไป
“เจินเจิน!” เจียงซือหร่านร้องเรียกเสียงแหลมสูง
ในวังโกลาหลอลหม่านระลอกหนึ่งทันใด ลี่ผินซึ่งพักอยู่ที่นี่รุดมาถึงอย่างเร่งร้อน เอ่ยถามเสียงรัวเร็ว “องค์หญิงเป็นอะไรไป”
เจียงซือหร่านพูดอย่างขัดเคือง “ดูเหมือนเจินเจินจะทนสะเทือนใจไม่ไหวเป็นลมไปเพคะ”
“รีบไปเชิญหมอหลวง” ลี่ผินออกคำสั่งแล้วย่ำเท้าวนไปวนมาอย่างกระสับกระส่าย พอสายตามองกวาดไปทางเจียงซือหร่านก็ลอบขุ่นใจแทบทนไม่ไหว แต่จะแสดงออกมาก็ไม่เป็นการดี “คุณหนูเจียงกลับไปก่อนเถอะ”
เจียงซือหร่านส่ายหน้า “หม่อมฉันจะรอเจินเจินฟื้นเพคะ”
ลี่ผินทำท่าอึกๆ อักๆ สุดท้ายก็ถอนใจเฮือกหนึ่ง “คุณหนูเจียงรู้หรือไม่ว่าเจินเจินสะเทือนใจเรื่องอะไร คราวก่อนหลังเจ้ากลับไป เจินเจินก็ร้องไห้อยู่ทั้งคืน”
แม้ว่าน้ำเสียงของลี่ผินจะนุ่มนวล เจียงซือหร่านฟังแล้วยังคงรู้สึกคับข้องหมองใจ เห็นลี่ผินเพ่งมองตนอยู่จึงเอ่ยเสียงฮึดฮัด “ยังมิใช่เพราะยาของหลีซานหรือเพคะ”
“หลีซาน?”
“ก็บุตรสาวของอาลักษณ์หลีแห่งสำนักราชบัณฑิต อยู่ในลำดับสามของตระกูล”
ดวงตาคู่งามของลี่ผินทอประกายวูบหนึ่ง “ข้ารู้จักคุณหนูหลีผู้นั้น อาศัยอยู่ในตรอกซิ่งจื่อใช่หรือไม่”
ตอนฝนตกหนักคราวนั้น เจินเจินได้รับบาดเจ็บที่ขา คุณหนูสามสกุลหลียังเคยช่วยเหลือไว้