บทที่ 344
ในตำหนักฉือหนิง นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้าไปหาหยางไทเฮา “ไทเฮาเพคะ ลี่ผินทูลขอเข้าเฝ้า”
หยางไทเฮาหมุนเมล็ดเหอเถาในมือไปมา “เรียกลี่ผินเข้ามาได้”
ไม่นานนักลี่ผินกับเจียงซือหร่านก้าวเข้ามาพร้อมกันและถวายคำนับไทเฮา
“ลุกขึ้นเถอะ” หยางไทเฮากล่าวคำหนึ่งเสียงราบเรียบ แต่กับเจียงซือหร่านนางให้ความเป็นกันเองมาก “หร่านรานเองหรือ มานั่งข้างๆ ข้า”
เจียงซือหร่านเดินเข้าไปนั่งลงโดยไม่กระมิดกระเมี้ยน
หยางไทเฮาเอ่ยเป็นเชิงตัดพ้อ “หร่านราน เจ้าไม่ได้มาเยี่ยมข้านานระยะหนึ่งแล้วนะ”
เจียงซือหร่านกล่าวยิ้มๆ “แต่พระองค์ยังทรงอ่อนเยาว์เปล่งปลั่งสดใสเหลือเกินเพคะ”
“เจ้าเด็กผู้นี้ช่างจำนรรจานัก” หยางไทเฮาพูดจบถึงมองไปทางลี่ผิน “มาพบข้ามีเรื่องอะไรรึ”
ลี่ผินคุกเข่าลงกะทันหัน “ไทเฮา หม่อมฉันมาด้วยเรื่องขององค์หญิงเพคะ”
“จู่ๆ คุกเข่าด้วยเหตุใด ลุกขึ้นมาพูด”
ลี่ผินลุกขึ้นยืนอย่างโอนอ่อนคล้อยตาม นางยืนประสานมือไว้หน้าตัว
“เจินเจินดีขึ้นบ้างหรือไม่ วันนี้ข้ายังนึกอยู่ว่าจะไปดูนางสักหน่อย”
ลี่ผินยกมือเช็ดน้ำตา “ไทเฮา อาการที่ใบหน้าของเจินเจินสาหัสขึ้นอีกเพคะ”
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
ลี่ผินชายตามองเจียงซือหร่านก่อนพูดแกมสะอื้นเบาๆ “หม่อมฉันได้ฟังคำบอกกล่าวของคุณหนูเจียงถึงได้ทราบว่าเพราะเจินเจินใช้ยาของคุณหนูหลีซาน ใบหน้าถึงแย่ลง แต่เจินเจินมีจิตใจโอบอ้อมอารี ก่อนหน้านี้ไม่เอ่ยกับหม่อมฉันสักคำ น่าสงสารนัก…”
“คุณหนูหลีซานผู้นี้เป็นใครรึ”
เจียงซือหร่านอ้าปากพูด “เป็นบุตรสาวของอาลักษณ์ในสำนักราชบัณฑิตเพคะ”
“เจินเจินใช้ยาของนางได้เช่นไร” หยางไทเฮาไต่ถามตรงเข้าประเด็น
ลี่ผินกล่าวตอบ “ไทเฮาคงไม่ทรงทราบว่าคุณหนูหลีซานผู้นี้เป็นหลานสาวบุญธรรมของหมอเทวดาหลี่เพคะ”
“อ้อ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือนี่ หมอเทวดาหลี่รับหลานสาวบุญธรรมตั้งแต่เมื่อไรกัน”
“พักใหญ่แล้วเพคะ ชาวเมืองหลวงมากมายล้วนล่วงรู้กัน” เจียงซือหร่านกล่าว
หยางไทเฮาพูดอย่างยิ้มแย้ม “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ลี่ผินเจ้าสมควรวางใจจึงจะถูก มีหลานสาวบุญธรรมอยู่ทั้งคน ดูทีว่าหมอเทวดาหลี่ต้องกลับเมืองหลวงไม่ช้าก็เร็ว”
ลี่ผินยกแขนเสื้อปิดหน้าร่ำไห้ “ขอทูลไทเฮาให้ทรงทราบ หมอเทวดาหลี่สิ้นบุญไปแล้วเพคะ”
“เจ้าว่าอะไรนะ!” หยางไทเฮาผุดลุกขึ้นยืน
ลี่ผินกวาดตามองเจียงซือหร่านแวบหนึ่งทันใด
เจียงซือหร่านเข้าใจความหมาย นางลุกขึ้นกล่าวว่า “ไทเฮา หม่อมฉันเป็นคนทูลพระสนมเองเพคะ ท่านพ่อเพิ่งได้รับข่าวว่าหมอเทวดาหลี่ประสบพายุกลางทะเลมีอันเป็นไปแล้ว”
หยางไทเฮานั่งลงช้าๆ ใบหน้าฉายอารมณ์หลายหลากยากหยั่งเดา นานครู่ใหญ่ถึงกลับเป็นปกติ นางกล่าวเอื่อยๆ “เล่าเรื่องคุณหนูหลีซานผู้นั้นต่อสิ”
เจียงซือหร่านก้มหน้าลง “ไทเฮาเพคะ ความจริงเป็นหม่อมฉันไม่ดีเอง หม่อมฉันร้อนใจเรื่องใบหน้าของเจินเจิน พอรู้ว่าหลีซานเป็นหลานสาวบุญธรรมของหมอเทวดาหลี่ก็ไปขอยาของท่านจากนาง ใครจะรู้ว่านางเอายาสุ่มสี่สุ่มห้ามาหลอกหม่อมฉัน ถึงได้เป็นการทำร้ายเจินเจิน…”
หยางไทเฮาหน้าบึ้ง “เอายามาหลอกลวงคนส่งเดช? นี่มิใช่พวกจิตใจคดโกงหรือไร”
ลี่ผินคุกเข่าลงอีกคำรบหนึ่ง “ไทเฮา เจินเจินถูกคุณหนูหลีซานผู้นั้นทำร้ายถึงเพียงนี้ พระองค์ต้องทรงตัดสินความเป็นธรรมให้เจินเจินนะเพคะ รูปโฉมสำคัญกับเด็กสาวปานใด ใบหน้าเจินเจินกลายเป็นเช่นนี้ ทำให้นางเริ่มคิดสั้นแล้ว”
หยางไทเฮามุ่นคิ้ว “นางเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ มิใช่เด็กสาวสามัญชนทั่วไป จะคิดสั้นฆ่าตัวตายอะไรไม่เข้าท่า!”
ลี่ผินอ้าปากออกทว่าไม่กล้ากล่าววาจาต่อ
เจียงซือหร่านลอบเบะปาก พระสนมที่มีพื้นเพเป็นนางรำผู้นี้ช่างเร่อร่าดีแท้ กระทั่งนางยังรู้ว่าเรื่องเป็นๆ ตายๆ พรรค์นี้จะพูดเบื้องพระพักตร์ไทเฮาไม่ได้
“ไหลสี่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของข้า เชิญหลีซานบุตรสาวของอาลักษณ์หลีเข้าวัง ข้ากลับอยากเห็นหน้าค่าตาคุณหนูหลีซานผู้นั้นนักว่าเป็นอย่างไร”