นัยน์ตาอ่อนโยนของเด็กสาวจับอยู่ที่หน้าเขา นางคิดคำนึงในใจ ไม่รู้ว่าพี่หยางรู้หรือไม่ว่าเขาชอบเกาศีรษะเวลารู้สึกอึดอัดใจ
สายตาของเฉียวเจาทำให้ชายหนุ่มชักร้อนตัว เขาลอบฉงนใจ ฉือชั่นเป็นอะไรกันแน่ เห็นคุณหนูหลีเข้าวังแล้วเป็นห่วงแทบตาย บังคับให้เขารีบไปสืบสถานการณ์ที่ตำหนักฉือหนิง ซ้ำไม่ยอมให้เขาบอกกับคุณหนูหลีตามตรง
“คุณหนูหลี วันนี้ไทเฮาทรงเรียกท่านเข้าวังไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไรกระมัง หากมีเรื่องใดลำบากใจ ท่านต้องบอกกับข้านะ”
เฉียวเจาอุ่นผ่าวๆ ในอก นางใคร่ครวญชั่วครู่ถึงเอ่ยขึ้น “พี่หยาง อีกไม่นานข้าต้องไปทางทิศใต้แล้วเจ้าค่ะ”
ท้ายที่สุดเรื่องนี้คงปิดบังพวกเขาไม่ได้แน่ แทนที่จะรู้จากคนอื่น มิสู้นางเป็นคนบอกเองจะดีกว่า นางมีความลับมากมายเกินไป ทว่ากับสหายเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องปกปิด นางย่อมไม่อมพะนำเป็นธรรมดา
“ไปทางทิศใต้ทำอะไรหรือ” หยางโฮ่วเฉิงได้ยินแล้วตกใจ
“ไปเสาะหาตัวยาให้องค์หญิงเก้ารักษาใบหน้าของนางเจ้าค่ะ” ที่สำคัญกว่าคือไปสืบหาฆาตกรที่สังหารคนในครอบครัวและเซ่นไหว้ท่านปู่หลี่
ถึงแม้การไม่พบศพของหมอเทวดาหลี่อาจจุดประกายความหวังอันริบหรี่จนแทบไม่นับเป็นความหวังได้ แต่เฉียวเจาไม่ไร้เดียงสาถึงขั้นคิดว่าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ
ดวงตาของหยางโฮ่วเฉิงเบิกกว้างขึ้นส่วนหนึ่ง เขาพูดอย่างไม่ชอบใจ “ถึงอย่างนั้นก็ปล่อยให้เด็กสาวผู้หนึ่งอย่างท่านเดินทางไกลถึงเพียงนั้นไม่ได้นะ”
“พี่หยางไม่ต้องเป็นห่วง ไทเฮาจะส่งคนคุ้มครองข้า เวลาไม่เช้าแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ”
ม่านประตูสีเขียวอ่อนคลี่ลงปิด รถม้าแล่นเอื่อยๆ ออกจากเขตพระราชฐาน หยางโฮ่วเฉิงยืนอยู่ที่เดิมจนรถม้าหายลับตาไปถึงหันหลังกลับเข้าวัง
ฉือชั่นยืนอยู่ข้างเสาระเบียง ผิวกายเขาคล้ำขึ้นกว่าเมื่อก่อน ส่งผลให้รูปโฉมละมุนละไมน้อยลงหลายส่วน ทว่าแลดูแข็งแรงสดใสเพิ่มมากขึ้น พอเขาเห็นหยางโฮ่วเฉิงมาถึง สีหน้าเอื่อยเฉื่อยเบื่อหน่ายแปรเปลี่ยนไปทันใดยามก้าวไปหา “เป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณหนูหลีไม่เป็นไร นางออกจากวังไปแล้ว”
สีหน้าของฉือชั่นผ่อนคลายลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็นิ่วหน้าอีก “ไทเฮาเรียกนางเข้าวังด้วยเหตุใดกัน”
เป็นไปไม่ได้สักนิดที่ไทเฮาจะรู้จักหลีซานถึงจะถูก
หยางโฮ่วเฉิงทรุดตัวลงนั่งแปะบนบันได “เพราะเรื่องขององค์หญิงเจินเจิน”
“นางเป็นอะไรไป” ฉือชั่นสังหรณ์ใจว่าไม่ใช่เรื่องดีอันใด เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน
“ก็ใบหน้านางมีอาการผิดปกติอยู่มิใช่หรือ ไทเฮารับสั่งให้คุณหนูหลีไปทางทิศใต้เสาะหาตัวยาให้นาง”
ดวงหน้าหล่อเหลาของฉือชั่นปึ่งชาไปทันใด “นางคู่ควรด้วยรึ!”
หยางโฮ่วเฉิงกระแอมกระไอทีหนึ่ง “สือซี พูดจาระวังหน่อย นี่อยู่ในวังนะ”
ฉือชั่นยิ่งคิดยิ่งมีน้ำโห
ช่วงที่ผ่านมาเขาหักห้ามใจไม่ไปหาหลีซานเรื่อยมา เพราะอยากใฝ่หาความก้าวหน้าจนไปถึงจุดที่กำบังลมฝนให้นางได้โดยไวที่สุดถึงค่อยไปยืนอยู่เบื้องหน้านางอีกครั้ง บางทีถึงตอนนั้นไม่แน่ว่านางอาจเปลี่ยนใจก็เป็นได้
เขาอาจข่มความคิดถึงไม่ไปหานางได้ แต่ทนไม่ไหวถ้านางจะเดินทางลงใต้คนเดียว
สถานการณ์แถบชายทะเลวุ่นวายเพียงใด แม่เด็กน้อยผู้นี้รู้หรือไม่กันแน่
“ข้าไปเข้าเฝ้าไทเฮา” ฉือชั่นลุกขึ้นยืน
หยางโฮ่วเฉิงคว้าตัวเขาไว้หมับ “ไปก็เปล่าประโยชน์ ถึงแม้ปกติไทเฮาทรงเอ็นดูพวกเราสองคนอยู่มาก แต่เรื่องที่ตัดสินพระทัยไปแล้วเคยเปลี่ยนแปลงได้เมื่อไรกัน”
ฉือชั่นเตะบันไดหยกขาวทีหนึ่งอย่างหัวเสีย สีหน้าเขาเย็นกระด้าง “จะอย่างไรก็ให้นางไปทางทิศใต้คนเดียวไม่ได้”
หยางโฮ่วเฉิงกลอกตาไปมาก็บังเกิดความคิดหนึ่งขึ้น “ไทเฮาจะส่งคนตามไปคุ้มครองคุณหนูหลีมิใช่หรือ พวกเราต่างอยู่ในกององครักษ์จินอู๋ สามารถรับหน้าที่นี้ไว้ได้”
ฉือชั่นยื่นมือไปตบไหล่สหายรัก “เป็นความคิดที่ดี”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน สิงหาคม 65)