บทที่ 587
“คุณหนูสาม ท่านระวังหน่อย” เฉินกวงกันคนที่เกือบชนโดนเฉียวเจาไว้ได้ทันท่วงที
นางดึงสติคืนมาแล้วพยักหน้าเบาๆ หากความรู้สึกลิงโลดแกมวาดหวังยามออกจากเรือนไม่หลงเหลืออยู่แล้ว
เจียงหย่วนเฉาจะรามือแต่โดยดีหรือไม่
ถ้าคราวหน้าเขายังมาก่อกวนอีก ข้าจะไปบอกบิดาบุญธรรมของเขา!
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉียวเจานิ่วหน้าอย่างหนักอก
วิธีฟ้องผู้ใหญ่เช่นเด็กน้อยคงไม่ได้ผล เจียงหย่วนเฉามั่นใจแล้วว่านางคือเฉียวเจาที่ยืมศพคืนวิญญาณ ถ้าหากมีเรื่องหมางใจกันจริงๆ แล้วเขาเปิดโปงเรื่องนี้ออกไปล่ะก็ นางต้องพบกับปัญหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มิพักเอ่ยถึงว่าผู้คนสมัยนี้เดิมก็เชื่อเรื่องผีสางเทวดา โดยเฉพาะฮ่องเต้ผู้มีใจฝักใฝ่ในชีวิตอมตะพระองค์นั้นในวังหลวงจะต้องจับนางกักขังไว้เพื่อศึกษาอย่างละเอียด
“คุณหนูสาม ท่านแม่ทัพอยู่ทางนั้นขอรับ” เห็นเฉียวเจาใจคอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เฉินกวงจึงเอ่ยบอก
นางเหลือบตามองไป
ห่างไปไม่ไกลมีโคมไฟนับไม่ถ้วนส่องแสงระยิบระยับวับวาว บุรุษที่ยืนอยู่ใต้แสงโคมแลดูสง่าผ่าเผยหาผู้ใดเทียบเคียงได้ เขาอมยิ้มมองนางอยู่
เฉียวเจาสลัดความกลัดกลุ้มทิ้งไปชั่วคราว ยกชายกระโปรงเดินเข้าไปหาเขา
เซ่าหมิงยวนก้าวเข้ามาจับมือนางไว้ “คนเยอะเบียดเสียดเกินไปใช่หรือไม่”
เฉียวเจาผลิยิ้ม “ใช่แล้ว คนเยอะน่าดูจริงๆ แต่เป็นเทศกาลโคมไฟนี่นะ มันก็อย่างนี้ล่ะ”
“เจาเจา เจ้าไม่ชมชอบความครึกครื้นเช่นนี้ใช่หรือไม่” เซ่าหมิงยวนหวนประหวัดถึงต้นป้อเหอกับเถาดอกสายน้ำผึ้งทั่วลานเรือนในจวนจิ้งอันโหวแล้ว ละม้ายว่าภาพสตรีผู้เงียบขรึมนุ่มนวลกำลังตัดแต่งต้นไม้ใบหญ้าอย่างใจเย็นผุดขึ้นเบื้องหน้าสายตา
ใครจะรู้ว่าเฉียวเจากลับปฏิเสธยิ้มๆ “ไม่สักหน่อย ในเวลาที่สมควรครึกครื้นได้สนุกสนานเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”
เซ่าหมิงยวนยิ้มตามไปด้วยอย่างห้ามไม่อยู่ “จริงของเจ้า เจาเจา ตามข้ามาสิ”
เฉียวเจาตามหลังเขาไปเงียบๆ นางปล่อยให้เขาจูงเดินไปเรื่อยๆ แล้วพลันพบว่าเบื้องหน้ากลายเป็นสีดำ
ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า
ด้านหลังเป็นถนนที่มีแสงโคมสว่างไสวกับฝูงชนพลุกพล่านขวักไขว่ แต่ด้านหน้าราวกับเป็นดินแดนเล็กๆ ที่ถูกลืม
รอบตัวมืดมิด กลิ่นกายเจือไว้ด้วยกลิ่นใบป้อเหอหอมสดชื่นของชายหนุ่มลอยมาแตะปลายจมูกเป็นระยะ เฉียวเจาอดกำนิ้วมือเข้าหากันไม่ได้ แต่เขากุมมือนางไว้แน่นๆ แล้ว
“ถิงเฉวียน” นางเรียกขานคำหนึ่ง
เซ่าหมิงยวนหมุนกายมาก้มหน้ามองเด็กสาวตรงหน้า
ในความมืดนัยน์ตาของเขาเปล่งประกายวาววามเสมือนดวงดาวบนฟากฟ้า
เฉียวเจาค่อยๆ เคยชินกับความมืดสลัว มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของทุกๆ เส้นสายบนใบหน้าเขาได้ชัดถนัดตา แล้วความเปลี่ยนแปลงนั้นก็ประกอบกันขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้จิตใจนางสงบลง
“เฉินกวงบอกว่ามีเรื่องให้ข้าตื่นเต้นประหลาดใจ” เด็กสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มพริ้มพราย
เซ่าหมิงยวนขมวดคิ้วอย่างไม่พึงใจ “เจ้าเฉินกวงนั่นพูดอะไรเชื่อไม่ได้”
“เอ๊ะ หรือว่าไม่มี” เฉียวเจาจงใจถาม
เซ่าหมิงยวนยิ้มพลางจับมือนางไปวางลงบนบางสิ่งเบื้องหน้า “มีสิ”
เฉียวเจาเพียงรู้สึกว่ามือสัมผัสกับความเย็นเฉียบ ทันใดนั้นเบื้องหน้าพลันสว่างขึ้น
แสงไฟดวงนั้นแผ่ความสว่างขึ้นมาจากด้านล่างสุดแล้วค่อยๆ แทนที่ความมืดตรงหน้าคนทั้งคู่ทีละชุ่นๆ จนกระทั่งเผยตัวออกมาให้เห็นทั้งหมดในที่สุด
เป็นโคมไฟรูปทรงกระต่ายหยกสูงเท่าตัวคนสองตัวที่อิงแอบแนบชิดกัน!
“นี่…ท่านทำเองหรือ” หลังหายจากความตะลึงพรึงเพริดในทีแรก เฉียวเจาก็เงยหน้าขึ้นถามเขา
เซ่าหมิงยวนพยักหน้า “เจ้าเดาสิว่าตัวใดเป็นกระต่ายตัวเมีย?”
“ตัวนี้” เฉียวเจาชี้ไปที่ตัวหนึ่งในนั้นโดยไม่ลังเล
เซ่าหมิงยวนตาเป็นประกาย “เจ้าดูออกแล้วหรือ”
นางมองเขาอย่างฉงนใจ