บทที่ 589
เฉียวเจาเห็นตู้เฟยเสวี่ยทำท่ากระฟัดกระเฟียดแล้วย้อนถามอย่างใจเย็น “พูดเช่นนี้คุณหนูตู้จะพาพี่สาวข้ากลับจวนโหวใช่หรือไม่”
กลับจวนโหว?
ตู้เฟยเสวี่ยมองหลีเจี่ยวในสภาพเปียกม่อล่อกม่อแล่กทั้งตัวแวบหนึ่ง ค่อยมองไปทางจูเหยียนที่ทำหน้าสงบนิ่งแล้วสองจิตสองใจไปชั่วขณะ
ขณะนี้นางไม่ได้อยู่ในเรือนตนเอง แล้วจะพาพี่เจี่ยวไปพักในจวนโหวตามใจชอบได้เช่นไรเล่า
เหนือสิ่งอื่นใด ญาติผู้พี่จูยังอยู่เรือนติดกัน…
เพียงคิดไปเช่นนี้ตู้เฟยเสวี่ยก็ล้มเลิกความคิดนี้แล้ว
“ตกลงคุณหนูตู้คิดอย่างไรกันแน่” เฉียวเจาถามซักไซ้
ตู้เฟยเสวี่ยตวัดสายตามองหลีเจี่ยวที่ไม่กล่าววาจาสักคำปราดหนึ่งก่อนกัดริมฝีปากกล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไรเจ้าจะรังแกญาติผู้พี่ของข้าไม่ได้…”
หลีเจี่ยวก้มหน้าต่ำลงอีก แววเยาะหยันจุดวาบขึ้นในดวงตานาง
คนทรยศแล้งน้ำใจ อุตส่าห์ประจบประแจงทำดีด้วยมาตั้งนานหลายปี พอเจอปัญหาก็ไม่ต่างกันเท่าไร
“เช่นนั้นข้าจะพาพี่สาวข้ากลับจวนแล้ว” เฉียวเจาไม่มองตู้เฟยเสวี่ยอีก นางหันไปพยักหน้าน้อยๆ กับจูเหยียน “วันนี้รบกวนคุณหนูจูมาก”
จูเหยียนคลี่ยิ้มละมุนละไม “คุณหนูหลีซานเกรงใจไปแล้ว เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น คุณหนูใหญ่ดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงไปแล้ว แต่ตกน้ำตอนอากาศอย่างนี้ร่างกายจะทนไม่ไหวเอา รีบกลับเรือนเร็วๆ ดีกว่า รถม้าของพวกข้าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง สามารถพาคุณหนูทั้งสองไปส่งได้”
เมื่อคำนึงถึงว่าสภาพในตอนนี้ของหลีเจี่ยวไม่เหมาะจะพบใคร เฉียวเจาจึงไม่ปฏิเสธ นางผงกศีรษะแล้วกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมาก รถม้าของพวกข้าจอดอยู่ไกลออกไประยะหนึ่ง พวกคุณหนูจูคงต้องเดินกันเหนื่อยสักหน่อยแล้ว”
จูเยี่ยนกับน้องสาวกลับถึงจวนไท่หนิงโหวแล้วดูแลให้ตู้เฟยเสวี่ยเข้าเรือนพำนักเรียบร้อย ทั้งคู่เดินสนทนากันระหว่างทางกลับห้อง
“น้องเจ็ด วันหน้าอยู่ห่างๆ จากคุณหนูใหญ่สกุลหลีผู้นั้นเถอะ”
จูเหยียนยิ้มเจื่อนๆ อย่างจนใจ “พี่ห้า ใช่ว่าท่านไม่รู้ว่าน้องเฟยเสวี่ยกับคุณหนูใหญ่สกุลหลีสนิทสนมกัน น้องเฟยเสวี่ยเพิ่งเสียมารดาไป ท่านย่าเลยตามใจนางทุกอย่าง ถ้าเป็นเรื่องที่นางอยากทำ ข้าไม่มีหนทางใดๆ แม้สักนิดนะเจ้าคะ”
จูเยี่ยนนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นวันหน้าเจ้าอย่าเข้าไปยุ่งกับพวกนาง อยู่ว่างๆ ก็ไปเดินหมากกับคุณหนูซูได้”
จูเหยียนปิดปากหัวเราะ “ทราบแล้วเจ้าค่ะ พี่ห้าไม่ต้องกังวลใจเรื่องพวกนี้ ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”
สองพี่น้องหยุดยืนตรงซุ้มประตูวงเดือน “เจ้ารู้ว่าควรทำอย่างไรก็ดี วันนี้เจอเรื่องวุ่นวายมาคงเหนื่อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
จูเหยียนพยักหน้า นางมองพี่ชายแล้วทำท่าอึกๆ อักๆ
“มีเหตุใดหรือ” จูเยี่ยนอมยิ้มพลางเอ่ยถาม
“พี่ห้า ข้ายังนึกว่าท่านกับคุณหนูหลีซาน…” พอเห็นแววตาอ่อนโยนของพี่ชาย จูเหยียนชะงักไปเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเป็นกล่าวว่า “นึกว่าสำหรับท่านแล้วคุณหนูหลีซานเป็นคนพิเศษ…”
คิดไม่ถึงว่าคุณหนูหลีซานจะหมั้นหมายกับกวนจวินโหวสหายสนิทของพี่ห้า
จูเยี่ยนได้ฟังคำนี้แล้วอึ้งงันไป เขาคลายยิ้มช้าๆ “น้องเจ็ด เจ้าเริ่มคิดอะไรเหลวไหลไร้สาระเป็นตั้งแต่เมื่อไร”
“ข้าคิดเหลวไหลไร้สาระจริงๆ หรือ”
จูเยี่ยนยื่นมือไปตบไหล่นางเบาๆ เขาทอดเสียงหนักขึ้น “ใช่ แม่เด็กน้อยอย่างเจ้ากำลังคิดเหลวไหลอยู่ แต่มีจุดหนึ่งที่เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง คุณหนูหลีซานเป็นสตรีที่พิเศษมากจริงๆ หากเป็นไปได้พี่ห้าหวังว่าเจ้ากับนางจะเป็นสหายกันได้”
“เอาล่ะ ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” จูเหยียนหัวเราะ นางโบกมือให้พี่ชายแล้วหมุนกายเข้าไปด้านใน แต่เดินไปได้สองสามก้าวก็หยุดยืนนิ่ง หันตัวกลับมาบอกว่า “พี่ห้า สองวันก่อนข้าบังเอิญได้ยินท่านแม่เอ่ยว่าจะหาคู่ให้ท่านแล้ว หากท่านมีสตรีในดวงใจต้องบอกกับท่านแม่โดยไวนะเจ้าคะ”
จูเยี่ยนมองตามแผ่นหลังของน้องสาวที่เดินห่างไป เขานิ่งเงียบอยู่นานก่อนจะหมุนกายออกไป
สตรีในดวงใจหรือ ตอนนี้คงยังไม่มี ฉะนั้นข้าขอเชื่อสายตาของมารดาก็แล้วกัน