“ให้ฝึกเย็บปักถักร้อยอย่างเดียวจะไม่เป็นการถ่วงอนาคตของบุตรสาวเราหรือไร ไว้ข้าเชิญอาจารย์สักคนมาสอนพวกนางสองคนเถอะ”
อันว่าสตรีไร้สามารถก็คือคุณธรรมนั้นเป็นคำกล่าวหลอกลวงทั้งสิ้น หากไม่รู้หนังสือจริงๆ พวกบุรุษพูดอะไรก็ฟังไม่รู้เรื่องได้แต่ยืนนิ่งเหมือนท่อนไม้ ผู้ใดเล่าจะให้ความสำคัญ
“ยามคุณหนูสามอยู่ว่างๆ พวกนางสองคนจะไปอ่านหนังสือคัดลายมือกับนาง” พอเห็นหลีกวงซูสนใจการเล่าเรียนของบุตรสาว สีหน้าของหลิวซื่ออ่อนละมุนลงโดยไม่รู้ตัว
หลีกวงซูตาเป็นประกาย “พวกเยียนเอ๋อร์สนิทสนมกับหลานเจามากหรือ”
เมื่อนึกถึงเด็กสาวหน้าตาเฉยเมยผู้นั้น หลีกวงซูอาจไม่ชมชอบอยู่ในใจ แต่เขาเป็นขุนนางมาหลายปี รู้แต่แรกแล้วว่าเรื่องความรู้สึกส่วนตนนั้นหาใช่เรื่องสลักสำคัญที่สุดไม่
บุตรสาวสองคนใกล้ชิดกับว่าที่ฮูหยินของกวนจวินโหวเป็นสิ่งที่เขายินดีจะได้เห็นได้ฟัง
จิตใจของหลิวซื่อกลับหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ เพราะสายตาลุกวาวฉับพลันคู่นั้นของสามี นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงปึ่งชาขึ้น “เป็นพี่น้องตระกูลเดียวกัน พวกนางสนิทสนมกับคุณหนูสามเป็นเรื่องธรรมดามากมิใช่หรือ”
“ใช่ๆ พี่น้องตระกูลเดียวกันสมควรสนิทสนมกันไว้มากๆ ไม่เพียงแค่หลานเจา คุณหนูใหญ่เป็นพี่สาวคนโต จะห่างเหินไม่ได้ดุจเดียวกัน”
หลิวซื่อแค่นหัวเราะ “ท่านพี่กล่าวล้อเล่นแล้ว ข้าไม่อยากให้บุตรสาวเข้าไปใกล้ชิดกับคนที่อยากเป็นอนุจนตัวสั่นหรอกนะ”
หลีกวงซูทำหน้าขรึมลง “นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า คุณหนูใหญ่ได้เข้าไปเป็นคนของวังอ๋อง จะยกมาเทียบกับอนุทั่วไปได้อย่างไรกัน”
“เป็นอนุของวังอ๋องก็มิใช่อนุแล้วหรือไร” หลิวซื่อย้อนถาม
“เหลวไหล! หากเป็นเช่นที่เจ้าพูด เหล่าพระสนมในวังหลวงจะมิใช่อนุรึ นายหญิงตราตั้งเช่นพวกเจ้าได้พบแล้วจะกล้าไม่ถวายคำนับหรือ”
“ผู้ใดเต็มอกเต็มใจอยากไปพบนักเล่า!”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี!” หลีกวงซูสะบัดแขนเสื้อจากไป
หลิวซื่อนิ่งเงียบไปนานครู่หนึ่งก่อนจะเปล่งเสียงหัวร่ออย่างเย้ยหยัน
เสียทีที่นางนึกว่าบุรุษผู้นี้เปลี่ยนนิสัยแล้ว ใครจะรู้ว่าเห็นคุณหนูใหญ่ได้ไต่เต้าขึ้นไปเป็นนางหงส์ เขาก็เริ่มพุ่งเป้ามาที่บุตรสาวสองคนของนางแล้ว
หากเขากล้าขายบุตรสาวเพื่อลาภยศ ข้าก็จะแลกชีวิตกับเขา!
ในเรือนหยาเหอ
เฉียวเจาที่ได้รู้เรื่องนี้แล้วเพียงยิ้มขื่นๆ นางไม่รู้ว่าพี่สาวคนโตผู้นี้ฉลาดหรือว่าเลอะเลือน
หากบอกว่าเลอะเลือน นางสามารถไขว่คว้าทุกๆ โอกาสเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา แต่ถ้าบอกว่าฉลาด…
รุ่ยอ๋องย่างวัยสามสิบแล้ว จะถูกตาต้องใจสตรีวัยเยาว์ผู้หนึ่งเพียงเพราะนางตกน้ำครั้งเดียวจริงๆ หรือ
ยามนี้เฉียวเจาหวังก็เพียงให้นางได้มั่งมีศรีสุขด้วยกำลังความสามารถของตน อย่าก่อปัญหาให้จวนสกุลหลีเท่านั้นเป็นพอ
วันที่ยี่สิบสองเดือนหนึ่งมาถึงอย่างว่องไว หลีเจี่ยวถูกรับตัวเข้าวังอ๋องไปแล้ว มาตรว่าจะไม่ได้เข้าทางประตูหน้าเพราะมิได้แต่งเข้าไปเป็นพระชายาของท่านอ๋อง แต่ทั่วทั้งวังอ๋องก็ประดับประดาไปด้วยโคมไฟและผ้าแพรหลากสีแลดูใหม่เอี่ยมอ่องไปทุกมุม นับว่าให้เกียรติคุณหนูใหญ่สกุลหลีอย่างเต็มที่
ย่ำค่ำอย่างรวดเร็ว เทียนไขลายมังกรคู่หงส์ในเรือนหอเปล่งแสงอ่อนละมุน ส่องสะท้อนแผ่นตัวอักษรคำว่า ‘มงคล’ สีแดงเข้มบนหน้าต่างแผ่ประกายระยับจับตา
หลีเจี่ยวก้มศีรษะเพ่งมองเสื้อเจ้าสาวสีชมพูบนตัว ความคับข้องหมองใจผุดขึ้นกลางอกจางๆ ในบางชั่วขณะ แต่มันก็อันตรธานไปทันทีหลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นมั่นคง
บัดนี้ถึงนางเป็นเพียงอนุผู้หนึ่งในวังอ๋อง แต่มีโอกาสได้เป็นผู้สูงศักดิ์เหนือใครๆ แล้ว ยังจะมีอะไรน่าคับข้องหมองใจเล่า
ถึงออกเรือนให้กับบุรุษยาจกไม่เป็นโล้เป็นพายจะได้สวมเสื้อเจ้าสาวสีแดง แต่นั่นจะมีอันใด
เมื่อหลีเจี่ยวเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว นางก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานหยาดเยิ้มให้รุ่ยอ๋องที่ก้าวเข้ามา
เขาเห็นรอยยิ้มนี้แล้วใจสั่นวาบหวิว นึกอยากกกกอดภรรยาคนใหม่เริงรักให้สุขสมอารมณ์หมาย จนใจที่เขาจดจำคำกำชับของหมอเทวดาที่ไม่ให้ใกล้ชิดสตรีเพศภายในหนึ่งปีได้ขึ้นใจ
แต่สาวงามอยู่ข้างกายนี่เอง เขาหวั่นเกรงว่าจะอดใจไม่อยู่ จึงหยุดฝีเท้ากล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ “วุ่นวายมาทั้งวันเจ้าคงเหนื่อยแล้ว ผลัดอาภรณ์เข้านอนโดยเร็วเถอะ ข้าจะไปนอนที่ห้องติดกัน”