เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “อ้อ พี่ห้าของเจ้าเคยเดินหมากกับคุณหนูซูหรือ”
“ไม่เคยเจ้าค่ะ สองคนนั้นจะมีโอกาสดวลหมากกันได้ที่ใดกัน อีกอย่างก็ไม่เหมาะสม”
พอเห็นจูเหยียนมีสีหน้าเป็นปกติ เวินซื่อก็รู้ว่าบุตรสาวมิได้ปิดบัง บันดาลให้นางลอบพึงใจในตัวซูลั่วอีมากขึ้นหลายส่วนอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าแค่อยากรู้ยิ่งนักว่าหากพี่ห้ากับพี่ซูดวลหมากกัน ใครจะเหนือชั้นกว่าเจ้าค่ะ”
เวินซื่อคลี่ยิ้ม “มีโอกาสแน่”
จูเหยียนอึ้งงันไปเล็กน้อย เดิมทีนางก็เป็นเด็กสาวที่ความคิดเฉียบไว จึงเข้าใจความหมายของมารดาได้อย่างรวดเร็ว นางเผยรอยยิ้มจากใจจริงออกมาทันใด
พี่ห้ากับพี่ซูหรือ ข้าชักตั้งตารอคอยจริงๆ แล้วสิ
เมื่อจูเหยียนออกไปแล้ว เวินซื่อถึงเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิท “เอาข่าวเรื่องที่ข้าเตรียมดูตัวหญิงสาวให้ซื่อจื่อไปแพร่ให้ถึงหูคุณหนูตู้”
สาวใช้งุนงง “ฮูหยิน คุณหนูตู้รู้เข้าจะก่อความวุ่นวายขึ้นได้นะเจ้าคะ”
เวินซื่อยิ้มเยาะ “กลัวก็แต่นางจะไม่ก่อความวุ่นวายน่ะสิ!”
เข้าตำราที่ว่า ‘มีเพียงพันวันเป็นโจร ไม่มีพันวันป้องกันโจร’ ในเมื่อจวนนี้มีตัวอันตรายแฝงเร้นอยู่ แทนที่จะปล่อยให้เป็นภัยในวันหน้าจนตั้งรับไม่ทัน นางมิสู้ล่อให้เผยธาตุแท้ก่อนล่วงหน้าดีกว่า
เมื่อเป็นอย่างนี้ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านโหวจะสงสารเห็นใจที่ตู้เฟยเสวี่ยกำพร้ามารดาเพียงใดก็ตาม ในใจก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
และแล้วก็ไม่ผิดจากที่เวินซื่อคาดไว้ ตู้เฟยเสวี่ยแอบฟังพวกสาวใช้พูดคุยซุบซิบกันแล้วมึนงงไปหมดเหมือนโดนคนตีแสกหน้า นางก้าวขาออกวิ่งไปยังเรือนพำนักของฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหว
นับแต่จูซื่อผูกคอตาย ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ค่อยสดชื่นแจ่มใสสักเท่าไรมาโดยตลอด ทั้งยังเริ่มกินมังสวิรัติ
ส่วนเวินซื่อจะมากินเป็นเพื่อนมารดาสามีตอนอาหารกลางวันเพื่อแสดงความกตัญญู
วันนี้ไท่หนิงโหวอยู่ในจวนพอดี จึงมาอยู่เป็นเพื่อนบิดามารดาด้วยเช่นกัน
สาวใช้เพิ่งยกอาหารมาวางบนโต๊ะ ตู้เฟยเสวี่ยก็พรวดพราดเข้ามาแล้วโผเข้าไปซบอกท่านยายร้องไห้เสียงดัง
“เฟยเสวี่ยเป็นอะไรไป ฝันร้ายหรือว่าคับข้องหมองใจอะไรมา รีบบอกกับท่านยายเร็วเข้า” ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวตกใจสุดจะกล่าว นางตบหลังหลานสาวเบาๆ อย่างปลอบประโลม
เวินซื่อเหยียดมุมปากขึ้น หลานสาวต่างสกุลผู้นี้อยู่สุขสบายยิ่งกว่าคุณหนูตัวจริงของจวนนี้ด้วยซ้ำไป ใครจะทำให้นางคับข้องหมองใจได้เล่า
ตู้เฟยเสวี่ยโอบคอฮูหยินผู้เฒ่าไว้แล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ กล่าวแกมสะอื้น “ท่านยาย ข้าได้ยินมาว่าจะทาบทามสู่ขอสตรีให้ญาติผู้พี่แล้ว…”
ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวอดมองไปทางเวินซื่อไม่ได้
นางยิ้มบางๆ “ปีที่แล้วเคยเอ่ยกับท่านโหวไว้เจ้าค่ะ ผ่านปีนี้ไปเยี่ยนเอ๋อร์ก็ยี่สิบเอ็ดแล้ว สมควรจัดการเรื่องแต่งงานเสียที”
ถ้ามิใช่หลังคลอดออกมาเยี่ยนเอ๋อร์สุขภาพไม่ดีอยู่ตลอด ต่อมามีนักพรตผู้หนึ่งรักษาเขาจนหายดีแล้วกำชับว่าห้ามแต่งงานก่อนถึงอายุยี่สิบปี ตอนนี้นางคงได้อุ้มหลานแล้ว ไหนเลยยังจะมีเรื่องน่ารำคาญใจพรรค์นี้
“ตอนนี้ยังเป็นเดือนหนึ่งอยู่ คุณหนูตู้อย่าร้องไห้เลย” เวินซื่อกล่าวปลอบเสียงนุ่มๆ คำหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้แม้แต่คำเดียว
สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าแปรเปลี่ยนไปมา สายตาที่มองหลานสาวต่างสกุลเริ่มทอประกายเข้มขึ้น
“ท่านยาย อย่าเพิ่งสู่ขอสตรีให้ญาติผู้พี่ตอนนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ” ตู้เฟยเสวี่ยมิได้สังเกตเห็น นางยังเอ่ยขอร้องอย่างไร้เดียงสา
เวินซื่อกระดกหางคิ้วขึ้น ในดวงตามีแววยิ้มๆ จุดวาบขึ้น นางว่าแล้วเชียว คุณหนูตู้ผู้นี้ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังมาก่อน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 ต.ค. 65 เวลา 12.00 น.