บทที่ 598
เมื่อได้ฟังคำรายงานของเจียงอู่แล้ว รอบกายเจียงถังเริ่มแผ่รังสีเย็นเยียบออกมา พาให้รู้สึกหนาวเหน็บเสียดกระดูก ทั้งที่ในห้องตั้งอ่างไฟไว้
“แล้วต่อมาเล่า”
เจียงอู่มีท่าทางนอบน้อมยิ่งขึ้น “ตอนนั้นมีคนมากเกินไป ต่อมาข้าก็ไม่เห็นพวกเขาอีกแล้วขอรับ”
ดวงตาของเจียงถังทอประกายวาวโรจน์ฉับพลัน เขาถามเสียงกร้าว “เพราะอะไรไม่พูดแต่แรก”
เจียงอู่ก้มศีรษะงุดไม่ปริปาก
“แล้วเพราะอะไรถึงพูดตอนนี้” เจียงถังถามต่อ
หลังจากสติเลอะเลือนมึนงงอยู่สองวันเพราะสูญเสียบุตรสาวไป หัวสมองของเขากลับเฉียบคมยิ่งขึ้น
“เพราะหร่านรานโดนสังหารแล้ว ข้าเห็นว่าร่องรอยใดๆ ที่ผิดปกติสมควรรายงานต่อท่านพ่อบุญธรรมขอรับ” เจียงอู่กล่าวอย่างเปิดเผย
“ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถอะ”
เจียงถังไม่ได้มอบหมายให้เจียงอู่หรือเจียงสืออีไปสืบเรื่องของเจียงหย่วนเฉา แต่สั่งกำชับองครักษ์จินหลินอีกคนหนึ่ง “ไปสืบดูว่าเจียงสือซานกลับที่ว่าการเมื่อไร”
ผ่านไปไม่นานนักองครักษ์จินหลินผู้นั้นก็กลับมารายงาน “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ ท่านสิบสามกลับไปถึงเกือบตอนท้ายยามอู่ขอรับ”
ข้างหลังเขายังมีคนตามมาอีกสองคน คนหนึ่งสวมชุดองครักษ์จินหลินเหมือนกัน อีกคนแต่งกายแบบเสี่ยวเอ้อร์ในหอสุราที่พบเห็นได้บ่อยๆ
ทำงานให้เจ้านายใหญ่ในกององครักษ์จินหลินย่อมจะสะเพร่าไม่ได้แม้แต่น้อยนิดเป็นธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงคุณหนูใหญ่ ทุกๆ คำตอบต้องมีพยานหลักฐานยืนยัน
องครักษ์จินหลินที่ตามเข้ามาเอ่ยปากขึ้นก่อน “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ ข้าเป็นพยานได้ ท่านสิบสามกลับถึงที่ว่าการเกือบตอนท้ายยามอู่ ตอนนั้นข้ากินอาหารเสร็จแล้วกลับมาเห็นท่านสิบสามเดินเข้าไปข้างใน จึงเอ่ยถามตามปากพาไปว่าท่านสิบสามกินอาหารหรือยัง ท่านสิบสามตอบว่ายัง จากนั้นข้าก็ขันอาสาไปซื้ออาหารให้ท่านสิบสามที่ร้านสุรานอกที่ว่าการของเราขอรับ”
เขาเล่าจบก็ยื่นมือชี้เสี่ยวเอ้อร์ในร้านอาหารที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ด้านข้าง “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ ตอนนั้นข้าสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ้อร์ผู้นี้ขอรับ”
เจียงถังเลื่อนสายตาไปที่ตัวเสี่ยวเอ้อร์
ร้านสุราที่เสี่ยวเอ้อร์ทำงานอยู่มักได้ต้อนรับเหล่าใต้เท้าของกององครักษ์จินหลินเสมอ เขาจึงนับได้ว่าเป็นคนใจกล้า แต่ชั่วขณะนี้ถูกผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินจ้องตาเขม็ง เขาก็แทบหายใจไม่ออกแล้ว
ท่านผู้บัญชาการใหญ่ท่านนี้น่ากลัวจริงๆ มิน่าสามารถปกครองพวกองครักษ์จินหลินได้! เสี่ยวเอ้อร์นึกในใจ
“สั่งอาหารกับเจ้าหรือ” เจียงถังถามด้วยสุ้มเสียงแหบพร่า
เสี่ยวเอ้อร์รีบก้มหน้าคางจรดอก แต่ไม่อาจสะกดความประหม่าที่พุ่งขึ้นกลางอกไว้ได้ดุจเก่า “สะ…สั่งอาหารกับข้าขอรับ ตอนนั้นใต้เท้าท่านนี้สั่งตับแพะผัดกระทะร้อน แต่เพราะเป็นท้ายยามอู่แล้ว อาหารจานนี้หมดพอดี ข้าจึงแนะนำให้เปลี่ยนเป็นไก่รวมมิตรผัดกระทะร้อนขอรับ”
เมื่อเป็นอย่างนี้เจียงหย่วนเฉากลับถึงที่ว่าการกององครักษ์จินหลินเกือบตอนท้ายยามอู่ก็หมดข้อแคลงใจแล้ว
เจียงถังพยักหน้าน้อยๆ องครักษ์จินหลินก็พาเสี่ยวเอ้อร์ร้านสุราออกไป
เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางเอานิ้วเคาะเท้าแขนเก้าอี้เบาๆ
จากร้านไป่เว่ยถึงที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน ต่อให้เดินเท้าก็ไปถึงได้ในเวลาครึ่งชั่วยาม แต่สือซานบอกว่าแยกกับหร่านรานตอนต้นยามอู่ แต่ตอนท้ายยามอู่เพิ่งกลับถึงที่ว่าการ เช่นนั้นในช่วงเวลาครึ่งชั่วยามระหว่างนั้นเขาไปทำอะไร
หรือจะพูดว่าจริงๆ แล้วครึ่งชั่วยามนั้นเขาอยู่กับหร่านราน…
เจียงถังยิ่งคิดลึกลงไปสีหน้าก็ยิ่งสิ้นหวัง