กระวานน้อยแรกรัก
ทดลองอ่าน กระวานน้อยแรกรัก บทที่ 18
เขาไล่หญิงสาวพวกนั้นกลับไปแล้วจริงๆ แต่ว่าแม่นางชิงอวี่ผู้นั้นเล่า ตั้งแต่ต้นจนจบเขากลับไม่ได้อธิบายเลยสักคำ ยามนี้ดียิ่ง เขาไม่ไปรับ ผู้อื่นกลับเอาตัวมาส่งถึงที่ นางอยากจะเห็นนักว่าเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมเช่นไรกันแน่
พูดจบนางก็ไม่รอให้เจียงซวี่ปริปาก รีบให้เจ้าเมืองนำทางไปทันที
ภายในห้องโถง ชิงอวี่เปลี่ยนมาสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำทะเล กำลังนั่งตัวตรงรอคอยอยู่ ครั้นเห็นเจ้าเมืองเดินเข้ามา นางก็ลุกขึ้น ความปีติเปรมปรีดิ์ยามหางตาเหลือบไปเห็นติ้งเป่ยอ๋องยังมิทันเอ่อล้นออกมาก็ต้องผงะอึ้งไปพักใหญ่เพราะเห็นสตรีแปลกหน้า
สตรีผู้นั้นผิวขาวผ่องปานหิมะ รูปโฉมงามล้ำดุจบุปผา นัยน์ตาใสกระจ่างฟันขาวสะอาด ก้าวฝีเท้าอย่างงดงามชดช้อย สะคราญโฉมเสียจนทำให้คนมิอาจละสายตาได้ เลอค่าราวกับเพชรนิลจินดา ละเมียดละไมคล้ายบุบสลายง่าย ชวนให้คนต้องกลั้นหายใจขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่กล้าจะสูดหายใจเอาตามใจชอบ
หมิงถานเองก็มองสำรวจสตรีตรงหน้าเช่นกัน สตรีผู้นี้รูปโฉมสะสวยงามงดยิ่ง แต่เหมือนว่านางจะเคยเห็นที่ใดมาก่อน ไฉนถึงได้มีความคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
หลันเฟย ฮองเฮา ไป๋หมินหมิ่น โจวจิ้งหว่าน เสิ่นฮว่า อวิ๋นอี่… ดวงหน้าโฉมงามที่คุ้นเคยหลายดวงปรากฏผ่านในหัวสมองของนาง รวมไปถึงรูปโฉมของตนยามถือคันฉ่องส่องตนเองก็หวนย้อนนึกถึงเล็กน้อยด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งสิ้น
แต่ว่าเค้าโครงหน้าตาเช่นนี้…
นางยังไม่ทันขบคิดได้คำตอบ ชิงอวี่กลับคุกเข่าดังตุ้บลงตรงหน้านาง โขกศีรษะเสียงดังก้องสามครั้ง แผ่นหลังเหยียดตรง มีความแข็งกร้าวอย่างเหมาะสมพอดิบพอดี
“บ่าวคารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายาเพคะ”
ระหว่างทางตอนมาที่นี่ นางได้เจอกับเหล่าสหายจากหอฮุยโหลวที่ถูกส่งตัวกลับมา จึงรู้ว่าติ้งเป่ยอ๋องเดินทางมาหลิงโจวในคราวนี้ แท้ที่จริงแล้วมีพระชายาติดตามเดินทางมาด้วย เช่นนั้นคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ก็คงจะเป็นพระชายาอย่างไม่ต้องสงสัย
นางคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเอ่ยต่อไปว่า “บ่าวรู้ตัวดีว่ามีฐานะต้อยต่ำ ไม่คู่ควรจะได้ปรนนิบัติรับใช้ท่านอ๋อง แต่ว่าบ่าวถูกใต้เท้าอวี้ผู้บัญชาการกองการค้าทางทะเลบีบบังคับ ถ้าหากท่านอ๋องไม่ยอมรับตัวบ่าวไว้ บ่าว…” ต่อมานางก็โขกศีรษะไปทางหมิงถานอีกหลายที “ขอพระชายาโปรดมีเมตตารับบ่าวไว้ด้วยเถิด บ่าวยินดีเป็นวัวเป็นม้าตอบแทนบุญคุณ จะไม่ล้ำเส้นแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวแน่นอนเจ้าค่ะ”
กิริยาท่าทางเช่นนี้ทำให้ความรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ เหล่านั้นของหมิงถานมลายหายวับไปจนหมดสิ้น
หมิงถานกำลังใคร่ครวญว่าความรู้สึกคุ้นเคยนั้นมาจากที่ใด ชิงอวี่กลับเข้าใจผิดคิดว่าหมิงถานเริ่มสั่นคลอน จึงเล่าต่อไปว่าตนเองเติบโตอยู่ในหอฮุยโหลวมาตั้งแต่เยาว์วัยอย่างยากลำบากเพียงใด บอกให้รู้เป็นนัยๆ ว่านางอยากจะหลุดพ้นจากหอฮุยโหลว หลุดพ้นจากสกุลซู่มากเพียงใด
หมิงถานนั่งลงบนที่นั่งตำแหน่งประธาน ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด ยามช้อนตาขึ้นกลับเหลือบไปเห็นภาพวาด ‘เทพธิดาเหนือธาราวสันต์’ ที่แขวนอยู่ตรงด้านขวาของห้องโถงเสียก่อน ในสมองเกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาทันใด อยู่ๆ นางก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ ในใจสะท้านสะเทือน หันมองไปทางเจียงซวี่อย่างไม่รู้ตัว
เจียงซวี่สบตากับนางแวบหนึ่ง ถือว่าเป็นการยอมรับในสิ่งที่นางกำลังคิดอยู่ในใจอย่างกลายๆ
หมิงถานเบาใจลงเล็กน้อย วางหินก้อนยักษ์ที่กดทับในหัวใจลง นางยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบดื่มครึ่งอึกอย่างสุภาพสง่างาม แล้วถึงค่อยหันไปมองชิงอวี่ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
นางเอ่ยด้วยเสียงละมุนว่า “แม่นางชิงอวี่อยากออกมาจากหอฮุยโหลวหรือ”
“เจ้าค่ะ” ชิงอวี่ขานตอบอย่างไม่มีความลังเลใจแม้แต่กระผีกริ้น
ไม่ง่ายเลยกว่าชิงอวี่จะโน้มน้าวอวี้ป๋อจงให้นางมาลองดูก่อนสักครั้งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม นางจะต้องช่วงชิงโอกาสที่จะได้อยู่ข้างกายติ้งเป่ยอ๋องให้ได้ ถึงแม้จะต้องข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง* ยอมล่วงเกินสกุลซู่ก็ตามที
หมิงถานนิ่งขบคิดแล้วเอ่ยว่า “จวนอ๋องไม่ใช่ที่หลบภัย หากใครๆ มาขอร้องก็รับตัวไว้หมด เช่นนั้นจวนอ๋องก็คงจะเบียดเสียดจนไม่มีที่ยืนแล้ว แต่ว่าแม่นางชิงอวี่รูปโฉมถูกชะตาข้าไม่น้อย ถ้าอยากออกมาจากหอฮุยโหลวจริงๆ ข้าก็จะช่วยเจ้าสักครั้ง”
ชิงอวี่สะกดจิตใจที่กำลังพลุ่งพล่านเอาไว้ ใบหน้าแสดงออกมาแต่ความซาบซึ้งตื้นตันใจเท่านั้น ครั้นแล้วก็รีบโขกศีรษะขอบคุณทันที
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด นางเดิมพันถูกจริงๆ คุณหนูเปราะบางที่ไม่เคยลำบากลำบนเหล่านี้ล้วนใจอ่อนกันทั้งสิ้น หากคิดจะเข้าปะทะหาเรื่องด้วย มิสู้กดท่าทีให้ดูต่ำต้อยที่สุด เรียกร้องขอความสงสารยังจะดีเสียกว่า
ทว่าหมิงถานกลับยกมือขึ้นปรามไว้ “แม่นางชิงอวี่ไม่จำเป็นต้องรีบขอบคุณไป ข้าสามารถช่วยเจ้าให้ออกมาจากหอฮุยโหลวและช่วยรับรองว่าใต้เท้าอวี้จะไม่มาหาเรื่องเจ้าเพราะเหตุนี้ได้ แต่ว่าความถูกชะตาก็จะสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้เช่นกัน เมื่อเจ้าออกมาจากหอฮุยโหลวแล้ว ภายภาคหน้าจะยากดีมีจน จะมั่งคั่งร่ำรวย ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับตัวแม่นางเอง แน่นอนว่าจะไปจากหอฮุยโหลวหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแม่นางเช่นกัน”
ความหมายคือ พระชายาสามารถช่วยให้ข้าออกมาจากหอฮุยโหลวได้ แต่ไม่อนุญาตให้ข้าเข้าจวนติ้งเป่ยอ๋อง? ชิงอวี่เงยหน้าขึ้น สบเข้ากับสายตานุ่มละมุนของหมิงถาน
“พระชายา บ่าว…”
“แม่นางชิงอวี่ไม่ต้องรีบร้อนตอบ ข้าให้เวลาเจ้าขบคิดให้ดีๆ หนึ่งวัน พรุ่งนี้ก่อนตะวันตกดิน ถ้าหากเจ้าอยากไปจากหอฮุยโหลว ก็จะมีคนช่วยจัดการให้เจ้า”
ชิงอวี่นิ่งเงียบเบื้อใบ้ไปชั่วขณะ อดหันมองไปทางเจียงซวี่มิได้ หวังว่าเขาจะช่วยพูดแทนนางสักประโยค
ก่อนหน้านี้ยามอยู่ที่หอฮุยโหลว ติ้งเป่ยอ๋องผู้นี้มองนางมากกว่าผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าอย่างน้อยเขาก็มิใช่ว่าไม่สนอกสนใจอันใดนางเลย สรุปแล้วระหว่างนี้มันเกิดข้อผิดพลาดขึ้นตรงที่ใดกันแน่
* คำว่า ‘กินน้ำส้ม’ หมายถึงอาการหึงหวง
* ประหารก่อนค่อยกราบทูล อุปมาถึงการที่ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติหน้าที่ใดให้ลุล่วงไปก่อน แล้วจึงค่อยรายงานผลต่อผู้บังคับบัญชาทีหลัง
* กฎหมายการหย่าของจีนในสมัยโบราณ เรียกว่า ‘เจ็ดออกสามไม่ไป’ คือเหตุแห่งการหย่าเจ็ดข้อ ได้แก่ ไม่กตัญญูต่อบิดามารดา ไม่มีทายาท คบชู้สู่ชาย ริษยาหึงหวง เป็นโรคร้าย ปากมากช่างนินทา ลักขโมย โดยหากมีเหตุหนึ่งข้อก็สามารถหย่าได้ แต่ถ้าภรรยาตรงตามข้อใดข้อหนึ่งในเหตุที่ไม่อาจหย่าสามข้อ ได้แก่ ไม่มีบ้านเดิมให้กลับ ไว้ทุกข์บิดามารดาสามีครบสามปี หรือแต่งงานกันตั้งแต่สามียังยากจนภายหลังร่ำรวยขึ้นมา สามีจะไม่สามารถหย่าภรรยาได้
* ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้ง เป็นสำนวน หมายถึงหลังจากบรรลุจุดประสงค์ของตัวเองแล้วก็ละทิ้งผู้ที่เคยช่วยเหลือตัวเอง
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนเมษายน 66)