(2)
หลังจากเราจัดการกับอาหารเย็นเรียบร้อยฉันก็รับหน้าที่เก็บล้าง เจ๊นั่งที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ในห้องรับแขก พร้อมกับช่วยเก็บชิ้นส่วนของกล่องและกระดาษห่อของขวัญไปด้วย เมื่อฉันกำลังเช็ดมืออยู่หน้าอ่างล้างจานในครัวก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นเบาๆ
“เจ๊ขา ช่วยแอบดูให้หนูหน่อย ใครมาเคาะประตูไม่รู้”
เจ๊หยุดมือแล้วเดินไปแอบดูตาแมวที่ประตู “อุ๊ย สวรรค์ทรงโปรด หนูบัวจ๋า หนูมีเซอร์ไพรส์หลังอาหารเย็นสำหรับเจ๊ด้วยเหรอจ๊ะ”
เจ๊ทำตาลุกวาวให้ฉันที่กำลังเดินมาสมทบ
“เซอร์ไพรส์อะไรคะ หนูไม่มีอะไรสักหน่อย”
“มาดูที่ประตูนี่เร็วๆ เข้า”
ฉันรีบเดินไปที่ตาแมวบ้าง แต่ภาพที่เห็นนั้นทำให้งงๆ อยู่ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูคือใคร
“ผู้ชายคนนี้เป็นใครล่ะเจ๊ หนูไม่รู้จัก”
“อ้าว! เจ๊ก็ไม่รู้ แต่นี่มันห้องหนูนะ แล้วเขาก็กำลังจะเคาะประตูอีกรอบแล้ว”
เราทำเสียงกระซิบกระซาบกันเพราะกลัวคนข้างนอกจะได้ยิน ฉันตัดสินใจจะกระชากประตูออก เจ๊เตือนสติว่าก่อนที่เราจะเปิดประตูต้อนรับชายหนุ่ม โดยเฉพาะหนุ่มที่หน้าตาดีมากๆ เช่นนี้ เราควรสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อน ฉันก้มมองตัวเองตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงข้อเท้าแล้วเห็นว่าตัวเองใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอยู่ มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ดังนั้นจึงตัดสินใจเปิดประตูพร้อมกับที่ได้ยินเสียงเจ๊ถอนหายใจเบาๆ
ทันทีที่เปิดประตู ฉันก็เห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ ไหล่กว้าง ผมรองทรงสีน้ำตาลเข้ม ตาโตสีน้ำตาล คิ้วดกหนา จมูกเป็นสัน และริมฝีปากบาง เขาใส่เสื้อโปโลสีขาว ดูท่าทางจะอายุมากกว่าฉันไม่กี่ปี สมองฉันรีบบอกตัวเองว่าผู้ชายคนนี้น่ามอง แต่ดูเขาจะตกใจเล็กน้อยที่ฉันเปิดประตูออกมาอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับ” เขาทักทายขึ้นมาก่อน
“สวัสดีค่ะ ต้องการพบใครคะ”
“คุณเมษินีอยู่ห้องนี้รึเปล่าครับ”
“ฉันเมษินีค่ะ”
หลังจากที่พูดจบ เจ๊กี้ก็โผล่ออกมาจากห้องบ้างพร้อมยื่นมือมาทักทายชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าห้องของฉัน
“หวัดดีฮะ ผมนิรุตต์ ไม่ทราบคุณคือ…”
เจ๊วางมาดค่อนข้างแมน แต่ขอโทษเถอะ…เธอปิดบังประกายตาระยิบระยับไม่พ้นหรอก