“สวัสดีครับคุณเมษินี”
เขาทักทายอย่างร่าเริงและยิ้มเหมือนเด็กๆ ที่ได้ของที่ถูกใจ
“สวัสดีค่ะคุณณัฐ ดิฉันส่งร่างงานฉบับใหม่ให้คุณเมื่อเช้านี้แล้วนะคะ”
“วันนี้ไม่พูดเรื่องงานหนึ่งวัน คืนนี้ผมมาพักผ่อนครับ คุณสวยจัง”
เขาเอ่ยปากชมง่ายๆ อย่างเป็นธรรมชาติแล้วไล่สายตาอบอุ่นมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้ฉันรู้สึกดีใจและนึกขอบคุณเจ๊กี้ที่ทุ่มเทเนรมิตให้นางสาวเมษินีเป็นเหมือนเจ้าหญิงในคืนนี้ หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งในฟิตเนส รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเจ๊เอาข้อศอกกระทุ้งฉันเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ คุณก็แปลกตาไปนะคะ เสื้อเชิ้ตสีสวยมาก”
ฉันว่ามันสวยจริงๆ นะ ฉันเป็นโรคลำเอียงกับทุกสิ่งที่เป็นสีม่วง
เขายิ้มอย่างภาคภูมิใจจนเห็นฟันขาวเรียงกันอย่างสวยงาม “ผมรู้แล้ว คุณต้องชอบสีม่วงแน่เลย แล้วคนใส่หล่อไหมครับ”
ฉันตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขามีท่าทีสบายๆ แล้วยังพูดเล่นกับฉันด้วย สงสัยวันนี้คงอยากมาพักสมองจริงๆ
“หล่อค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ต้องเดินไปรอบห้องกับพี่กี้ค่ะ จะได้รู้ว่าตัวเองหล่อขนาดไหน”
เขาทำหน้าเหลอหลาแล้วหันไปทางเจ๊กี้ “ทำไมครับ”
“ก็จะมีคนชมว่าคู่ของผมคืนนี้หล่อมากน่ะสิฮะ”
เจ๊กี้กับฉันหัวเราะพร้อมกัน ส่วนคุณณัฐคงรู้สึกอายเพราะเพิ่งเข้าใจความหมาย จึงเปลี่ยนเรื่องพูดก่อน
“คุณนิรุตต์ครับ งานจะเริ่มอย่างเป็นทางการกี่โมงครับ”
“เรียกกี้ก็ได้ฮะ เราเจอกันหลายครั้งถือว่ารู้จักกันแล้ว” เจ๊ยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้แล้วยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู “อีกประมาณสิบห้านาทีข้างหน้านี้แหละฮะ ถ้าอย่างนั้นผมฝากยายบัวไว้กับคุณณัฐก่อนแล้วกัน ขอตัวไปคุยกับบอสแป๊บนึง”
แล้วเจ๊ก็หันมาบอกฉันว่าจะรีบกลับมา ฉันอยากถามเหลือเกินว่าเจ๊รู้มาก่อนหน้าหรือเปล่าว่าคุณณัฐจะมาร่วมงานนี้ด้วย อันที่จริงฉันอยากดึงตัวเจ๊ไว้เพราะไม่รู้จะพูดอะไรกับคุณณัฐ นึกออกก็แค่เรื่องงานเท่านั้น
“คุณเมษินีมีเครื่องดื่มแล้วเหรอครับ ผมยังไม่มีเลย ไปที่บาร์เป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม” เขาชวนคุยขึ้นมาก่อน
“ได้ค่ะ คุณเรียกดิฉันว่าบัวก็ได้” ฉันอนุญาต
“ขอบคุณครับคุณบัว”
เขายิ้มแบบทำให้ใจฉันละลายอีกครั้ง แล้วผายมือให้ฉันเดินนำหน้าไปก่อน
เมื่อเรามาถึงบาร์ เขาก็สั่งเครื่องดื่มของตัวเองมาหนึ่งแก้ว แล้วเราก็เลือกมายืนมุมที่มีแซนด์วิชชิ้นเล็กวางอยู่ เขาหยิบจานขึ้นมา
“คุณบัวชอบทานอะไรครับ” เขาทำท่าเหมือนจะตักให้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณณัฐตามสบายเลย ดิฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ” ฉันเกรงใจที่อยู่ๆ ลูกค้าจะมาบริการ